ตอนที่ 333 คนไข้คนนี้เป็นอะไรไป
เจียงฉี่หน้าขาวซีดเหมือนหิมะ รีบนั่งตัวตรงและประคองอวี๋กานกานขึ้นมาอีกทั้งถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “คุณเป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บรึเปล่า”
อวี๋กานกานกลั้นความเจ็บปวดบนแผ่นหลังเอาไว้แล้วส่ายหน้าให้ หลังจากนั้นก็แหวใส่เจียงไป๋อัน “นายนี่มันเกินไปจริงๆ เป็นผู้ชายตัวโตมาผลักเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอจะทรงตัวอยู่ได้ยังไง ถ้าล้มแล้วบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไง”
เจียงไป๋อันเอ่ยค้าน “คนจำพวกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาอย่างยายนั่นก็ควรจะโดนสั่งสอน”
อวี๋กานกานโกรธเคือง “เกรงว่าสมองนายคงมีปัญหา สมองส่วนน้อยบกพร่อง เกิดความผิดปกติตอนที่อยู่ในท้องแม่นายสินะ คนที่เธอช่วยเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเธอ จะเรียกว่ากินบนเรือนขี้รดบนหลังคาได้ยังไงกัน”
เจียงไป๋อันโมโหหน้าดำหน้าแดง ยกมือขึ้นมาจะตีอวี๋กานกาน ในขณะนั้นก็มีเสียงน่าเกรงขามดังขึ้น
“นี่แกกำลังจะทำอะไร”
ปู่เจียงที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่และดูอยู่นานแค่ไหนแล้วกำลังยืนอยู่บนบันไดข้างบนพร้อมกับจ้องเจียงไป๋อันอย่างน่ากลัว
มือของเจียงไป๋อันพลันชะงัก สีหน้าฉายแววตกใจ หลังจากนั้นเขาก็อธิบายด้วยความหวั่นเกรง “คุณปู่ครับ ผู้หญิงคนนี้จงใจยุแยงผมกับเสี่ยวฉี่ สร้างปัญหาให้สกุลเจียงของพวกเรา”
อวี๋กานกานขมวดคิ้วพลางมองผู้ชายที่รังแกคนอ่อนแอกว่าด้วยสายตาเหยียดหยาม
เจียงฉี่ส่ายหน้าแล้วอธิบายอย่างไม่สบายใจ “คุณปู่คะ ไม่ใช่แบบนั้น พี่ใหญ่เขา…”
ตอนที่เธอพูดก็มองไปทางเจียงไป๋อันและโดนเจียงไป๋อันจ้องเขม็ง
นิสัยนุ่มนิ่มอย่างเธอจึงกลืนคำพูดส่วนท้ายลงไปหมดโดยไม่รู้ตัว
ปู่เจียงค่อยๆ เดินลงมา บอกให้เจียงฉี่พาอวี๋กานกานไปพักผ่อนที่ห้องของฟังจือหัน
เจียงฉี่พยักหน้าแล้วจูงอวี๋กานกานขึ้นชั้นบน
ในห้องเงียบมากแม้จะอยู่ชั้นบนแต่อวี๋กานกานยังได้ยินปู่เจียงตะคอกอย่างเดือดดาลชัดถ้อยชัดคำ “แกมันไอ้คนสารเลว”
เจียงฉี่หันไปมอง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
อวี๋กานกานคิดว่าเธอคงจะไม่วางใจเรื่องปู่เจียง ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ปู่เจียงก็เพิ่งได้รับการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจมา แม้จะดุด่าเต็มแรงในทุกวันแต่หากโกรธจัดขึ้นมานั่นไม่ดีต่อร่างกายเป็นอย่างมาก
“คุณลงไปดูคุณปู่เถอะ ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
“ขอโทษด้วยนะคะเป็นเพราะฉันทั้งหมดเลย หลังของคุณ…” เจียงฉี่อยากจะร้องไห้ หยาดน้ำตาเอ่อคลอหน่วยแต่กลับกลั้นเอาไว้อย่างเข้มแข็งและกล้าหาญ
“ฉันไม่เป็นไร ชนไม่แรง”
“งั้นคุณไปพักที่ห้องพี่ก่อนค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปหาคุณ…”
เจียงฉี่ขอโทษเสร็จก็รีบผละไป
อวี๋กานกานเข้าไปในห้องนอนของฟังจือหัน
เธอเอื้อมมือจะไปแตะที่หลังของตนเอง แต่ใครจะรู้ว่าตอนที่ยกแขนเอื้อมไปด้านหลังทำให้รู้สึกเจ็บขึ้นมา ดูเหมือนว่าหลังจะกระแทกจนช้ำแล้ว คาดว่าจะต้องเจ็บไปสองวันถึงจะหาย
อวี๋กานกานนั่งลงบนโซฟาอย่างเชื่องช้า
ประมาณสองเดือนก่อนช่วงที่อาจารย์มาปักกิ่ง ในตอนนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งมาหาอาจารย์ที่อวี้หมิงถาง เขาสวมแว่นกันแดด ใส่สูท เวลาเดินเชิดหน้าสูงเหมือนกับใช้รูจมูกมองทางอย่างนั้น
มิน่าเธอมักจะรู้สึกเจียงไป๋อันคนนี้ดูคุ้นตา
หลังจากพูดคุยกับอาจารย์เสร็จ เจียงไป๋อันก็โกรธจัด
ตอนที่เดินเฉียดไหล่กับเธอก็ไม่รู้จักเบี่ยงตัว ชนเข้าอย่างแรงในทันที เธอจึงก้าวถอยหลังไปชนเข้ากับชั้นวางด้านข้าง
ในตอนนั้นเธอนึกว่าเขาเป็นคนไข้คนหนึ่งและป่วยเป็นโรคร้ายแรงสักอย่าง พอรู้จากอาจารย์ว่ารักษาไม่หายก็ถึงได้เดือดดาลขนาดนั้น
เธอจำได้ว่าตอนนั้นยังถามอาจารย์อยู่ “คนไข้คนนี้เป็นอะไรไปคะ”
ตอนที่ 334 ไม่มีทางรักษา ช่วยไม่ได้แล้ว
ตอนนั้นอาจารย์ทำเพียงแค่ส่งยิ้มบางๆ “ป่วยไม่มีทางรักษา ช่วยไม่ได้แล้ว”
จากการที่เธอสังเกตเจียงไป๋อันหลายครั้งตอนที่เจอกัน เขาไม่มีทางที่จะเป็นผู้ป่วยไร้ทางรักษาอย่างเด็ดขาด แต่ทำไมอาจารย์ถึงพูดแบบนั้นกัน
เจียงไป๋อันมาหาอาจารย์ทำไม
เป็นเพราะป่วยจริงเหรอ หรือเป็นเพราะเรื่องอื่นกันแน่
งั้นเป็นเรื่องอะไรที่ทำให้เจียงไป๋อันโกรธซะขนาดนั้น ด้วยนิสัยหยิ่งยโสจอมบงการจนสบายตัวของเจียงไป๋อันนี้ถ้าอาจารย์ทำให้เขาหงุดหงิดแล้วเจียงไป๋อันจะไม่ทำอะไรเลยเหรอ
ไม่
เจียงไป๋อันจะต้องแก้แค้นอย่างไม่ต้องสงสัย
งั้นการหายตัวไปของอาจารย์จะเกี่ยวข้องกับเขาด้วยหรือไม่
แต่ว่าระหว่างอาจารย์กับเจียงไป๋อันจะพัวพันกันได้อย่างไร
เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนั้น ฝ่ายจัดงานเบื้องหลังก็คือบริษัทยาไป๋ฟัง
ตอนนี้ฟังจือหันรับช่วงต่อสกุลเจียง หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในการสัมมนาของบริษัทยาไป๋ฟัง ฟังจือหันน่าจะรู้ดีที่สุด ถ้ามีปัญหาฟังจือหันน่าจะบอกกับเธอตั้งนานแล้ว
งั้นเจียงไป๋อันไปหาอาจารย์เพราะอะไรกันแน่
ตอนที่อวี๋กานกานลงมาข้างล่างอีกครั้ง เจียงไป๋อันก็กลับไปแล้ว
ปู่เจียงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้จันทร์แดง เจียงฉี่ยืนปลอบให้ใจเย็นอยู่ด้านข้างเขา พอเห็นอวี๋กานกานลงมาแล้วก็กวักมือให้
อวี๋กานกานเดินไปบอกลา
ปู่เจียงกลับให้เธอนั่งลงและมองไปที่เจียงฉี่แว่บหนึ่ง เจียงฉี่แตะมืออวี๋กานกานแล้วแยกออกไป ชัดเจนว่าชายแก่มีเรื่องที่ต้องการจะพูดตามลำพังกับเธอ
รอให้อวี๋กานกานนั่งลงจากนั้นปู่เจียงจึงเอ่ยถามเธอ “เสี่ยวฉี่บอกว่าเธอได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเขาไว้ใช่ไหม”
“แค่กระแทกเท่านั้น ไม่ได้ร้ายแรงอะไรค่ะ”
“เด็กคนนี้นิสัยเสียตั้งแต่เด็กแล้ว พูดจาการกระทำไม่มีขอบเขต ถึงขั้นลงมือกับน้องสาวของตัวเองได้เลย ช่างสารเลวจริง” ปู่เจียงหน้าบึ้งตึง ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
อวี๋กานกานไม่ได้พูดตอบ มองชายแก่ด้วยสายตานิ่งเรียบ ผมหงอกทั้งหัว มีริ้วรอยลึกระหว่างหัวคิ้ว บ่งบอกใบหน้ามีอายุ
ยังคงเป็นชายแก่ที่สง่างามและน่ากำเกรง
เพียงแค่ตัวเขามีบรรยากาศเยือกเย็นกระจายออกมาอย่างบอกไม่ถูก
ปู่เจียงหลับตาลงแล้วเอ่ยอย่างเหนื่อยล้า “เรื่องในวันนี้ฉันไม่ต้องการให้เธอบอกจือหัน”
อวี๋กานกาน “…”
เขาไม่ต้องการให้เธอบอกเรื่องเจียงไป๋อันกับฟังจือหันเพราะกลัวว่าหลังจากที่ฟังจือหันรู้จะไม่ดีกับเจียงไป๋อันเพราะตัวเธอ
ปู่เจียงในตอนนี้ไม่ใช่หัวหน้าตระกูลอันโด่งดังแต่เป็นชายแก่คนหนึ่งที่ใช้ชีวิตมาโชกโชนอย่างเลือกไม่ได้
คนอายุมากคนหนึ่งที่ในใจไร้เรี่ยวแรงและเศร้าโศกอย่างที่สุด อยากจะปกปิดเอาไว้แต่ก็ปิดไม่ได้
แม้ปู่เจียงจะชอบฟังจือหันหลานชายคนนี้มาก แต่ว่าการที่เขาให้ฟังจือหันเป็นทายาทตระกูลเจียงเพียงเพราะชอบฟังจือฟันจริงหรือ แล้วจะมอบทุกอย่างของตระกูลเจียงให้กับฟังจือหันจริงไหม
หรือบางทีเขาก็ทำเพียงเพื่อรักษาทุกอย่างของตระกูลเจียงเอาไว้
ปู่เจียงซึ่งเป็นตำนานแห่งธุรกิจผลิตยาท่านนี้ทำให้สกุลเจียงพึ่งเพียงยาทั่วไปกับสิทธิบัตรยาก็เปิดเครือบริษัทใหญ่ได้ เห็นได้ชัดว่าเก่งกล้าและเฉลียวฉลาดแค่ไหน
เผด็จการ เย่อหยิ่ง ไม่มีเหตุผลแต่ก็ยังพอมีดีอยู่บ้าง
แต่ต่อให้คนจะเก่งกาจแค่ไหน สุดท้ายก็จะมีวันที่แก่ลง
ปู่เจียงเข้าใจเป็นอย่างดี สุขภาพของเขาแย่ลงเรื่อยๆ
เปลี่ยนแปลงไปตามการเวลา สกุลเจียงก็ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตแห่งการเปลี่ยนแปลง ไม่สามารถคิดค้นยาของตนเองได้อีก ไม่อย่างนั้นท้ายที่สุดก็จะถูกกำจัดออกไป
ตระกูลที่ภายนอกดูงดงามน่าเคารพ ภายในเป็นดังกระเป๋าหนังเสื่อมสภาพ เขาควรจะมอบหน้าที่สำคัญของสกุลเจียงให้กับใครกัน
คนไหนที่จะเป็นทายาทในอุดมคติมากที่สุด จึงจะสามารถทำให้ตระกูลเจียงเจริญรุ่งเรืองต่อไปได้