ตอนที่ 335 หัวหน้าตระกูลที่แสนขมขื่น
แฝงตัวอยู่ในโลกธุรกิจหลายปี ชายแก่จึงเข้าใจเป็นอย่างดีเลย ตระกูลร่ำรวยสูงศักดิ์ใดหากไม่มีทายาทที่แข็งแกร่งสักคน ความมั่งคั่งที่พวกเขามีทั้งหมดจะหายไปอย่างรวดเร็ว
ลูกชายสองคนกับหลานชายอีกไม่กี่คน ปู่เจียงน่าจะพิจารณาแล้วพิจารณาอีก ต่างก็ไม่มีใครเหมาะสมเลย ในเวลานี้เขาจึงนึกถึงฟังจือหันซึ่งประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงอยู่ในแวดวงธุรกิจขึ้น
ให้หลานชายที่กลายเป็นราชสีห์กลับมาปกป้องดินแดน ปกป้องพวกจิ้งจอกที่ดูเหมือนดุร้ายแต่กลับไม่มีเขี้ยวเล็บซึ่งอาจจะถูกเสือสิงขย้ำ
สิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลและน่าขำก็คือจิ้งจอกกลับไม่รู้ว่าตนเองกลายเป็นจิ้งจอกที่แอบอ้างบารมีเสือ[1]
เขาคิดอยู่ทุกวันว่าจะฆ่าเสือที่อยู่ด้านหลังอย่างไรเพื่อให้ตนเองกลายเป็นราชันที่แท้จริง
โดยไม่รู้เลยว่าแค่ราชสีห์ตาย เสือสิงรอบตัวเขาก็จะสามารถฉีกเขาเป็นชิ้นๆ
ปู่เจียงครุ่นคิดอย่างหนัก เจียงไป๋อันไม่ได้รับรู้เลยสักนิด สิ่งที่เขาคิดอยู่ทุกวันก็คือจะให้ตนเองกลายเป็นหัวหน้าราชสีห์
แต่ไม่ได้นึกเลยว่าสุนัขพันธุ์เชาเชาก็เป็นแค่สุนัขพันธุ์เชาเชา ไม่มีทางกลายเป็นราชสีห์ได้อย่างแน่นอน
อวี๋กานกานก็ไม่ใช่พระแม่ที่เนรคุณ
เธอจดจำความแค้นและหาโอกาสแก้แค้นอยู่ตลอด ใครก็ตามที่มาทำร้ายเธอ เธอก็พร้อมหาทางเอาคืน
เรื่องทุกอย่างที่เจียงไป๋อันทำในวันนี้เธอคิดว่าพอกลับไปถึงบ้านก็จะบอกฟังจือหัน
ในตอนนี้…อยู่ตรงหน้าดวงตาลึกลับคู่นั้นของปู่เจียง เธอก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้
สุดท้ายอวี๋กานกานไม่ได้รอให้ฟังจือหันมารับ นั่งอยู่พักหนึ่งแล้วถือกล่องยาออกไป
ฟ้าจะมืดค่อนข้างไวในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ กลางคืนเงียบสงัดเข้าปกคลุมโลก อากาศช่วงใกล้จะเข้าสู่ปีใหม่เย็นสุดๆ
เมื่อพาร่างอันหนาวเหน็บกลับมาถึงบ้าน อวี๋กานกานก็เข้าไปในห้องน้ำในทันที
ตอนที่อาบน้ำเธอหันหลังส่องกับกระจก เห็นรอยช้ำเป็นวงอยู่เลือนราง โชคดีที่เอวไม่ชนเข้า ไม่ใช่เจ็บกว่า แต่ยืนนั่งไม่สะดวก ไม่รู้ว่าวันเวลาแห่งความยากลำบากจะนานเท่าไหร่
ฟังจือหันกลับบ้านมาตอนกลางคืน อวี๋กานกานกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารพลางจัดการกับบันทึกบทเรียนในช่วงนี้
“ทำไมไม่ไปที่ห้องหนังสือ”
“ฉันกลัวว่าในห้องหนังสือคุณจะมีความลับธุรกิจอะไรสักอย่าง ถ้าโดนคนอื่นทำข้อมูลรั่วไหลขึ้นมา ก็เป็นฉันไปที่ห้องหนังสือคุณ โทษก็จะตกมาอยู่ที่ฉัน มีแต่เรื่องแย่ๆ” อวี๋กานกานพูดแหย่เล่น
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คุณก็ขายตัวใช้หนี้” ปากของฟังจือหันเคลื่อนเข้ามาข้างหูเธอ อีกทั้งมือวางอยู่บนบ่าของอวี๋กานกาน
ลูบลงไปเล็กน้อยก็สะกดโดนแผลบนหลังอวี๋กานกานเข้า
อวี๋กานกานขมวดคิ้ว สีหน้าเจ็บปวดอย่างปิดไว้ไม่มิด
ฟังจือหันรีบปล่อยมือ สายตาจับจ้องเธอไม่วางตา “เป็นอะไรไป”
อวี๋กานกานรอให้ความเจ็บจางหายไปแล้วหลังจากนั้นจึงหันไปมองหน้าเขา “หลังกระแทกมานิดหน่อย”
แววตาของฟังจือหันราบเรียบ ยื่นมือไปเลิกเสื้อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้อวี๋กานกานตกใจ “คุณจะทำอะไร”
“ให้ผมดูหน่อย”
“ไม่ต้องดูหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
“ลุกขึ้น”
“ทำไมเหรอ” อวี๋กานกานเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
แต่ว่าเธอก็ยังลุกขึ้น
“ผมขอดูหน่อย”
จะให้เขาดูด้านหลังงั้นก็ต้องถอดเสื้อ นี่มันไม่ได้เด็ดขาด อวี๋กานกานส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกๆ บอกแล้วไงว่าไม่ได้ร้ายแรงอะไร”
ฟังจือหันจอมเผด็จการบ้าอำนาจ ตอนนี้เห็นได้ชัดเจน
ไม่ว่าอวี๋กานกานจะปฏิเสธออย่างไรก็ให้เธอนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง เลิกปลายเสื้อเธอขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้ววางไว้ตรงท้ายทอย
ผิวสัมผัสกับอากาศในทันที ร่างกายอวี๋กานกานสั่นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ เธออยากจะขยับไหล่เพื่อดึงลงไปในทันทีแต่กลับเกิดความเจ็บขึ้นมาระลอกหนึ่ง เธออายสุดขีดขบริมฝีปากแล้วเอ่ย “คุณไม่ต้องดูแล้ว”
——
[1] จิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ เป็นสำนวนจีนหมายถึงพึงพาหรือใช้อำนาจของคนอื่นมากดขี่ คุกคามคน
ตอนที่ 336 ตอนนี้ฉันคือป้าของคุณ
รอยช้ำบนผิวขาวสะดุดตาเป็นพิเศษ ฟังจือหันพอเห็นสีหน้าก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็น แม้แต่อากาศรอบข้างก็หนาวเย็นขึ้นมาทันที
เขาเหลือบไปมองกล่องยาของอวี๋กานกานซึ่งอยู่บนชั้นวางของแล้วเอ่ยถาม “ในกล่องยาคุณมียาอยู่ใช่ไหม”
อวี๋กานกานใบหน้าเห่อร้อน แม้จะเห็นแค่หลังแต่กลับทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองโดนเห็นไปหมดแล้ว “มีค่ะ ฉันทาเองเรียบร้อยแล้ว”
ฟังจือหันเอื้อมมือไปหยิบกล่องยา เปิดออกแล้วถามเธอ “ขวดไหน”
“ช่างมันเถอะค่ะ” อวี๋กานกานไม่ค่อยอยากจะให้เขาทายาให้ตนจึงเอ่ยปฏิเสธ
“งั้นก็ทาทุกหลอดเลย” ฟังจือหันถือขวดยาหลอดขวดแล้วขยับมาส่ายอยู่ตรงหน้าอวี๋กานกาน
อวี๋กานกานหมดคำพูด “…”
เธอค้อนฟังจือหันไปทีหนึ่งแล้วชี้ไปที่หลอดขี้ผึ้งที่อยู่ในช่องที่สอง
ฟังจือหันหยิบหลอดนั้นมา ใช้นิ้วปาดยาทาไปบนผิว
นิ้วเย็นเคลื่อนไปบนแผ่นหลังอย่างเชื่องช้าเหมือนกับมีขนนกสะบัดอยู่ในใจ อวี๋กานกานเกร็งไปทั้งร่าง ไม่กล้าจะหายใจแรง
“ไปชนได้ยังไง”
“ทรงตัวไม่ดี ตัวฉันเอง…ไม่ระวังเลยชนเข้า” อวี๋กานกานลังเลเล็กน้อย นึกไปถึงใบหน้าผ่านตามกาลเวลาของชายแก่ แววตาที่อยากจะปกปิดความข่มขืนเอาไว้แต่ไม่มิด พอคิดแล้วก็ไม่พูดความจริงไปดีกว่า
ปู่เจียงบอกว่าหลังจากนี้เจียงไป๋อันไม่กล้ามายุ่งกับเธออีกแล้ว
คิดว่าเขาน่าจะสั่งสอนเจียงไป๋อัน และดูออกว่าเจียงไป๋อันกลัวชายแก่มาก หลังจากนี้คาดว่าจะทำตัวดีขึ้นแล้ว
ฟังจือหันเอียงคอเล็กน้อย มองใบหน้าด้านข้างของเธอ ยามที่ดวงตาสื่อความหมายคู่นั้นหรี่ลงเหมือนกับสามารถมองคนทะลุปรุโปร่งไปในชั่วขณะ
เขาไม่ได้จี้ถามอีก เพียงแค่จู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องไป “ตรวจอาการเป็นยังไงบ้าง สุขภาพดีขึ้นไหม”
อวี๋กานกานเอามือเท้าคาง “ไม่เป็นอะไรมาก และฟื้นตัวได้ดี”
“ทำไมไม่รอให้ผมไปรับคุณ”
“ก็ไม่ใช่เพราะว่าเจียงไป๋อันมา…” อวี๋กานกานเผลอพูดพลันนึกขึ้นได้ว่าไม่ถูกต้องเลยรีบหันหน้าไปมองฟังจือหัน
สีหน้าของฟังจือหันเป็นปกติในยามที่สบสายตากับเธอ และส่งเสียง “อืม” เรียบๆ
อวี๋กานกานคิดว่าเขาน่าจะไม่สงสัยอะไร คิดจะเปลี่ยนเรื่อง เธอจึงนึกถึงเรื่องที่ปู่เจียงโทรศัพท์ขึ้นมาในทันทีและหันหน้าไปพูดกับฟังจือหัน “ฉันต้องอธิบายสักหน่อย ฉันไม่ได้บังคับให้ปู่ของคุณพูดว่าจะแต่งกับคุณเลยนะ”
“อืม” ฟังจือหันพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เงียบครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นมา “คุณบังคับปู่ผมให้พูดว่าจะให้ผมแต่งกับคุณ”
“คุณพูดให้ดีๆ นะ คุณรู้รึเปล่าว่าตอนนี้ฉันเป็นป้าของคุณ”
“อะไรนะ”
ฟังจือหันประหลาดใจ ทำให้อวี๋กานกานหัวเราะอย่างมีเลศนัย “ปู่คุณบอกว่าจะนับฉันเป็นลูกสาว งั้นฉันต้องเป็นป้าคุณไม่ใช่ไง”
เสียงของเธอยังไม่ทันหยุด มือที่ทายาให้เธอของฟังจือหันจู่ๆ ก็ลงแรง
อวี๋กานกานเจ็บ กลั้นเสียงร้องไม่ไหว
เธอมองฟังจือหันด้วยความโมโหแล้วต่อว่า “คุณทำอะไร อยากจะเป็นฆาตกรเหรอ”
“ผมอยากกินคุณแล้ว”
ฟังจือหันพูดจบก็แนบกายมาในทันที กัดลงไปที่หัวไหล่มนของเธอ
อวี๋กานกานเจ็บ “คุณเป็นหมาน้อยเหรอ กัดฉันทำไม”
ฟังจือหันไม่ได้กัดแรง ทิ้งไว้เพียงรอยแดงจางๆ เท่านั้น นอกจากนั้นเพียงครู่เดียวก็ค่อยๆ จางหายไป เขาขยับเข้ามาใกล้หูของเธอ งับที่ใบหูของเธอย่างคาดโทษ
อวี๋กานกานเบิกตาโต ยื่นมือจะผลักหัวของคนด้านหลังออกไป
ฟังจือหันจับมือของเธอแล้วดันไปบนเตียง หลังจากนั้นก็จูบเธออย่างหนักแน่น แต่กลับไม่ได้รุกล้ำ คล้ายกับว่าบดเบียดกลีบปากของเธอ เหมือนจงใจแกล้งเล่นเสียอย่างนั้น