ตอนที่ 311 ใจเต้นโครมคราม
อวี๋กานกานชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นถึงมองไปที่ฟางจือหัน สายตาของชายหนุ่มดูทั้งตามใจและเอ็นดู เผยความอ่อนโยนแบบไร้ขีดจำกัดอยู่ภายใต้แสงไฟสีนวล
โตอะไรกัน เธอเป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้ว
เขาดูเหมือนไม่ได้ปลอบอะไรมาก แต่กลับทำให้รู้สึกเรากับมีไฟแล่นอยู่ในหัวใจ กระตุ้นให้แขนขาชาไปชั่วขณะ
จู่ๆ ฟางจือหันก็เปลี่ยนเรื่อง สายตาของเขาเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง “เธอไม่สน แต่ฉันสน ฉันไม่อนุญาตให้พวกเขามาด่า มาโจมตีคนที่ฉันแคร์”
เมื่อได้ยินแบบนั้น อวี๋กานกานก็ร้อนวูบขึ้นมาในใจ
ทั้งอ่อนโยนและซาบซึ้งใจ
เธอคือคนที่เขาแคร์?
มันไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เขาพูดแบบสบายๆ ว่าเขาเป็นสามีของเธอ ประโยคนี้มันฟังดูเหมือนเป็นการสารภาพรัก
ใจเต้นแรงขึ้นมาทันที!
ฟางจือหันในเวอร์ชั่นนี้หล่อจนทำเอาคนมองแข้งขาอ่อนแรงจริงๆ
อวี๋กานกานพลันรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนขึ้นมา
จู่ๆ ปลายนิ้วเรียวยาวก็มาหยุดที่หน้าผากของอวี๋กานกาน ทำเอาเธอต้องถอยหลังด้วยความตกใจ ยามที่เอ่ยถามก็มองเขาด้วยความตื่นตระหนก “คะคะ…คุณจะทำอะไร”
ฟางจือหันได้แต่มองเธออย่างจนใจ “ฉันมากกว่าที่ต้องถาม ทำไม…จู่ๆ เธอถึงหน้าแดง”
อวี๋กานกานยื่นมือออกมาลูบแก้มของตัวเองโดยอัตโนมัติ “ฉันหน้าแดงเหรอ?”
ฟางจือหันอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางเขินอายและกระวนกระวายของเธอ “ฉันแค่บอกว่าเธอโตแล้ว มีอะไรต้องอาย”
“ไม่ใช่แบบนั้น” ให้ตายอย่างไรอวี๋กานกานก็ไม่ยอมรับ “ฉันแค่ร้อน ฉัน…กลับห้องไปอาบน้ำนอนดีกว่า”
พูดจบก็หันหลังวิ่งเข้าห้องของตัวเองโดยไม่รอคำตอบจากฟางจือหัน
หลังจากปิดประตู เธอก็ยกมือกุมหัวใจที่กำลังเต้นแรง
เธอชอบฟางจือหันที่เป็นแบบนี้เอามากๆ
ทำยังไงดี?
–
แอคเคาท์ของเยี่ยกรุ๊ปโพสต์คลิปวิดีโอ
[เหตุผลที่โพสต์คลิปนี้มีอยู่สองข้อ ข้อแรกคือขอบคุณคุณหมออวี๋กานกานที่ช่วยรักษาอาการป่วยให้กับนายหญิงของเย่กรุ๊ป และทนดูเธอทุกคนด่าแบบนี้ต่อไปไม่ได้จริงๆ ขอถามหน่อยว่าเธอทำอะไร บอกว่าเธอสร้างกระแส เธอมีเวยปั๋ว? เธอจ่ายเงินโปรโมทตัวเอง? แม้แต่แอคเคาท์ที่จะมาพูดคุยกับทุกคนเธอก็ยังไม่มี ขอถามหน่อยว่าเธอจะสร้างกระแสไปเพื่ออะไร แค่ช่วยเหลือคนๆหนึ่งกลับต้องถูกพวกคุณระแวงสงสัยขนาดนี้เชียวหรือ คำพูดเหล่านั้นมันช่างโหดร้ายจนยากจะจินตนาการถึงได้]
เนื้อหาของคลิปคือเรื่องราวในวันที่อวี๋กานกานช่วยเหลือหญิงชราและลูกสาวของเธอ
ลูกสาวของหญิงชราเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ในวันนั้นออกมาอย่างละเอียด
บอกว่าพวกเธอตามหาอวี๋กานกานอยู่ตลอด อยากจะขอบคุณที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เพราะวันนั้นตอนที่ไปโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่าถ้าหากไม่ได้อวี๋กานกานที่ช่วยเอาไว้ได้ทันเวลา พวกเธอคงจากโลกนี้ไปแล้ว
และเยี่ยกรุ๊ปก็ทำการปักหมุดโพสต์นี้เอาไว้บนเวยปั๋ว
เกิดความฮือฮาขึ้นบนอินเทอร์เน็ตทันที
เรื่องราวเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง สื่อกระแสหลักทั้งโทรทัศน์และทางออนไลน์ต่างก็รายงานเรื่องนี้ออกไป แอคเคาท์ทางการตลาดหลายแอคเคาท์ก็แชร์คลิปนี้ด้วยเช่นกัน
มีชาวเน็ตบางคนเปิดเผยว่าฐานะที่แท้จริงของอวี๋กานกานไม่ใช่ลูกผู้ดีมีเงิน ครอบครัวของเธอธรรมดามาก และเป็นครอบครัวที่อยู่ในวงการการแพทย์
ชาวเน็ตเข้าใจว่าตัวเองถูกปั่นหัว เพราะแบบนั้นจึงเริ่มค้นหาตัวตั้งตัวตีของการแฉครั้งนี้ด้วยความโมโห ต่อมาภายหลังก็ได้รู้ว่าคนคนนั้นเป็นหมอเช่นกัน
สุดท้ายแล้วทั้งรูปและชื่อของเซี่ยวเสี่ยวอิงก็ถูกชาวเน็ตเอามาโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต
เซี่ยวเสี่ยวอิงตกใจมาก เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย!
เธอเปิดเข้าเวยปั๋วที่ไม่ได้เข้ามานานแล้ว จากนั้นก็โพสต์เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเอง
แต่ไม่มีใครเชื่อเธอ
ชาวเน็ตจำนวนมากต่างก็เข้ามาด่าและโจมตีเธอที่ใต้โพสต์นั้น ถึงขั้นมีคนส่งมีดกับพวงหรีดมาที่บ้าน
เซี่ยวเสี่ยวอิงไปแจ้งตำรวจด้วยความโมโหจนแทบกระอักเลือด
ตอนที่ 312 ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น
ตั้งแต่เกิดเรื่องมาจนถึงปัจจุบันอวี๋กานกานก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองและไม่ได้โพสต์ข้อความอะไรลงบนอินเทอร์เน็ตเลย
กรรมการสมาคมเคยถามเธอว่าอยากจะสมัครเวยปั๋วไหม จะได้โพสอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย แต่เธอก็ปฏิเสธ
ถ้าหากสมัครเวยปั๋วในเวลานี้ก็มีแต่จะทำให้คนเหล่านั้นคิดว่า ในที่สุดก็เปิดเวยปั๋วแล้ว ตั้งใจจะสร้างกระแสจริงๆ สินะ
และแน่นอนว่าทางสมาคมก็ได้มีการสอบถามไปยังเซี่ยวเสี่ยวอิงแล้ว
เซี่ยวเสี่ยวอิงรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมสุดขีด เธอทั้งน้ำมูกน้ำตาไหล บอกกับทางสมาคมว่าตนถูกใส่ความ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเลยแม้แต่น้อย
และในขณะเดียวกันนั้นเอง เยี่ยซีก็สืบเจอคนที่ปล่อยข่าว คนที่ทำลายเรื่องดีๆ ของเขา
พอคิดว่าของขวัญที่เขาตั้งใจจะให้อวี๋กานกาน สุดท้ายกลับกลายเป็นเคราะห์ร้ายที่เกือบจะทำให้อวี๋กานกานไม่สามารถลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้อีก ก็พลอยทำให้เขานึกอยากจะทำลายคนปล่อยข่าวคนนั้นซะ
เยี่ยซีลงไปที่สมาคม
เขาบุกเข้าไปในห้องประชุมขณะที่ทุกคนกำลังประชุมกันอยู่
เขากวาดตามองไปรอบๆ และหยุดสายตาที่ซูจิ่วซาน จากนั้นก็เดินชมเข้าไปและใช้กระบองที่ถืออยู่ในมือฟาดลงบนโต๊ะอย่างแรง
เกิดเสียงดังลั่น ทำให้ทุกคนตื่นตกใจ
ทุกคนต่างก็ตกใจ นิ่งมองโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เยี่ยซีจ้องซูจิ่วซานที่ดูคุ้นตาด้วยความเดือดดาล แล้วจู่ๆ ก็คิดเรื่องคราวก่อนขึ้นมาได้
“ที่แท้ก็คุณนี่เอง คราวก่อนที่เจอคุณเห็นทำท่าทางเย็นชาตอนที่คุยกับหมออวี๋ ผมว่านะคุณน้า คุณก็อายุปูนนี้แล้ว ยังจะไปอิจฉาเด็กสาวอีก ไม่รู้สึกละอายบ้างเลยเหรอ! ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าคุณเป็นผู้หญิง วันนี้ผมต้องต่อยคุณแน่”
ซูจิ่วซานเพิ่งตั้งสติได้จากความตกใจเมื่อครู่ ยามที่ขมวดคิ้วถามกลับไป “คุณชายเยี่ย ไม่ทราบว่าฉันไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจ ทำไมถึงกัดไม่ปล่อยสักที”
“ผมโปรโมทให้หมออวี๋บนอินเทอร์เน็ตเพราะอยากขอบคุณที่ช่วยรักษาคุณย่า ตอนแรกตั้งใจจะให้เป็นของขวัญเธอ อยากให้เธอเซอร์ไพรส์ แต่สุดท้ายคุณกลับมาทำลายเรื่องดีๆ ของผม ไปโพสต์ข้อความอะไร บอกว่าการช่วยเหลือคนเป็นการสร้างเรื่อง บอกว่าที่สร้างกระแสเป็นความจริง ทำให้ผมขอบคุณหมออวี๋ไม่สำเร็จ แถมยังเกือบจะเป็นการทำร้ายเธออีกด้วย!!” เยี่ยซีใช้กระบองฟาดลงบนโต๊ะอย่างแรงอีกสองครั้ง
ทุกคนต่างก็ช็อคไปตามๆ กัน
นอกจากอวี๋กานกานที่แอบสงสัยอยู่แล้วก่อนหน้านี้ คนอื่นๆ ล้วนแต่ตกใจที่รู้ความจริง
ซูจิ่วซานลนลานอยู่ครู่หนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ยังปฏิเสธเสียงแข็ง “ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร”
เยี่ยซีชี้ไปที่ซูจิ่วซาน “คุณอาจจะไม่ยอมรับ คิดจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมมีหลักฐาน…”
เขายังพูดไม่ทันจบประโยค จู่ๆก็มีใครบางคนวิ่งตรงมาตรงหน้าซูจิ่วซาน
ยกมือขึ้นตบหน้าซูจิ่วซานอย่างแรง
เสียงดังชัดเจนจนทำเอาทุกคนผงะไปอีกครั้งหนึ่ง หนึ่งในนั้นรวมถึงเยี่ยซีที่มาด้วยความโมโหด้วย
ทุกคนมองไปทางเซี่ยวเสี่ยวอิงที่เพิ่งตบซูจิ่วซานด้วยความตกใจ
นิ่งค้าง!
ซูจิ่วซานเองก็ไม่อยากจะเชื่อ เธอยกมือกุมแก้มที่ถูกตบ พลางมองเซี่ยวเสี่ยวอิงด้วยความตกใจ “เซี่ยวเสี่ยวอิง ทำอะไรของเธอน่ะ”
เซี่ยวเสี่ยวอิงไม่ได้อ่อนโยนกับเธอเหมือนที่เคย เธอจ้องฝ่ายนั้นเขม็งเหมือนกำลังจ้องศัตรู ยามที่ยกมือขึ้นตบหน้าซูจิ่วซานอีกครั้ง “เธอนี่เอง ที่แท้คนที่ทำร้ายฉันก็คือเธอนี่เอง”
แรงตบทำให้ใบหน้าของซูจิ่วซานบวมขึ้นมาทันที
รอยนิ้วมือสีแดงสดเหมือนมีเลือดคั่งอยู่ภายใน แบบที่ทำให้คนมองรู้สึกเจ็บไปด้วย
เซี่ยวเสี่ยวอิงเต้นเร่าด้วยความโกรธ เบิกตาโต กัดฟันกรอด “เธอไม่ชอบอวี๋กานกาน อยากจะจัดการอวี๋กานกาน แล้วทำไมต้องดึงฉันมาเป็นแพะรับบาป รู้ไหมว่าสองวันมานี้ฉันต้องเจออะไรบ้าง?!!”