ตอนที่ 387 หยั่งเชิง ล่องูออกจากถ้ำ[1] (1)
อวี๋กานกานเอียงหัวมอง พลันอดหัวเราะคิกคักออกมาไม่ได้ จากนั้นก็มุดหัวของตัวเองลงในผ้าห่ม
เธอไม่รู้ว่าคนที่มีรักครั้งแรกจะเป็นเหมือนกันกับเธอไหม แต่เธอนอนหลับไม่ได้ง่ายๆ เลยจริงๆ เป็นเหตุให้วันถัดมาตื่นค่อนข้างสาย
อวี๋กานกานหาวออกมาพลางหยิบโทรศัพท์มาดู เกือบจะสิบโมงแล้ว
พอนึกถึงเมื่อวานที่อาจารย์เพิ่งจะกลับมา อวี๋กานกานก็เด้งตัวออกจากเตียงแล้วชำระร่างกายด้วยความว่องไวอย่างที่สุด
กลิ่นหอมกรุ่นในห้องนั่งเล่นดึงดูดความหิวกระหายภายในร่างกาย
เหอสือกุยทำมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอเห็นเธอออกมา ริมฝีปากก็หยักเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน “ตื่นแล้ว”
อวี๋กานกานยังคิดว่าตัวเองจะทำอาหารเช้าให้กับอาจารย์ เธอรีบเดินเข้าไปแล้วนั่งลงที่โต๊ะอาหาร “อาจารย์คะ ทำไมคุณตื่นเช้าแบบนี้ คุณน่าจะพักให้มากสักหน่อย”
“นอนเยอะพอแล้ว…” เหอสือกุยเทน้ำต้มสุกใส่แก้วให้อวี๋กานกาน
มื้อเช้าเป็นโจ๊กข้าวฟ่างมีเครื่องเคียงเป็นอาหารอีกสองอย่าง ดูแล้วช่างเรียบง่ายแต่หน้าตากับกลิ่นช่างสมบูรณ์แบบ
อวี๋กานกานกินโจ๊กไปหนึ่งคำก็หยิบตะเกียบขึ้นมาลองชิมกับข้าว ดวงหน้าน้อยยิ้มอย่างมีความสุขไปถึงดวงตา “กับข้าวที่อาจารย์ทำอร่อยมากค่ะ ทุกครั้งที่ได้กินก็จะเกิดความรู้สึกเป็นสุขขึ้นมา”
เหอสือกุยเอ่ย “ชมให้มันน้อยๆ หน่อย คิดว่าไม่รู้รึไง ว่าที่ชมอาหารที่ฉันทำอร่อยตลอดทั้งวัน ความจริงก็เพราะตัวเองไม่อยากเข้าครัว”
อวี๋กานกานที่ถูกจับได้ก็หัวเราะแห้งๆ ออกมาเหมือนกับแมวเหมียวขโมยปลา จากนั้นก็รีบประจบประแจงคีบอาหารให้เหอสือกุย
ใบหน้าของเหอสือกุยมีรอยยิ้มบางๆ อยู่ตลอด ช่างอบอุ่นราวกับสายลมและแสงจันทร์ในฤดูใบไม้ผลิ
จู่ๆ เขาก็เห็นรอยจางๆ ที่อยู่ตรงลำคอของอวี๋กานกาน ตะเกียบที่กำลังคีบอาหารอยู่ก็ชะงักไป
ตอนที่แววตาของเขาเลื่อนกลับไปที่หน้าของอวี๋กานกานจึงได้พินิจพิจารณาคร่าวๆ ชั่วขณะ
หลุบตาลงมองชามของตนเอง น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา เอ่ยถามเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “เธอยังไม่ได้บอกฉันเลยว่ามาเมืองหลวงได้ยังไง”
อวี๋กานกานยิ้มแล้วเอ่ย “ไม่ใช่ว่าฉันประสบอุบัติเหตุหรอกเหรอคะ พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลที่ซ่งฉาไป๋ฝึกงานอยู่ หลังจากที่ฉันออกจากโรงพยาบาลคุณลุงกับคุณป้าก็อยากทำลายอวี้หมิงถาง ถึงยังไงก็ทำเรื่องที่ทำลายชื่อเสียงอวี้หมิงถางสักหน่อย ตอนนั้นฉันให้ซ่งฉาไปช่วยจนทำให้เธอโดนด่า จากนั้นก็จับพลัดจับผลูมารู้จักกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลของพวกเขา ในแผนกแพทย์แผนจีนของพวกเขาเดิมทีคนน้อยอยู่แล้ว มีโควตาว่างสำหรับเข้ามาเรียนต่อในเมืองหลวงอยู่ ผู้อำนวยการเขาก็เลยให้ฉันค่ะ”
เธอเล่าอย่างคร่าวๆ ว่าตนเองมาเมืองหลวงได้อย่างไรรวมถึงเรื่องที่เข้าร่วมการสัมมนาให้กับเหอสือกุยฟัง
อวี๋กานกานเกิดลังเลใจขึ้นมาว่าจะถือโอกาสอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟังจือหันหรือไม่
ขณะนั้นกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้นมา
อวี๋กานกานรีบลุกไปเปิดประตู
คนที่อยู่ด้านนอกประตูทำให้เธอประหลาดใจมาก
เฉียวพั่นเอ๋อร์ยืนอยู่ด้านนอกประตู สีหน้าเหมือนกับเก็บกลั้นความโกรธเอาไว้ แววตาของเธอที่มองมาเป็นประกายในชั่วพริบตา มองซ้ายมองขวาเหมือนกับกำลังมองหาคน “ทำไมถึงเป็นเธอ นี่ไม่ใช่คอนโดของจยาอวี่หรอกเหรอ”
เธอดันประตู ไม่ว่าอวี๋กานกานจะยอมหรือไม่ยอมก็เข้าห้องมาแล้วครึ่งตัว
นี่เป็นคอนโดของหลินจยาอวี่ อวี๋กานกานแค่นึกว่าเธอมาหาหลินจยาอวี่เท่านั้น “จยาอวี่แต่งงานแล้ว ไม่ได้อยู่ที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าเธอจะมาหาเขาเธอก็ไปที่บ้านตระกูลลู่”
เธอเห็นท่าทางหงุดหงิดใจของเฉียวพั่นเอ๋อร์ก็ไม่อยากพูดด้วยให้มากความจึงผายมือสื่อว่าให้เธอออกไป
คอนโดก็ไม่ได้กว้างมาก แค่เฉียวพั่นเอ๋อร์เข้าห้องมาก็เห็นเหอสือกุยที่นั่งอยู่ตรงห้องรับแขกทางด้านนู้นแล้ว
ริมฝีปากเธอหยักเป็นรอยยิ้ม มองอวี๋กานกานพร้อมกับเอ่ย “อุ๊ย นี่ใครกัน รู้ว่าตัวเองไม่มีหวังจะแต่งเข้ากับตระกูลร่ำรวยก็เลยเริ่มเลี้ยงหนุ่มหล่อแล้วเหรอ”
——
[1] ล่องูออกจากถ้ำ เป็นสำนวนจีน มีความหมายคล้ายกับสำนวนไทยที่ว่าล่อเสือออกจากถ้ำ
ตอนที่ 388 หยั่งเชิง ล่องูออกจากถ้ำ (2)
ถากถางเหน็บแนมเธอได้ แต่กับอาจารย์รูปหล่อไม่ได้
อวี๋กานกานรู้สึกโมโหขึ้นมา
ดันเฉียวพั่นเอ๋อร์ออกไปตามใจอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงในทันทีจากนั้นก็ผลักประตูปิดอย่างแรง
เฉียวพั่นเอ๋อร์ถูกอวี๋กานกานออกแรงผลักจนเกือบจะล้มลงเสียแล้ว เธอโกรธหน้าดำหน้าแดงพลางทุบประตูอย่างแรง “อวี๋กานกาน เธอนี่มันผู้หญิงสำส่อน เธอกล้าไล่ฉันเหรอ”
ใช้แรงมากเกินไป ประตูยังนิ่งสนิท มือของเธอกลับปวดแสบขึ้นมา
เฉียวพั่นเอ๋อร์เจ็บเสียจนร้องกรี๊ดออกมา ไม่กล้าทุบประตูอีกแล้วจึงใช้เท้าถีบไปแรงๆ เสีย
ผลคือเท้าก็ถีบจนเจ็บแล้ว ทำได้เพียงกระฟัดกระเฟียดจากไป
อวี๋กานกานกลับไปนั่งที่โต๊ะทานอาหารด้วยใบหน้าละอายใจพลางก่นด่าให้เหอสือกุย “ไม่ไหวเลยจริงๆ กับยัยผู้หญิงคนนี้ ทุกครั้งที่เจอเธอก็ไม่เคยมีเรื่องดีๆ เลย อยากจะเปลี่ยนชื่อให้เธอเสียจริง ให้ชื่อว่ายัยเรื่องมาก”
เหอสือกุยเอ่ยถามเสียงเบา “เธอคือใครเหรอ”
อวี๋กานกานตอบ “เฉียวพั่นเอ๋อร์ก็คือคนของตระกูลเฉียวที่เมืองไป๋หยางของเราค่ะ โรงพยาบาลที่ตระกูลพวกเขาเปิดต่างก็เป็นการกินหมั่นโถวเลือดคน[1]ทั้งนั้น เดือนที่แล้วพวกเขาอยากจะซื้อคลินิกของเรา ฉันไม่ตกลง รู้ไหมคะว่าผลคือเธอทำอะไร”
เธอเล่าเรื่องช่วงนี้กับความวุ่นวายหลายครั้งที่คลินิกให้เหอสือกุยฟังทั้งหมด
“โชคดีที่สุดท้ายมีคนมาช่วยเอาไว้ ถือว่าพวกเรารักษาคลินิกเอาไว้ได้อย่างยากลำบาก แต่ถนนหนานเจิ้นจะถูกเมืองเก่าปรับเปลี่ยน เกรงว่าคลินิกของเราก็จะต้องย้ายออก”
เหอสือกุยนิ่งฟังอยู่ตลอด “เรื่องนี้ไม่รีบร้อน รอให้พวกเรากลับไปเมืองไป๋หยางค่อยว่ากัน กินข้าวก่อนเถอะ อีกสักพักฉันยังต้องไปสถานีตำรวจอีก”
“ฉันไปด้วยค่ะ”
อวี๋กานกานไม่วางใจให้อาจารย์รูปหล่อไปคนเดียว เขาถูกผลักตกลงไปในทะเลเชียว ถ้าฆาตกรอำมหิตคนนั้นรู้ว่าอาจารย์รูปหล่อปลอดภัยดีจะต้องคิดฆ่าปิดปากอีกครั้งแน่
เหอสือกุยปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก ฉันน่าจะไปทั้งวันเลย เธอไปล่ำลาเพื่อนในเมืองหลวงให้เรียบร้อย อีกสองวันเราก็กลับไป๋หยางกัน”
ในเมื่อเธอไม่ยอมกลับไปก่อน งั้นเขาก็ทำได้เพียงแค่รีบจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดและพาเธอกลับเมืองไป๋หยาง
แผนเดินทางเดิมของอวี๋กานกานตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไปเมืองไป๋หยางในสองวันนี้ เพื่อนที่จะต้องบอกลาก็บอกไปหมดแล้ว
นอกจากฟังจือหัน
พวกเขาคบกันเมื่อวาน ยังไม่ทันได้ถามเขาว่าจะอยู่เมืองหลวงต่อหรือว่าจะกลับไปเมืองไป๋หยางกับเธอ
แต่เรื่องพวกนี้ไม่ได้เร่งด่วน
ไม่ว่าเหอสือกุยจะเห็นด้วยหรือไม่ อวี๋กานกานก็ยืนกรานที่จะไปสถานีตำรวจเป็นเพื่อนเหอสือกุย
เฉียวพั่นเอ๋อร์ก็ไม่ได้กลับไปในทันที พอโดนอวี๋กานกานไล่เธอก็นั่งรออยู่ในรถด้านนอก หากไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเหอสือกุยรู้ว่าใครเป็นคนฆ่าเขารึยัง เธอไม่มีทางสบายใจได้เลยจริงๆ
ตระกูลเฉียวไม่เหมือนตระกูลเจียงที่มีความสัมพันธ์หนุนหลังอย่างแข็งแกร่ง
ตอนนั้นตระกูลเฉียวไปหาตระกูลเจียง ตกลงร่วมมือกับเจียงไป่อันก็หวังว่าจะหาผู้อยู่เบื้องหลังในเมืองหลวง ทำให้เปิดสาขาโรงพยาบาลของตระกูลเฉียวในเมืองหลวงได้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเวลาไม่ถึงครึ่งปี โรงพยาบาลยังไม่ได้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการกลับเกิดเรื่องยุ่งยากชุดใหญ่
ตอนนี้ทางที่จะรับประกันได้ดีที่สุดก็คือทำให้เหอสือกุยหายไปจากโลกใบนี้
เหอสือกุยกับอวี๋กานกานออกมาจากคอนโด เฉียวพั่นเอ๋อร์จับจ้องพวกเขา ในสมองพลันปรากฏภาพหนึ่ง ขับรถพุ่งไปชนสองคนนี้ก็จะหายตัวไปจากโลกนี้หมด
เมื่อเป็นเช่นนั้นคนที่เธอเกลียดที่สุด คนที่ทำให้เธอกังวลใจมากที่สุดต่างก็ถูกจัดการไปได้
มือกำพวงมาลัยแน่น เฉียวพั่นเอ๋อร์ทิ้งความคิดบ้าคลั่งนี้ไป เพียงแค่ขับรถตามเหอสือกุยกับอวี๋กานกานเท่านั้น
สถานีตำรวจ
ตอนนี้โจวโจวกำลังยุ่งอยู่ในห้องสอบปากคำ อวี๋กานกานกับเหอสือกุยจึงนั่งรอเธอเงียบๆ อยู่ทางด้านนอก
——
[1] กินหมั่นโถวเลือดคน เป็นสำนวนจีน มีความหมายว่าทำเรื่องแย่ เหยียบหัวคนอื่นเพื่อทางของตนเอง เป็นการเสียดสีว่าเย็นชาไร้ความรู้สึก