ตอนที่ 379 อาจารย์เหม่ยเหรินกลับมาแล้ว (4)
เธอคิดถึงสภาพของอาจารย์ตอนนี้ว่าน่าอายแบบนั้นไม่ใช่แค่เหนื่อยเฉยๆ แน่ ควรจะรีบกลับไปอาบน้ำพักผ่อน
ก่อนที่จะเข้าห้องอวี๋กานกานให้อาจารย์รออยู่ข้างนอก เธอเข้าในในห้องเตรียมเตาอั้งโล่มาวางไว้ที่ประตูเพื่อให้เหอสือกุยก้าวข้ามเตาอั้งโล่เข้ามาในห้อง
เธอพูดพร่ำ “หมดทุกข์หมดโศกหมดโรคหมดภัยเคราะห์แคล้วคลาด จากนี้ไปขอให้สงบสุขราบรื่นๆ”
เหอสือกุยยิ้มเจือจางก่อนจะข้ามเตาเข้าห้องไป
ห้องไม่คุ้นเคยเขาเลยถาม “นี่บ้านใคร”
อวี๋กานกานตอบ “เพื่อนคนหนึ่งค่ะชื่อหลินจยาอวี่ เมื่อก่อนเป็นคนไข้ของหนูตอนนี้กลายเป็นเพื่อนสนิท เธอเป็นคนดีค่ะเพิ่งจะแต่งงานไป ห้องเลยว่างให้หนูมาอยู่ อ่อ! จริงสิอาจารย์เหม่ยเหรินคะ ช่วงนี้หนูอยู่ปักกิ่ง…เดี๋ยวเรื่องนี้เราค่อยคุยกัน อาจารย์เหม่ยเหรินคะยินดีต้อนรับกลับมานะคะ”
เธอดีใจมากยิ่งพูดยิ่งเสียงดังจนเขาแทบจะตะโกน
เหอสือกุยมองใบหน้าเล็กที่เปล่งประกายของเธอ ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มจากนั้นยื่นมือโอบเธอไว้ในอ้อมกอดแล้วพูดเสียงเบา “ฉันคิดว่าฉันจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อนับครั้งไม่ถ้วน แต่พอคิดถึงเด็กน้อยของฉัน ถ้าหากไม่มีฉันแล้วเธอจะอยู่ยังไง ใครจะทำกับข้าวให้เธอ ใครจะช่วยจดบันทึก ใครจะช่วยเธอจัดแจงตำรับยา…”
ในที่สุดก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ร่วงลงมา
เธอไม่ได้อยากร้องไห้จริงๆ สักหน่อย เธอแค่ดีใจมากเท่านั้น “อาจารย์เหม่ยเหรินกลับมาแล้วดีจัง แต่อาจารย์คะตัวอาจารย์…เหม็นๆ”
เหอสือกุยปล่อยเธอแล้วถอนหายใจ “ยังไม่ทันแก่ก็เบื่อกันซะแล้ว ไม่อยากนึกถึงตอนเธอแก่จริงๆ เลย”
อวี๋กานกานหัวเราะน้ำตาไหล “อาจารย์เหม่ยเหรินสบายใจได้เลย หนูจะเลี้ยงอาจารย์เองจะกตัญญูยิ่งกว่าลูกสาวบ้านไหนๆ อีกค่ะ”
เหอสือกุยได้แต่ยิ้มๆ ไม่พูดอะไร
อวี๋กานกานเตรียมของอาบน้ำและหยิบเสื้อผ้าผู้ชายที่พลิกหาเจอในตู้เสื้อผ้าของหลินจยาอวี่ยื่นให้กับเหอสือกุย
เหอสือกุยเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำส่วนอวี๋กานกานเข้าครัวเปิดตู้เย็นหยิบของสดออกมาเตรียมทำอาหาร
ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาอาจารย์เหม่ยเหรินใช้ชีวิตอย่างไร คนที่สมบูรณ์ดีกลับผมลงไปมากอาหารการกินแย่ขนาดไหนถึงทำให้ขาดสารอาหาร
เมื่อคิดดูแล้วก็เจ็บปวดใจ
เธอต้องบำรุงอาจารย์ให้ดีๆ แม้จะทำไม่เป็นหรือทำออกมาไม่ดีแต่อย่างน้อยก็ควรมีสารอาหารมากกว่าพวกอาหารตามสั่งเดลิเวอร์รี่
เหอสือกุยอาบน้ำเสร็จออกมาเห็นอวี๋กานกานกำลังง่วนอยู่ในครัวจึงรีบเดินเข้าไปหา “ทำไมเธอถึงเข้าครัวได้ล่ะ มาฉันทำเอง”
เหอสือกุยที่อาบน้ำแล้วชำระคราบฝุ่นมอมแมมและความเหนื่อยล้าออกไปจนกลับมาดูดีสง่างามและอบอุ่น หายตัวไปหลายเดือนทำให้เขาดูนิ่งขรึมมากขึ้น
อวี๋กานกานปัดมือเหอสือกุยและดันเขาไปที่ห้องรับแขกกดตัวให้นั่งลงที่โซฟาดีๆ “อาจารย์เหม่ยเหรินพักก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยววันนี้หนูทำกับข้าวเอง”
“เธอทำเอง?”
เหอสือกุยมองเธออย่างประหลาดใจ
เธอเติบโตมากับเขาอยู่ด้วยกันมาหลายปี เธอไม่ชอบเข้าครัวขนาดไหนเขารู้ดี ข้าวเขาเป็นคนหุง กับข้าวเขาก็เป็นคนผัด จานเขาก็เป็นคนล้าง บางครั้งเสื้อผ้าเขาก็เป็นคนซักให้เหมือนว่าเขาเป็นพ่อแท้ๆ เลยทีเดียว
ถ้าไม่ใช่เพราะบางทีเขาไม่อยู่บ้าน เธอกลัวว่าแม้กระทั่งโจ๊กยังต้มไม่เป็นไข่เจียวข้าวผัดก็ทำไม่ได้
อวี๋กานกานเชิดคางขึ้นเล็กน้อยพูดด้วยท่าทางโอ้อวด “ช่วงที่อาจารย์ไม่อยู่บ้าน หนูหัดทำกับข้าวได้ตั้งหลายอย่าง อาจารย์พักผ่อนให้สบายเถอะค่ะ แป๊บเดียวก็ได้ชิมฝีมือหนูแล้วแล้วต้องให้คะแนนด้วยนะคะ”
ตอนที่ 380 ใครคือฆาตกร (1)
เหอสือกุยหุบยิ้ม “ได้ งั้นฉันจะรอชิมฝีมือเธอ”
เขาฉวยหยิบสมุดบันทึกการเรียนของอวี๋กานกานที่วางไว้บนโต๊ะรับแขกขึ้นมาดู
‘สมาคมยาไป่ฟัง’
คำนี้ทำให้แววตาของเหอสือกุยค่อยๆ สงบลง
เขาหันไปมองลูกศิษย์ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัว ดูแล้วระยะนี้เธอโตขึ้นเยอะจริงๆ เรียนรู้ตั้งมากมายหลายสิ่งและมีเพื่อนเยอะขึ้น
…
อวี๋กานกานเคี่ยวน้ำซุปและผัดผักอีกหลายอย่าง แต่อาหารเหล่านี้ดูไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่
เหอสือกุยขยับมานั่งที่โต๊ะก่อนพูดแล้วยิ้ม “ไม่เลวนี่”
ไม่เลวตรงไหน? อาหารพวกนี้ดูแล้วรู้สึกไม่น่ากิน อวี๋กานกานขมวดคิ้วพูดเสียงอู้อี้ “อาจารย์เหม่ยเหริน รอสักครู่ไหมคะเดี๋ยวหนูสั่งเดลิเวอร์รี่ให้ใหม่”
เธออาจจะไม่มีพรสวรรค์ด้านเข้าครัว
จริงๆ แล้วผัดผักก็ไม่มีอะไรยาก แต่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผัดไปผัดมาถึงไหม้กลายเป็นสีดำหมดเลย
เธอพยายามแล้วนะ!
“นี่ทำเสร็จหมดแล้วยังจะสั่งอาหารอะไรอีก” เหอสือกุยหยิบตะเกียบคีบผักมาชิมหนึ่งคำ หลังจากเคี้ยวละเอียดแล้วเขาก็พูดยิ้มๆ “หน้าตาอาหารแย่ไปนิดแต่ว่ารสชาติไม่เลว”
“จริงเหรอคะ”
“ไม่เชื่อเหรอ งั้นลองชิมเองสิ”
อวี๋กานกานเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปากบ้าง เห็นชัดๆ ว่ามันเค็มไปนิด เธอมองเหอสือกุยอีกครั้งแต่เขากลับกินอย่างเอร็ดอร่อย
ช่วงที่ผ่านนี้อาจารย์ลำบากแค่ไหนถึงรู้สึกว่าอาหารแบบนี้ยังกินได้อย่างอร่อย
พลันน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาอีกครั้ง อวี๋กานกานผินหน้าหนีกลั้นความเสียใจ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเธอถึงจะอาการดีขึ้น มองไปยังเหอสือกุยและเอ่ยขึ้น “ช่วงที่ผ่านมานี้อาจารย์ไปอยู่ไหนมาคะ สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่โจวบอกว่าอาจารย์ไม่ได้ไม่ส่วนเกี่ยวของกับฆาตกรรมแล้วยังบอกอีกว่าอาจารย์อาจโดนตามฆ่า”
เหอสือกุยถาม “แล้วเธอเชื่อหรือเปล่าว่าอาจารย์เป็นคนฆ่า”
อวี๋กานกานส่ายหน้าพัลวัน “ไม่แน่นอนค่ะ หนูเชื่อว่าอาจารย์ไม่ได้ฆ่าคนแน่นอน แต่หนูกลัวว่าอาจารย์จะถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่โจวบอกว่าเกิดอุบัติเหตุบนเรือยอร์ชในงานสัมมนาในวันนั้น ตอนที่ทุกคนเห็นว่าอาจารย์กลับไปแต่ต่อมาจก็ขาดการติดต่อแล้วก็หายสาบสูญไปเลย ทุกคนติดต่ออาจารย์ไม่ได้ถึงได้สงสัยว่าอาจารย์เป็นคนฆ่า คืนนั้นสรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วอาจารย์หายไปไหนมาคะ”
เหอสือกุยตอบ “วันนั้นที่เกิดอุบัติเหตุบนเรือยอร์ชเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายฉันเลยย้ายไปอยู่รวมกับทุกคน แต่จู่ๆ ก็ถูกผลักลงทะเล ฉันว่ายน้ำเป็น ว่ายไปว่ายมาก็ลอยไปติดเกาะร้าง รอจนกระทั่งไม่นานมานี้มีเรือชูชีพแล่นผ่านมาช่วยฉัน”
อวี๋กานกานเบิกตาโตตกใจ “ถูกคนผลักลงทะเล มันเป็นใครทำไมใจร้ายอย่างนี้”
เมื่อเธอนึกถึงสภาพอาจารย์เหม่ยเหรินที่ลอยอยู่ในทะเลเป็นเวลานานเธอจึงรู้สึกหนาวมือและเท้าไปหมด
เมื่อเหอสือกุยเห็นเธอตื่นตระหนกและไม่สบายใจก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปเพื่อจับมือเธอและปลอบอย่างอ่อนโยน “อย่ากลัว ตอนนี้อาจารย์ก็หมดเรื่องแล้วไม่ใช่หรือไง เธออย่ากังวลไปเลย”
อวี๋กานกานพยักหน้า แต่คิดไปคิดมาก็ยังคงรู้สึกกลัวอยู่
มิน่าล่ะอาจารย์ถึงกลับมาไม่ได้ โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้อีกทั้งวันที่เห็นอาจารย์ที่สถานีตำรวจอาจารย์ถึงสภาพดูไม่ได้แบบนี้
อวี๋กานกานเอ่ยถามอีก “งั้นอาจารย์รู้ไหมคะว่าตอนนั้นใครถูกทำร้ายบนเรือยอร์ช
แน่นอนว่าเหอสือกุยรู้ว่าใคร “ดร.เจียงของสมาคมยาไป่ฟาง ตำรวจสงสัยว่าคนที่ฉันฆ่าเป็นเขาใช่ไหม”
อวี๋กานกานพยักหน้า “เพราะว่าเขาถูกฆ่าตายแล้วอาจารย์ดันมาหายไปอีก ตำรวจเลยสงสัยว่าพวกคุณมีความเกี่ยวข้องกัน”