ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 399 พวกเราแต่งงานกันแล้ว (4) / ตอนที่ 400 พวกเราแต่งงานกันแล้ว (5)

ตอนที่ 399 พวกเราแต่งงานกันแล้ว (4)

 

 

นิ่งไปพักหนึ่ง ปู่เจียงก็พูดต่อ “ไป่อันถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในตระกูลเจียงของเรา และลุงของแกก็ดีกับแกไม่น้อย ตอนนี้เขาอยู่เมืองนอก รอเขากลับมาแกจะอธิบายกับเขายังไง”

 

 

สายตาของฟังจือหันเหลือบมองหลักฐานเหล่านั้นบนโต๊ะ “เป็นธรรมดาที่จะเอาทุกอย่างให้เขาดู”

 

 

ปู่เจียง “ให้โอกาสไป่อันได้แก้ไขอีกซักครั้งเถอะ ฉันเชื่อว่าหลังจากเรื่องนี้ไปเขาจะต้องปรับปรุงตัวแน่ ไม่ก่อความวุ่นวายอีก”

 

 

ฟังจือหันเอนตัวไปด้านหลังพิงพนักเก้าอี้ มุมปากโค้งเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย ไม่มีแววประชดประชัน

 

 

“ท่านอย่าหลอกตัวเองเลย ท่านมองดูเขาตั้งแต่เล็กจนโต ต่อไปเขาจะเป็นยังไง คุณน่าจะรู้ดียิ่งกว่านี้ ตอนที่ผมเพิ่งรับช่วงต่อสกุลเจียง เขาใช้สกุลเจียงทำการกุศลเพื่อหลอกเอาเงิน หลังจากที่ท่านรู้เข้าก็ช่วยเขาปรับแต่งตัวเลขเป็นการส่วนตัว พอจบเรื่องนี้ไปแล้วเขาได้สำนึกผิดบ้างไหม และยังมีก่อนหน้านั้นอีกหลายครั้ง มีครั้งไหนที่ไม่ใช่ท่านหรือคุณลุงคอยช่วยเช็ดล้างปัญหาให้เขาบ้าง เขาถึงขั้นคิดจะให้สกุลเจียงร่วมมือกับบริษัทอันเหอเพื่อสุขภาพ จนมาถึงครั้งนี้ คุณไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเพราะอะไรเขาต้องใช้ดอกระฆังจีนเปลี่ยนเป็นโสมอเมริกันเหรอ”

 

 

ปู่เจียงมีสีหน้ายับยุ่งเหยิง “บริษัทอันเหอเกิดเรื่อง ช่วงนี้เขาก็ขาดเงิน”

 

 

ต่อให้ไม่เอาการเอางานก็ยังคงเป็นหลานชายของตัวเอง สามารถปกป้องเขาได้ก็ต้องปกป้อง

 

 

ฟังจือหันเอ่ยอย่างเย็นชา “เขาขาดเงินแต่ในขณะเดียวกันก็ยังวางแผนใส่ผม รอหลังจากที่ใช้ดอกระฆังจีนผสมกับโสมอเมริกันแล้ว ใช้สื่อมาเปิดโปงเรื่องนี้ บอกว่าพวกเราใช้ของด้อยแทนของดี ถึงตอนนั้นความรับผิดชอบทุกอย่างควรจะตกอยู่ที่ใครกัน แน่นอนว่าเป็นผมที่เป็นผู้รับผิดชอบบริษัทสกุลเจียง หรือท่านยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าเขากำลังวางแผนทำลายชื่อเสียงบริษัทมาจัดการผม!”

 

 

ปู่เจียงหลับตาลง

 

 

ริ้วรอยทั่วหน้า ดูหมดหนทางอย่างที่สุด

 

 

“วันนี้ท่านเห็นเขาสำนึกผิดไหม เขาโกรธแค้นกลางใจเขาประมาณว่าเขาโชคไม่ดี คนทั่วไปเป็นแบบนี้เหมือนกับนักเล่นพนัน ในใจคิดแต่ว่าครั้งหน้าจะยังไงต่อ” ทุกคำพูดทุกประโยคของฟังจือหันกระแทกลงกลางใจของปู่เจียงอย่างแรง

 

 

เขาพูดซ้ำ “การตัดสินใจของผมคือให้เขาออกไปจากสกุลเจียงและออกไปจากเมืองหลวง ตระกูลเจียงสามารถเลี้ยงคนขี้เกียจได้ ทำให้เขาไม่มีความกังวลใดตลอดชีวิต แต่เลี้ยงคนที่ก่อเรื่องไม่ได้”

 

 

ความเงียบเกิดขึ้นอีกระลอก

 

 

หลังจากนั้นครู่ใหญ่ปู่เจียงจึงตกลง “รอให้ลุงแกกลับมา ฉันจะให้ลุงแกจัดการเขา ให้เขาหยุดทุกตำแหน่งในสกุลเจียงชั่วคราวและให้เขาไปต่างประเทศ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตก็ออกนอกประเทศไม่ได้”

 

 

ฟังจือหันยิ้มหยัน “ให้เวลาเขาซักระยะ ให้เขาเป็นสุนัขจนตรอกกระโดดกำแพงหนีเหรอครับ”

 

 

ปู่เจียงเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งขรึม “ถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกพี่ลูกน้องแก”

 

 

“งั้นก็รอให้คุณลุงกลับมาจัดการ แต่ว่า…” ฟังจือหันลุกขึ้นยืน แววตาเยือกเย็นดุจหิมะในฤดูหนาว “ถ้าในระหว่างนี้เขาก่อเรื่องอะไรขึ้น ท่านอย่าโทษว่าผมไม่เตือนท่านอย่างเด็ดขาด”

 

 

ทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ ฟังจือหันก็ออกไป

 

 

พอเขาออกไปจากบ้านสกุลเจียงก็ต่อสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว “ให้คนดูเจียงไป่อันไว้ให้ดี”

 

 

 

 

ห้องของเจียงไป่อันค่อนข้างรกเหมือนกับถูกพายุไต้ฝุ่นพัดมา

 

 

ตอนที่เฉียวพั่นเอ๋อร์เข้ามาก็ตกใจเสียยกใหญ่ เจียงไป่อันซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าไม่เป็นมิตรสักนิด แววตาควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ดูคลุ้มคลั่งและดุร้าย

 

 

ชวนให้คนที่เห็นแล้วตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

 

 

“ใครให้เธอเข้ามา!”

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์ก้าวถอยหลังไม่กี่ก้าวอย่างลนลาน เริ่มเอ่ยปากด้วยความระมัดระวัง “ผู้อำนวยการเจียง เหอสือกุยกับอวี๋กานกานกำลังจะไปจากเมืองหลวงแล้ว ตอนนี้ไม่แน่ว่าพวกเขาจะกลับเมืองไป๋หยางหรือว่าไปตามหากวนซานคนนั้น”

 

 

เจียงไป่อันคว้าถังขยะที่อยู่ด้านข้างเขวี้ยงไปบนพื้นอย่างแรง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 400 พวกเราแต่งงานกันแล้ว (5)

 

 

แผนเปลี่ยนโสมอเมริกันเป็นดอกระฆังจีนในครั้งนี้เห็นอยู่ชัดๆ ว่าราบรื่นดี ขอเพียงยางวดนี้กระจายออกไป เขาก็จะไปปรึกษากับคณะกรรมการ บอกต่อหน้าพวกเขาว่าเพื่อประหยัดต้นทุนฟังจือหันจึงแอบเปลี่ยนวัตถุดิบ

 

 

ถึงตอนนั้นก็ค่อยสร้างสถานการณ์เรื่องการรักษาขึ้นมาโดยที่ทั้งหมดโทษไปที่เรื่องฟังจือหันเปลี่ยนวัตถุดิบยา ในตอนนั้นบริษัทไม่เพียงจะหาเงินไม่ได้ อีกทั้งยังต้องเสียค่าปรับ ชื่อเสียงถูกทำลายด้วย

 

 

ไม่ว่าผลสุดท้ายแล้วเป็นการเอาของด้อยค่ามาแทนของดี ฟังจือหันได้เก็บค่านายหน้าหรือว่าการตัดสินใจผิดพลาดและประมาทเลินเล่อของฟังจือหัน เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัญหาของฟังจือหันทั้งสิ้น

 

 

ฟังจือหันจะต้องถูกเตะออกจากบริษัทแน่ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถรับช่วงต่อสกุลเจียงได้ ในขณะเดียวกันก็ยังกลายเป็นเนื้อร้ายในแวดวงธุรกิจ!

 

 

แต่ว่าเขาล้มเหลว

 

 

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าแผนการดีมาก ซื้อตัวทุกคนมาแล้ว ทำไมฟังจือหันจู่ๆ ถึงได้รู้เรื่องทั้งหมดได้อีกกัน

 

 

เจียงไป่อันลุกขึ้นยืนแล้วเตะถังขยะไปอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์

 

 

ทำให้เฉียวพั่นเอ๋อร์ตกใจเสียยกใหญ่ เธอมองเจียงไป่อัน “คุณชายอัน ตอนนี้วิธีเดียวก็คือให้เหอสือกุยกับอวี๋กานกานหายไปจากโลกนี้เสีย คุณลองคิดดูสิ ถ้าเหอสือกุยหายไปแล้ว งั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าความลับของพวกเราจะถูกเปิดเผย ส่วนอวี๋กานกาน ถ้าเธอหายตัวไป งั้นคนที่เจ็บปวดที่สุดจะเป็นใคร ก็คือฟังจือหัน และคุณยังได้แก้แค้นเขาอีกด้วย”

 

 

เจียงไป่อันจ้องเขม็ง รังสีอำมหิตชั่วร้ายฉายชัดอยู่ในดวงตา

 

 

ถ้าไม่ใช่ฟังจือหัน บริษัทอันเหอเพื่อสุขภาพของเขาก็คงไม่ล้มละลาย

 

 

ถ้าไม่ใช่ฟังจือหัน เขาก็ยังเป็นผู้สืบทอดตระกูลเจียงอยู่

 

 

ถ้าไม่ใช่ฟังจือหัน เขาก็คงไม่ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นไปได้ที่จะถูกไล่ออกจากสกุลเจียง

 

 

อยากจะไล่เขาออกไปนอกประเทศ เป็นคนเรื่อยเปื่อย รู้จักแค่เป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สองใช้ชีวิตสบายใจไปนั้นยังทำไม่ได้!

 

 

เขาต่างหากที่เป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเจียง เขาต่างหากที่เป็นทายาทแห่งตระกูลเจียง สกุลเจียงควรเป็นของเขา ไม่อาจให้ฟังจือหันแย่งไปได้อย่างเด็ดขาด!

 

 

เช้าตรู่ หมอกหน้าหนาวปกคลุมทั่ว

 

 

ตลอดการเดินทาง แสงแดดอบอุ่นในยามเช้าค่อยๆ เคลื่อนขึ้นจากทางทิศตะวันออก ทำให้ความหนาวเหน็บเงียบสงัดในช่วงเดือนสิบสองอบอุ่นสบาย

 

 

[ฟังจือหัน : ถึงรึยัง]

 

 

[อวี๋กานกาน : ใกล้จะถึงบ้านของครูท่านนั้นแล้ว เราน่าจะกินข้าวก่อนค่อยกลับ คุณทำอะไรอยู่]

 

 

[ฟังจือหัน : กำลังคิดถึงคุณอยู่]

 

 

อวี๋กานกานส่งข้อความให้ฟังจือหันไปพลางซ่อนอาการเอาไว้และมองอาจารย์รูปหล่อด้านข้าง

 

 

เธอกลั้นรอยยิ้มมุมปาก ส่งอิโมจิเขินอายไปให้

 

 

จู่ๆ เธอก็รับรู้ถึงสายตาของอาจารย์ที่หยุดอยู่ที่ตนเองจึงส่งยิ้มไปให้เหอสือกุย “อาจารย์รูปหล่อ น่าจะใกล้ถึงแล้วสินะคะ”

 

 

เหอสือกุยมองเธอเหมือนจมอยู่กับความคิด ส่งเสียงตอบรับเบาๆ “อีกสิบนาทีก็ถึงแล้ว”

 

 

ภายในรถเงียบกริบชั่วขณะ เหอสือกุยพลันเอ่ยถามเธอขึ้นมา “วันนั้น เธอบอกว่ามีเพื่อนคนหนึ่งไปสถานีตำรวจกับเธอ คนนั้นคือฟังจือหัน ลูกชายของเจียงป๋อซื่อเหรอ”

 

 

อวี๋กานกานยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “ใช่ค่ะ ตอนที่ได้รับโทรศัพท์ เรากำลังอยู่ด้วยกันพอดี อันที่จริงคุณเป็นผู้ต้องสงสัยดังนั้นการหาตัวคุณเจอ โจวโจวก็ต้องบอกเขาสักหน่อย หลังจากนั้นเราก็ไปสถานีตำรวจด้วยกัน”

 

 

เธอเบี่ยงตัว พูดอย่างหนักแน่นมาก “แต่ว่าตอนนี้เขาไม่ได้สงสัยคุณแล้ว เขาเชื่อว่าคุณไม่ใช่ฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเขาค่ะ”

 

 

เหอสือกุยมองอวี๋กานกาน แววตาของเด็กสาวเหมือนกับอาบไปด้วยแสงแดดยามเช้า งดงามราวผ้าปัก มือเขาที่จับพวงมาลัยนั้นกระชับแน่น

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ยออกมาเบาๆ “ดูท่าคุณฟังคนนี้ทำให้เธอประทับใจมาก”

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset