อวี๋กานกานเข้าใจเป้าหมายสุดท้ายของลุงใหญ่อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว
ขายคลินิก!
หากเธอยินยอมขายคลินิกร่วมกันกับพวกเขา บางทีเธออาจได้เงินส่วนแบ่งก้อนหนึ่ง
หากเธอปฏิเสธ อาหารมื้อนี้ก็คืองานเลี้ยงที่หงเหมินเยี่ยน[1] และหลังจากออกไปจากที่นี้ พวกเขาต้องเอาพินัยกรรมมาบีบบังคับเธอให้ยอมมอบคลินิก ไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย
อวี๋กานกานจดทะเบียนสมรสแล้ว เรื่องดำเนินมาถึงจุดตัดสิน ลุงใหญ่เผยไผ่ใบสุดท้ายในมือไม่ประนีประนอมอีกต่อไป เริ่มใช้ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อนต้อนเธอให้จนมุม
ลุงใหญ่มองหน้าฟังจือหันแล้วกล่าว “จือหัน ตอนนี้เธอยังไม่มีงาน ที่จริงจะทำธุรกิจเล็กๆ กับกานกานก็ได้นะ แค่ขายคลินิกไปเสีย พวกเธอก็มีต้นทุนแล้ว จากนี้ไปจะได้เป็นเจ้าคนนายคน ไม่ต้องทนทุกข์ลำบากลำบน”
ใบหน้าเยือกเย็นหล่อเหลาของฟังจือหันลังเลเล็กน้อย
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย “แบบนี้ดีมาก” จากหันไปมองอวี๋กานกาน “งั้นขายคลินิกไหม”
ลุงใหญ่ยิ้ม
ป้าสะใภ้ใหญ่และเหอหว่านซินก็มีสีหน้าเบิกบานใจเช่นกัน ก่อนหน้านี้พวกเธอรู้สึกว่าไม่แน่อาจจะสามารถร่วมมือกับฟังจือหันได้
ร่วมมือกันได้จริงๆ เสียด้วย ก็นะคลินิกที่ใหญ่ขนาดนั้น ทั้งยังตั้งอยู่ใจกลางเมืองไป๋หยาง หากขายไปนั้นคือเงินก้อนโตเชียวล่ะ จะไม่ให้หวั่นไหวได้อย่างไร
แต่อวี๋กานกานนิ่งอึ้งไปแล้ว
เธอถลึงตาใส่ฟังจือหันไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ “…” เธอไม่ได้โกรธฟังจือหันที่ต้องการขายคลินิก ลุงใหญ่ไม่เข้าใจ เธอกับฟังจือหันรู้ดี ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคน ยังไม่ถึงขั้นที่สามารถตัดสินใจแทนอีกฝ่ายได้ ฟังจือหันไม่สามารถชี้นำให้เธอขายหรือไม่ขายคลินิกได้ แต่เขาก็ยังดันทุรังจะพูดกับเธอแบบนี้ ทั้งยังแสดงได้ปลอมมาก
อวี๋กานกานไม่เข้าใจฟังจือหันจริงๆ ว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่
“ผมอยากให้คุณอยู่ที่บ้านกับผม ไม่อยากให้คุณมีชีวิตที่ลำบาก” นิ้วมือเรียวยาวของฟังจือหันลูบผมบริเวณหน้าผากของอวี๋กานกาน มองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง พูดด้วยน้ำเสียงที่มัวเมาให้ลุ่มหลง
อวี๋กานกานดันมือฟังจือหันออก “หนูจะไม่ขายคลินิกค่ะ”
สีหน้าของลุงใหญ่ดำทะมึนทันที กล่าวสั่งสอนด้วยเสียงเย็น “กานกาน ทำไมหนูถึงไม่รู้ความเอาซะเลย ตอนนี้อาจารย์ของหนูหายตัวไป พวกลุงก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน พวกลุงอยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีเงิน ไม่มีเงินก็ไร้ซึ่งหนทางที่จะตามหาอาจารย์หนู อีกอย่างวันๆ หนูก็เอาแต่อยู่ในคลินิกไม่มีเวลาด้วยซ้ำ หรือว่าหนูไม่อยากตามหาอาจารย์แล้ว?”
อวี๋กานกานชื่นชมลุงใหญ่มากจริงๆ จะพลิกลิ้นก็พลิกลิ้น ทั้งยังกล่าวสั่งสอนอย่างมีหลักการและเหตุผล ถ้าเธอไม่ได้รู้จักนิสัยของลุงใหญ่ดี เกรงว่าจะถูกข่มขวัญเข้าให้แล้วจริงๆ เชื่อว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยอาจารย์คนสวย
รู้ถึงแผนการชั่วร้ายของพวกเขาแล้ว ในตอนที่อวี๋กานกานไม่อยากจะเสวนากับพวกเขาอีก ทันใดนั้นประตูห้องวีไอพีก็ถูกเปิดออก
อวี๋กานกานหันหน้าไปมอง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหยางเทียนโย่ว ก่อนหน้านี้ลุงใหญ่ไม่ใช่รับปากกับเธอแล้วเหรอว่าจะไม่ให้หยางเทียนโย่วมาปรากฏตัวต่อหน้าเธออีก แล้วทำไมถึงเรียกหมอนี้มา…ไม่ถูกต้อง บ้านลุงใหญ่สามคนนั้นดูเหมือนจะประหลาดใจเสียยิ่งกว่าเธออีก พวกเขาหน้าเปลี่ยนสีมองหยางเทียนโย่ว “นายมาได้ยังไง”
หยางเทียนโย่วขมวดคิ้วเล็กน้อย มองหน้าเหอหว่านซิน “อาซิน ไม่ใช่คุณเป็นคนเรียกผมมาหรอกเหรอ”
เหอหว่านซินมึนงง “ฉันไม่ได้เรียก ฉันไม่รู้?!”
ในใจของอวี๋กานกานร้องดัง “เอ๋”
ในขณะนั้นเองฟังจือหันที่นั่งอยู่ข้างๆ หยิบซ้อนซุปตักรังนกยื่นมาตรงริมฝีปากอวี๋กานกาน “…”
อวี๋กานกาน “…”
ฟังจือหันจ้องหน้าเธอ หางตาและหางคิ้วเต็มไปด้วยความอบอุ่นรักใคร่ “อึ้งอะไร อ้าปากสิ”
อวี๋กานกานข่มความสงสัยนับหมื่นในใจ เธออ้าปากงับช้อน
ที่เข้าไปในปากนั้นใช่รังนกเหรอ
เหมือนอยู่ใต้ต้นงงกินผลงงมากกว่า[2]…
หยางเทียนโย่ว คงไม่ใช่ฟังจือหันเป็นคนเรียกมาหรอกนะ?
——
[1] งานเลี้ยงที่หงเหมินเยี่ยน เป็นสำนวนที่มาจากสมัยยุคฉินตอนปลาย อำนาจแบ่งออกเป็นสองฝั่งระหว่างเซี่ยงอวี่และหลิวปัง เซี่ยงอวี่ได้เชิญหลิวปังให้มาร่วมงานเลี้ยงกระชับที่หงเหมินเยี่ยน เพื่อหวังฉวยโอกาสนี้กำจัดหลิวปังแต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ สำนวนนี้จึงมีความหมายว่างานเลี้ยงที่จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ที่ไม่ดีแอบแฝงอยู่
[2] อยู่ใต้ต้นงงกินผลงง ดัดแปลงมาจากเพลงต้มไม้แห่งปัญญา เนื้อมีอยู่ว่า บนต้นงงมีผลงง ใต้ต้นงงมีเธอกับฉัน นั่งเรียงแถวอยู่หน้าต้นงง หนึ่งคนหนึ่งผลงง ที่แท้คนที่งงไม่ได้มีเพียงฉัน เอาผลงงมาเพิ่มอีกลูก! ความหมายคือสับสนงุนงง