ตอนที่ 389 หยั่งเชิง ล่องูออกจากถ้ำ (3)
ก่อนจะมาที่สถานีตำรวจเหอสือกุยไปตัดผมมา ทั้งตัวดูสดใสขึ้นมาก เขาพูดพลางยิ้มน้อยๆ ให้อวี๋กานกาน “เธอไม่ต้องมารอเป็นเพื่อนฉันหรอก เสื้อผ้าบนตัวฉันเป็นของคนอื่นหมด เธอช่วยไปซื้อพวกเสื้อผ้ากับของใช้ประจำวันมาให้อาจารย์หน่อย”
ในสถานีตำรวจ อวี๋กานกานก็ไม่เป็นห่วงอาจารย์จึงพยักหน้าแล้วแยกออกมา
พออวี๋กานกานออกมา โจวโจวก็ออกมาจากห้องสอบปากคำ เธอมองแผ่นหลังของอวี๋กานกานพร้อมกับเอ่ย “คุณเหอ คุณแน่ใจนะว่าจะไม่บอกให้คุณอวี๋รู้เรื่องทุกอย่าง”
เหอสือกุยตอบ “ไม่ต้องบอกเธอ และขอให้พวกคุณปกป้องเธอให้ดี นี่เป็นคำขอเพียงหนึ่งเดียวที่ผมตกลงร่วมมือกับพวกคุณ”
“เรื่องนี้คุณสบายใจได้ ต่อให้คุณไม่ร่วมมือกับพวกเรา เราก็จะปกป้องคุณอวี๋ให้ดีอยู่แล้ว”
เหอสือกุยกับโจวโจวออกมาจากสถานีตำรวจ นั่งรถส่วนตัวของโจวโจวไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง โจวโจวไม่ได้เปิดเผยฐานะตำรวจของตนเอง
เถ้าแก่ร้านกาแฟเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปี
ภายในร้านกาแฟมุมหนึ่งที่เป็นส่วนตัว เหอสือกุยมองเจ้าของร้านพร้อมกับเอ่ยถาม “ร้านกาแฟร้านนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของคุณกวนเหรอ ขอโทษนะครับ เขาไปไหนแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะติดต่อเขาได้เหรอ”
เถ้าแก่ร้านกาแฟตอบ “ประมาณสามเดือนก่อน กวนซานบอกว่าเขาจะกลับบ้านเกิดก็เลยเซ้งร้าน ผมกับเขาเป็นเพื่อนกัน รู้ว่าร้านนี้กิจการดีจึงรับหน้ามาทำธุรกิจ ส่วนกวนซานวันต่อมาก็พาภรรยากับลูกกลับบ้านเกิดไปแล้ว”
เหอสือกุยถามไถ่ “งั้นเขาเคยพูดบ้างไหมว่าเมื่อไหร่จะกลับมาเมืองหลวงอีก”
เจ้าของร้านกาแฟขมวดคิ้ว “กวนซานก็เซ้งร้านกาแฟไปแล้วก็แน่นอนว่าคงไม่กลับมาอีก คุณเหอ คุณตามหากวนซานมีเรื่องอะไรเหรอ”
เหอสือกุยพยักหน้า “มีบางเรื่องที่ต้องตามหาเขาจริง เขาเหมือนว่าจะกลับไปบ้านเกิดแล้วก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ด้วย”
“เหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้บอกพวกเพื่อนๆ ที่เมืองหลวงเลย”
“งั้นขอถามหน่อย สามารถให้ที่อยู่บ้านเกิดเขากับผมได้ไหม”
เจ้าของร้านกาแฟลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงรับปากให้ที่อยู่กับเหอสือกุย
ตลอดการสนทนาโจวโจวไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งทั้งสองคนออกมาจากร้านกาแฟ โจวโจวจึงได้เอ่ยถามเหอสือกุยด้วยความไม่มั่นใจ “กวนซานคนนี้เป็นคนที่ถ่ายคนที่ผลักคุณตกน้ำได้จริงเหรอ”
เหอสือกุยวิเคราะห์ “ตอนนั้นบนเรือยอชท์ผมกับเขายืนถัดกัน ตอนนั้นเขาถือกล้องวิดีโอถ่ายบริเวณรอบๆ ไปทั่ว มีความเป็นไปได้เก้าสิบเปอร์เซ็นที่จะถ่ายติดผม แต่ทำไมจู่ๆ เขาถึงต้องกลับบ้านเกิด เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาก้าวหน้าในเมืองหลวงมาก นับว่าเป็นตากล้องที่มีชื่อเสียงอยู่บ้าง จู่ๆ ก็ทิ้งทุกอย่างไป จะต้องเกิดปัญหาแน่ เราแค่ต้องตามหาเขากับกล้องวิดีโอของเขาก็จะสามารถหาคนที่ผลักผมตกน้ำเจอ”
“ได้ งั้นฉันจะรีบจัดการ ไปตามหากวนซานคนนี้ที่หูหยางด้วยกัน”
เฉียวพั่นเอ๋อร์ตามติดเหอสือกุยอยู่ตลอดจนถึงตอนนี้ เธอที่หลบอยู่ในมุมและได้ยินบทสนทนาก็มีสีหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดฝาดในพริบตา
กวนซานคือใคร
คนที่เป็นไปได้ว่าจะถ่ายหลักฐานเอาไว้ เจียงไป่อันทำไมไม่จัดการเขากัน
เฉียวพั่นเอ๋อร์ร้อนใจขึ้นมา กลับไปหาเจียงไป่อันด้วยความเร็วที่สุด
ตอนที่เธอเล่าทุกอย่างให้เจียงไป่อันฟัง เขามีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง”
เขารีบให้คนไปสืบดู
เวลาไม่นานก็สืบจนรู้ผลแล้ว กวนซานคนนี้ในตอนนั้นอยู่บนเรือยอชท์จริง เขาไม่ใช่หมอแต่เป็นพนักงานรับหน้าที่ถ่ายภาพเป็นหลัก ย้ายลงเรือเล็กกับเหอสือกุยเพราะอย่างนั้นมีความเป็นไปได้จริงที่เขาจะถ่ายหลักฐานทุกอย่างไว้ได้
ตอนที่ 390 หยั่งเชิง ล่องูออกจากถ้ำ (4)
เฉียวพั่นเอ๋อร์มีสีหน้าหวั่นวิตก “สามเดือนก่อนก็คือหลังจากงานสัมมนาผ่านไป จู่ๆ กวนซานก็เซ้งร้านกาแฟของตัวเองด้วยข้ออ้างว่าร่างกายไม่แข็งแรง อยากจะกลับไปพักฟื้นที่บ้านและพาภรรยากับลูกไปจากเมืองหลวงด้วยกัน ผอ.เจียง นี่มันชัดเจนมาก กวนซานรู้อะไรเข้าแล้วและกลัวจะมีอันตรายถึงตัวถึงได้ไม่เอาอะไรทั้งนั้น แล้วพาภรรยากับลูกกลับบ้านเกิดไปแล้ว”
เจียงไป่อันปวดหัวเพราะเรื่องราววุ่นวายไปกันใหญ่
กวนซานคนนี้จะต้องให้คนไปตามหาแน่ ไปทำให้แน่ใจว่ากล้องวิดีโอของเขาได้ถ่ายอะไรไปกันแน่
แต่ว่ายิ่งกว่านั้นเขาจำเป็นต้องเจอเหอสือกุยสักครั้ง
คนเราต่างก็เห็นแก่ตัว ขอเพียงให้ผลประโยชน์ที่มากพอกับพวกเขา เขาไม่เชื่อหรอกว่าอีกฝ่ายจะไม่หวั่นไหว
อวี๋กานกานไปซื้อเสื้อผ้าชุดสองชุดที่ห้างสรรพสินค้าอีกทั้งซื้อของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันด้วย จึงถือโอกาสซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งให้อาจารย์ด้วย โทรศัพท์อันเก่าของเขาตกลงไปในน้ำ มันเสียและใช้การไม่ได้แล้ว
เมื่อซื้อของเสร็จแล้วอวี๋กานกานก็กลับไปที่สถานีตำรวจแต่กลับได้ความว่าอาจารย์และเจ้าหน้าที่โจวโจวออกไปด้วยกันแล้ว
แม้ไม่รู้ว่าพวกเขาไปทำอะไรกัน แต่มีเจ้าหน้าที่โจวอยู่ข้างกาย อวี๋กานกานคิดว่าพวกคนที่ต้องการจะทำร้ายอาจารย์รูปหล่อผู้นั้นจะต้องไม่โง่ลงมือต่อหน้าตำรวจแน่นอน
เธอต่อสายถึงโจวโจว บอกให้เธอช่วยดูแลอาจารย์หนุ่มหล่อ อย่าลืมมาส่งเขากลับบ้านด้วย
หลังจากที่อวี๋กานกานบอกเรียบร้อยแล้วก็ไปหาฟังจือหันที่บริษัทยาไป๋ฟัง เป็นธรรมดาที่ในเมื่อเธอจะกลับเมืองไป๋หยางกับอาจารย์แล้วก็ต้องไปถามฟังจือหันว่าเขาจะกลับเมืองไป๋หยางไปพร้อมกับเธอไหม
ไม่คาดคิดเลยว่าที่ทางเข้าของบริษัทยาไป๋ฟังก็บังเอิญเจอเข้ากับเจียงไป่อันพอดีเลย
ระยะเวลาในช่วงนี้เธอมาที่ห้องทดลองของบริษัทยาไป๋ฟังอยู่หลายครั้ง ไม่เคยเจอเจียงไป่อันเลยสักครั้ง และยังนึกว่าเจียงไป่อันไม่ได้ทำงานที่บริษัทยาไป๋ฟังแล้ว
ดูเหมือนคุณปู่เจียงคิดถึงความสัมพันธ์ของปู่หลานมากจริงๆ
อวี๋กานกานอยากจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินเข้าไปในทันที
แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย เจียงไป่อันเรียกเธอเอาไว้ “อวี๋กานกาน”
อวี๋กานกานมองเขาแล้วรออย่างใจเย็น “คุณมีอะไร”
เมื่อเธอเลือกที่จะคบกับฟังจือหันแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องได้เจอกับเจียงไป่อัน ทักทายกันดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อหลบไม่พ้นงั้นก็เผชิญหน้าไปเลย
แววตาไม่เป็นมิตรของเจียงไป่อันหยุดลงที่ใบหน้าของอวี๋กานกานแล้วยิ้มบางๆ “ได้ยินว่าอาจารย์เธอกลับมาแล้วเหรอ”
พอได้ยินคำพูดนี้อวี๋กานกานเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในใจ
เธอเพิ่งจะลืมไปเลยว่าเธอกำลังสงสัยว่าเจียงไป่อันเป็นคนที่ทำร้ายอาจารย์ของเธอ ผลคือเจียงไป่อันถามถึงอาจารย์ของเธอก่อนว่ากลับมาแล้วใช่หรือไม่
นี่หมายความว่าอะไร
เขาร้อนตัวเหรอ
กลัวว่าอาจารย์จะนึกได้ว่าเขาก็คือฆาตกรโหดเ**้ยมเหรอ
หากเขาสงสัยอาจารย์ อาจารย์ต้องรู้อะไรที่ไม่เป็นผลดีกับตัวเขาแน่ เขาจะลงมือฆ่าอาจารย์อีกครั้งหรือไม่
ภายในใจคิดถึงความเป็นไปได้อย่างมากมายในชั่วขณะ
อวี๋กานกานส่งยิ้มบาง “ใช่แล้ว อาจารย์ฉันกลับมาแล้ว แต่ที่จริงเรื่องพวกนั้นที่นายทำ ไม่ว่าอาจารย์ฉันจะกลับหรือไม่กลับมา ฉันก็รู้หมดแล้ว ฉันจะบอกนายให้นะคนเราทำอะไรสวรรค์รู้ ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว คนที่ทำเรื่องไม่ดีจะต้องถูกลงโทษทั้งหมด”
เจียงไป่อันจ้องอวี๋กานกานด้วยสายตามุ่งร้าย
เขาแสยะยิ้ม ใช้นิ้วชี้ไปที่อวี๋กานกานเหมือนกับการเตือนหลังจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
อวี๋กานกานมองแผ่นหลังของเขา ไม่แน่ใจว่าเขาเข้าใจความหมายในคำพูดของตนเองหรือไม่ ชี้นิ้วครั้งสุดท้ายหมายความว่าอะไรอีก
ทั้งสองคนเหมือนจะต่างเข้าใจดีและก็เหมือนจะทำให้สับสนงงงวยทั้งคู่