ตอนที่ 295 ดีต่อทั้งสองฝ่าย
ในงานสัมมนาวันรุ่งขึ้น หลังจากจบงานสัมมนาแล้วหวงเหล่าก็เชิญอวี๋กานกานไปที่อวี้อีถัง
อวี๋กานกานยิ้มให้หวงเหล่าอย่างรู้สึกผิด เพราะบ่ายวันนี้เธอจะต้องไปที่บ้านตระกูลเจียงเพื่อไปติดตามอาการของคุณเจียง
เมื่อเห็นฟางจือหันที่รออยู่ในรถด้านนอก หวงเหล่าก็ยกมือลูบเคราของตัวเอง พลางหัวเราะเสียงดัง “ไม่เป็นไรๆ ฉันเข้าใจ ยังไงก็อย่าลืมเชิญฉันไปดื่มเหล้ายินดีด้วยล่ะ”
อวี๋กานกานหน้าแดงก่ำ ยามที่พยายามส่งยิ้มกลับไป “หวงเหล่า อย่าแกล้งฉันสิคะ”
เมื่อเห็นทั้งสองเดินพูดคุยและหัวเราะกันออกมาจากสมาคม คงไม่ต้องบอกว่าสีหน้าของซูจิ่วซานแย่ขนาดไหน
เซี่ยวเสี่ยวอิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอก็ดูไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ “ทำไมหวงเหล่าต้องดีกับเด็กนั่งขนาดนั้น เธอคงไม่ได้เป็นญาติอะไรกับหวงเหล่าหรอกใช่ไหม”
ซูจิ่วซานเงียบกริบ เพราะเธอรู้ว่าไม่ใช่
ก่อนหน้านี้หวงเหล่าก็ไม่ได้รู้จักอวี๋กานกาน แล้วเพราะแบบนี้ถึงทำให้คนที่เห็นเครียดแค้น
ทั้งๆ ที่อวี๋กานกานไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง แล้วทำไมหวงเหล่าต้องดีกับเธอขนาดนั้นด้วย เขาเป็นถึงนักวิชาการของวงการการแพทย์แท้ๆ
อวี๋กานกานนั่นมีอะไรดี นอกจากยังสาวกว่าเธอหน่อยก็ไม่เห็นจะมีตรงไหนที่มีประโยชน์ และไม่ได้เก่งไปกว่าเธอเลยสักนิด
ซูจิ่วซานไม่ยอมรับ ไม่สามารถคงความเกลียดชังในสายตาและในใจเอาไว้ได้
แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
บ้านตระกูลเจียง
ภายในห้องรับแขก เจียงไป่อันกำลังเอาแผนงานให้นายผู้เฒ่าเจียงดู “คุณปู่ครับ ถ้าเราเริ่มโปรเจกต์นี้ ปีหน้าเราจะได้กำลังเพิ่มขึ้นถึง 10% เลยนะครับ”
ชายสูงอายุลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พลางมองเอกสารด้วยท่าทางเหม่อลอยนายผู้เฒ่าเจียง
กระทั่งเมื่อฟางจือหันกับอวี๋กานกานเข้ามาด้วยกัน เขาถึงได้รีบวางเอกสารในมือลง
อวี๋กานกานเองก็เห็นเจียงไป่อัน เธอหรี่ตาลงอย่างไม่สบอารมณ์ แววตาปรากฏความรังเกียจและเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง
เธอยิ้มให้นายผู้เฒ่าเจียงอย่างมีมารยาท “สวัสดีค่ะคุณท่าน”
นายผู้เฒ่าเจียงตอบอืมกลับอย่างเย็นชา
คุณท่าน? เด็กโง่ แค่ปู่ก็ยังเรียกไม่ได้…
เจียงไป่อันเหลือบมองฟางจือหันกับอวี๋กานกาน ก่อนจะหันไปพูดกับนายผู้เฒ่าเจียงพร้อมรอยยิ้ม “งั้นไว้อ่านเอกสารเสร็จแล้วค่อยคุยกันใหม่นะครับคุณปู่”
ชายสูงอายุปรายตามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะรับเอกสารมา ทว่าคราวนี้เขากลับไม่ได้ดู แต่ยื่นให้ฟางจือหันแทน “เธอเริ่มเข้ามาดูแลงานของบริษัทแล้ว เพราะงั้นให้เธอดูโปรเจกต์นี้ก็แล้วกันว่าควรจะทำหรือไม่”
ฟางจือหันตอบกลับเสียงเย็นโดยไม่แม้แต่จะก้มลงอ่านเอกสาร “ไม่ผ่าน”
เจียงไป่อันระเบิดออกมาทันที “ฟางจือหัน หมายความว่ายังไง คุณยังไม่ทันได้อ่านรายละเอียด ทำไมถึงบอกว่าไม่ผ่านแล้ว!”
นายผู้เฒ่าเจียงโยนเอกสารในมือลงบนโต๊ะข้างหน้าอย่างแรง
แม้ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ แต่กลับแสดงอำนาจออกมาได้อย่างเต็มที่
ชายสูงอายุโบกมือด้วยความหงุดหงิด “เธอกลับไปก่อนเถอะ”
เจียงไป่อันเกลียดที่ปู่ไม่ไว้หน้าเขา และเกลียดตัวปู่มากเช่นกัน
เขาพยายามข่มความโมโหในใจเอาไว้ ยามที่พูดด้วยความประหม่า “ผมว่าปู่ค่อยๆ ดูเอกสารดีกว่าครับ มันดีต่อทั้งสองฝ่ายจริงๆ ถ้าเราพัฒนาโปรเจกต์นี้ เจียงกรุ๊ปก็จะได้หลุดพ้นจากความลำบากอย่างทุกวันนี้”
เสียงของฟางจือหันเย็นยะเยือกราวกับหิมะ “ดีต่อทั้งสองฝ่าย? หรือดีต่อคุณคนเดียว”
หลังกลับมาที่ตระกูลเจียง ฟางจือหันก็ไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องของเจียงกรุ๊ปอีก กับเจียงไป่อันก็ยิ่งมองเหมือนเป็นอากาศ และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาวางอำนาจเผชิญหน้ากับเจียงไป่อันอย่างไร้ความปราณี
เขาพูดต่อ “โปรเจกต์ของคุณคือเอาบริษัทเข้าสู่อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ และหนึ่งในบริษัทที่ร่วมงานกันก็คืออันเหอเฮลท์แคร์?”
เจียงไป่อันตัวแข็งทื่อ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
นายผู้เฒ่าเจียงตกใจมากยามที่หันมองฟางจือหันราวกับกำลังถามว่าชายหนุ่มรู้ได้อย่างไร
ตอนที่ 296 เขาเข้าใจดี
ปกติแล้วโปรเจกต์ที่บริษัทเตรียมไว้จะถูกเก็บเป็นความลับ เว้นแต่ลูกน้องที่สนิทที่สุด ถึงขั้นว่าแม้เป็นลูกน้องคนสนิทก็ยังรู้แค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีทางมีโอกาสหลุดรอดให้คนอื่นรู้อย่างแน่นอน
ฟางจือหันจะไม่รู้ได้อย่างไร
อวี๋กานกานเองก็มองฟางจือหันด้วยความแปลกใจ
เขานั่งลงที่ริมหน้าต่าง เอนหลังพิงโซฟา ยกขาไขว่ห้าง ออร่าความเย็นยะเยือกและทรงพลังกระจายไปทั่ว
“เจียงกรุ๊ปซื้อหุ้นของอันเหอเฮลท์แคร์ ใช้การถือหุ้นร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยกลุ่มลูกค้าหลักคือคนหนุ่มสาวและวัยกลางคนที่มีสุขภาพดี”
ฟางจือหันพูดต่อไป
แววตาของเจียงไป่อันเริ่มปรากฏความกระวนกระวาย ยามที่เขาหันขวาไปหาฟางจือหัน “คุณยังไม่ได้อ่านเอกสารฉบับนี้เลย”
ฟางจือหันเพิ่งจะเข้ามา ดังนั้นก็แน่นอนว่าเขายังไม่ได้อ่าน
แต่เขาก็ยังพูดต่อไป “สูตรผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพมาจากอันเหอเฮลท์แคร์ แต่กลับใช้แบรนด์ของเจียงกรุ๊ป แต่ละฝ่ายถือหุ้น 50% ใช้วิธีการโปรโมทออนไลน์เป็นหลัก ทุ่มทุนกับการโปรโมทโฆษณาเป็นจำนวนมาก โดยอาศัยชื่อเสียงในอุตสาหกรรมยาของเจียงกรุ๊ปที่มีมาหลายปี เมื่อผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพในเครือของเจียงกรุ๊ปวางจำหน่าย ก็จะเป็นที่ต้องการของทุกคนทันที”
เจียงไป่อันตีหน้าขรึม ตำหนิฟางจือหัน “คุณแอบอ่านเอกสารแผนงานของผม!!”
ไม่อย่างนั้นฟางจือหันไม่มีทางรู้รายละเอียดทั้งหมดแน่นอน
ฟางจือหันตวัดสายตามองชายหนุ่ม เสียงเข้มเจือไปด้วยความถากถาง “แผนงานของคุณน่ะไม่จำเป็นต้องให้ผมไปแอบดูก่อนหรอก”
เจียงไป่อันถลึงตามองอีกฝ่ายด้วยความโมโห “ฟางจือหัน เอาเปรียบคนอื่นแล้วมาทำไม่รู้ไม่ชี้แบบนี้ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ มาแอบอ่านเอกสารของผมแบบนี้ ไม่ใช่ว่าคิดจะแย่งโปรเจกต์นี้ไปหรอกใช่ไหม”
ฟางจือหันนิ่งสงบราวกับน้ำ “ผมบอกไปแล้วว่าโปรเจกต์นี้ไม่ผ่าน”
ในเมื่อไม่ผ่านแล้วทำไมต้องแย่งด้วย
เจียงไป่อันแค่นหัวเราะ “ไม่ผ่าน? ทำไมถึงไม่ผ่าน! ภายนอกเจียงกรุ๊ปดูมีหน้ามีตา แต่เราไม่มียาที่เป็นแบรนด์ของตัวเองเลย มีแต่ยาสามัญหรือไม่ก็ยาที่ได้รับอนุญาต คนนอกอาจไม่รู้ แต่เราเข้าใจดี ถ้าหากไม่ศึกษาค้นคว้ายาใหม่ๆ ถ้าใบอนุญาตหมดอายุ เจียงกรุ๊ปก็จะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ แต่ยาตัวใหม่ก็ไม่ได้พัฒนาออกมาได้ง่ายขนาดนั้น หลายปีมาแล้วก็ยังไม่ได้ยาที่เป็นของเจียงกรุ๊ปออกมา ตอนนี้ทุกคนกำลังให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ชอบไปต่างประเทศ ไปซื้อพวกผงโปรตีน เมล็ดองุ่น วิตามินต่างๆ แต่ในจีนกลับไม่มีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพของตัวเอง เจียงกรุ๊ปสามารถขยายเป็นธุรกิจใหม่ได้”
เขาพูดอย่างฮึกเหิม แต่นายผู้เฒ่าเจียงกลับปฏิเสธเสียงเรียบ “เอาล่ะ เธอกลับไปก่อนเถอะ”
ความร่วมมือครั้งนี้ อันเหอเฮลท์แคร์เป็นเจ้าของสูตร ดูๆ ไปแล้วเหมือนอันเหอเฮลท์แคร์จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
แต่ความจริงแล้วฝ่ายที่เสียเปรียบก็คือเจียงกรุ๊ป เพราะสิ่งที่มีมูลค่ามากที่สุดก็คือชื่อแบรนด์ของเขา
เจียงไป่อันกําหมัดแน่น ราวกับใกล้จะหมดความอดทนเต็มที
ทว่าจู่ๆเขาก็หัวเราะเสียงเย็น “คุณปู่ลำเอียงเกินไปหรือเปล่าครับ ผมต่างหากที่เป็นหลานชายคนโตของปู่ ทำไมผมทำอะไรก็ไม่ได้ไปซะหมด ในขณะที่ฟางจือหันทำอะไรก็ได้ ปูอย่าลืมสิครับว่าเขาไม่ได้แซ่เจียงแล้ว ตอนนี้เขาแซ่ฟาง เขาไม่ใช่คนตระกูลเจียงเราตั้งนานแล้ว”
นายผู้เฒ่าเจียง ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับระเบิดขึ้นมาทันที “นี่เธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าแกล้งไม่เข้าใจกันแน่ ชื่อเสียงของเจียงกรุ๊ปสำคัญมาก ถ้าทำผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพออกไปมันจะหมายความว่ายังไง?”
ฟางจือหันเงยหน้าขึ้น เสียงที่ฟังดูเย็นชาเอ่ยตอบอย่างราบเรียบ “ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจ แต่เพราะว่าผมเข้าใจดีต่างหาก”