ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 409 ความรู้สึกพิเศษ (4) / ตอนที่ 410 ความรู้สึกพิเศษ (5)

ตอนที่ 409 ความรู้สึกพิเศษ (4)

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์เกร็งลำคอ พุ่งพลางตะโกนเสียงดังใส่จั่วไห่เหวิน “จั่วไห่เหวิน คุณเคยรักฉันบ้างไหม”

 

 

จั่วไห่เหวินหยุดย่างก้าว หันไปมองเธอ มุมปากหยักขึ้นดูเฉยชา “ทุกวันที่ผมเห็นคุณก็อยากจะอ้วก เห็นคุณแล้วก็นึกถึงชิวหนานของผมและก็อยากจะฆ่าคุณ สวรรค์รู้ว่าผมอดทนขนาดไหนถึงยอมกอดคุณ สัมผัสคุณแต่ไม่ได้ฆ่าคุณ!!”

 

 

หลังจากนั้นก็ไม่หันกลับมามองแล้วเดินไป

 

 

ทิ้งเฉียวพั่นเอ๋อร์ให้ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่เดิม

 

 

สถานีตำรวจ

 

 

อวี๋กานกานบันทึกปากคำออกมาก็เห็นเหอสือกุยที่รออยู่ด้านนอก

 

 

เหอสือกุยได้รับบาดเจ็บแค่ภายนอกเล็กน้อย ให้ปากคำแล้วเขาก็รออยู่ด้านนอกตลอด เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกมาคลุมตัวให้กับอวี๋กานกาน

 

 

โจวโจวออกมาจากห้องสอบปากคำ พอเห็นเหอสือกุยก็ยื่นมือไปจับกับเขา “ขอบคุณมาก คุณเหอ โชคดีมากที่คุณช่วย พวกเราถึงได้จับฆาตกรคดีระเบิดเรือยอชท์ได้สำเร็จ ฉันจะรายงานให้ระดับสูงเพื่อมอบรางวัลยกย่องให้คุณ”

 

 

เหอสือกุยกล่าว “เจ้าหน้าที่โจว ไม่ต้องเกรงใจ ตำรวจประชาชนร่วมมือนั้นสมควรแล้ว และจับฆาตกรได้ ผมถึงได้ปลอดภัย อย่างไรเสียผมก็เป็นหนึ่งในเหยื่อ”

 

 

บทสนทนาไม่กี่ประโยคพอได้ยินทำให้อวี๋กานกานมึนงงไปหมด

 

 

เธอจึงเอ่ยถามออกมา “อาจารย์กับเจ้าหน้าที่โจวเคยปรึกษาเรื่องแผนจับเจียงไป่อันเหรอคะ”

 

 

เจียงไป่อันถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว เหอสือกุยจึงไม่ต้องหลอกอวี๋กานกานอีก

 

 

เขาเอ่ยด้วยเสียงเบา “ก่อนที่เธอจะมารับฉันที่สถานีตำรวจ ฉันได้ให้ปากคำเรียบร้อยแล้ว เอาเรื่องที่เกิดขึ้นบนเรือยอชท์ในวันนั้นบอกเจ้าหน้าที่โจวหมด และเจ้าหน้าที่โจวจึงคิดแผนล่องูออกจากถ้ำ ใช้ประโยชน์ที่ตากล้องคนหนึ่งบนเรือยอชท์ตอนนั้น สร้างสถานการณ์หนึ่งให้เจียงไป่อันนึกว่าฉันมีพยาน มีหลักฐานชี้ไปว่าเขาเป็นฆาตกร แบบนี้เขาก็จะเป็นกังวล จึงจะต้องการทำลายหลักฐานถึงขั้นที่ลงมือกับฉันอีกครั้ง”

 

 

โจวโจวรับคำแล้วพูดต่อ “เพียงแค่พวกเราคาดไม่ถึงว่าเจียงไป่อันผู้นี้กลับเลือกที่จะลงมือที่เมืองหลวงในทันที ยังดีที่พวกคุณไม่เป็นอะไรและโชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากคุณฟัง”

 

 

อวี๋กานกานเข้าใจในชั่วขณะ

 

 

มิน่าวันถัดมาอาจารย์เหม่ยเหรินอยากจะไปสถานีตำรวจและยังออกไปกับโจวโจว ที่แท้พวกเขาวางแผนเอาไว้ทั้งหมดแล้วนี่เอง

 

 

เขาเอ่ยถาม “อาจารย์เหม่ยเหริน งั้นประวัติคนไข้ที่คนซ่อนเอาไว้ในบ้านก็คือรายชื่อคนที่ถูกทดลองยาของเจียงไป่อันกับโรงพยาบาลตระกูลเฉียวใช่ไหมคะ

 

 

เหอสือกุยพยักหน้า “ฉันก็บังเอิญเจอเข้า คนไข้คนหนึ่งของฉันเกิดอาการแปลกๆ มากขึ้นมา คล้ายกับว่ามีสารพิษในเส้นประสาท ภายหลังฉันกำหนดเป้าหมายไว้ที่โรงพยาบาลของตระกูลเฉียว แม้จะสืบได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือบริษัทอันเหอเพื่อสุขภาพ คือเจียงไป่อัน แต่ว่าฉันก็ไม่มีหลักฐานมาโดยตลอด เจียงไป่อันรู้ว่าฉันกำลังสืบเรื่องนี้อยู่ ให้คนมาเตือนฉันก่อนอยู่หลายครั้ง สุดท้ายเขาก็มาหาฉันด้วยตัวเอง ข่มขู่โน้มน้าวฉันก็ปฏิเสธไปหมด”

 

 

อวี๋กานกานเอ่ยถามอีกครั้ง “ก่อนงานสัมมนาจู่ๆ คุณก็ให้ฉันกลับไปเอาเอกสารอะไรสักอย่างก็รู้อยู่ตั้งแต่แรกว่ามีอันตรายแล้วใช่หรือไม่”

 

 

เหอสือกุยส่งเสียงอืมตอบรับเบาๆ

 

 

“หลังจากที่ฉันตกลงเข้าร่วมงานสัมมนาในครั้งนั้นถึงได้รู้ความเกี่ยวข้องของเจียงไป่อันกับบริษัทยาไป๋ฟัง และผู้สนับสนุนใหญ่ที่สุดของงานสัมมนาก็คือบริษัทยาไป๋ฟังอีก ในใจฉันมักจะเกิดความรู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ ดังนั้นจึงหาข้ออ้างให้เธอกลับไป แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์”

 

 

เขากุมมืออวี๋กานกานเอาไว้ “ยังดีที่เธอไม่เป็นไร”

 

 

อวี๋กานกานส่งยิ้มให้เหอสือกุย “ฉันไม่เป็นไรแล้วแน่นอน อาจารย์เหม่ยเหรินคุณน่าจะบอกฉันตั้งนานแล้ว บางทีคุณก็คงไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ใช่สิ เจ้าหน้าที่โจว โรงพยาบาลตระกูลเฉียวล่ะคะ สามารถหาหลักฐานเจอไหม”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 410 ความรู้สึกพิเศษ (5)

 

 

โจวโจวหัวเราะ ดวงตางามมีเสน่ห์ดังภาพวาด เธอกล่าว “ทางด้านคุณฟังนั้นได้มอบหลักฐานชุดหนึ่งให้แล้ว สามารถตรวจสอบได้ว่าเจียงไป่อันกับโรงพยาบาลภายใต้ชื่อตระกูลเฉียวมีการทดลองยาอย่างผิดกฎหมายมาโดยตลอด ครั้งนี้เจียงไป่อันหนีไม่รอดและโรงพยาบาลตระกูลเฉียวกับผู้รับผิดชอบตระกูลเฉียวอีกหลายคนก็หนีไปไม่ได้ทั้งหมดแล้ว”

 

 

จิตใจที่ตึงเครียดในหลายวันมานี้ของอวี๋กานกานในตอนนี้ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์แล้ว เธอไม่ต้องกังวลว่าคนพวกนั้นจะมาทำร้ายอาจารย์อีกแล้ว

 

 

ฟังจือหันก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

 

 

ในตอนนั้นเธอกับอาจารย์มาที่สถานีตำรวจ ฟังจือหันไปที่โรงพยาบาล การสอบปากคำก็น่าจะทำที่โรงพยาบาลแล้ว คงไม่มาที่นี่อีก

 

 

อวี๋กานกานพาเหอสือกุยไปส่งที่บ้าน หลังจากที่เธอลงจากรถก็ให้คนขับอย่าเพิ่งไป รอเธอครู่เดียวก่อน

 

 

เธอมองเหอสือกุยพร้อมกับกล่าว “อาจารย์เหม่ยเหริน คุณกลับไปทายาที่แผลหลังจากนั้นก็รีบพักผ่อนเสียนะคะ ฉันจะไปดูฟังจือหันหน่อย เขาช่วยฉันถึงได้บาดเจ็บ”

 

 

เหอสือกุยพยักหน้า “เขาช่วยเธอไว้ พวกก็ต้องขอบคุณเขาเป็นธรรมดา แต่ว่าวันนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมายขนาดนี้ วันนี้เธอก็เหนื่อยมากแล้ว พักผ่อนให้มากดีกว่า พรุ่งนี้อาจารย์จะไปขอบคุณคุณฟังเป็นเพื่อนเธอ”

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์เหม่ยเหริน ฉันไปคนเดียวได้ คุณรีบพักผ่อนเถอะ ฉันไปล่ะ”

 

 

อวี๋กานกานยิ้มและนั่งบนรถอีกครั้ง จากนั้นก็โบกมือให้เหอสือกุยที่อยู่ด้านนอก

 

 

ตอนที่เงารถหายไปจากสายตาแล้ว รอยยิ้มบนหน้าของเหอสือกุยนิ่งค้าง

 

 

เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ามืดสลัว

 

 

เสียงลมหนาวหวีดหวิวดังขึ้น พัดพาใบไม้ร่วงปลิวไป พัดเงาเสื้อผ้าปลิวไสว หมุนเอาความเงียบงันมานับไม่ถ้วน

 

 

เขายืนนิ่งที่เดิมอยู่นาน จากนั้นจึงได้หันหลังเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและก้าวเข้าไปในคอนโดอย่างนุ่มนวลและใจเย็นทีละก้าว

 

 

ระหว่างทางอวี๋กานกานต่อสายโทรศัพท์ถึงฟังจือหันแต่หลินเซินเป็นคนรับสาย แผลบนแขนของฟังจือหันค่อนข้างลึก ในตอนนี้เขากำลังเย็บแผลอยู่ในโรงพยาบาล

 

 

พอรถจอดลงที่รับบัตรทางเข้าโรงพยาบาล อวี๋กานกานก็รีบวิ่งเข้าไปจนถึงแผนกฉุกเฉิน เพียงแวบเดียวก็เห็นหลินเซินที่นั่งอยู่ตรงระเบียงด้านนอก

 

 

เธอรีบวิ่งเข้าไป “ห้าต้น อาการบาดเจ็บของฟังจือหันเป็นยังไงบ้าง”

 

 

หลินเซินตอบกลับ “คุณฟังยังเย็บแผลอยู่ด้านใน น่าจะใกล้จะออกมาแล้ว”

 

 

อวี๋กานกานกำลังคิดจะไปแอบมองสักหน่อย หมอก็ดึงประตูให้เปิดแล้วเดินออกมา

 

 

ตอนที่หลินเซินกับหมอคุยกันอยู่ อวี๋กานกานก็ผลักประตูเข้าไป ฟังจือหันนั่งอยู่ข้างเตียง บาดแผลบนแขนถูกเย็บเสร็จแล้ว และยังใช้ผ้าพันแผลคล้องแขนทั้งหมดของเขากับคอเอาไว้

 

 

เห็นอาการบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส แต่ว่าใบหน้าของฟังจือหันยังคงเรียบเฉย เห็นอวี๋กานกานจึงเอ่ยถาม “ทำไมคุณถึงมาได้”

 

 

“ฉันอยากดูแผลคุณสักหน่อย” อวี๋กานกานนั่งลงข้างตัวเขา ยกแขนอีกข้างหนึ่งของเขามาจับชีพจร

 

 

ฟังจือหันก็ไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งอวี๋กานกานคลายมือออก เขาถึงได้ยิ้มแย้มออกมา “ไม่เป็นไรจริงๆ แล้ว”

 

 

อวี๋กานกานตอบอืมกลับไปเบาๆ จู่ๆ น้ำเสียงก็สั่นเครือเล็กน้อย “ขอโทษ”

 

 

ฟังจือหันเห็นเธอนัยน์ตาแดง มีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขาก็ขมวดคิ้วมุ่น “เป็นอะไรไป ใครรังแกคุณ”

 

 

อวี๋กานกานส่ายหน้า “ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน คุณก็คงไม่บาดเจ็บ คุณก็บอกแล้วว่าให้ฉันนั่งอยู่บนรถ ผลคือฉันยังลงไป ทำให้คุณต้องมาบาดเจ็บเพราะช่วยฉัน”

 

 

“คุณไม่ลงจากรถ ผมจะรู้ได้ยังไงว่าเจียงไป่อันเป็นคนก่อเรื่องระเบิดเรือยอชท์ ถ้าคุณไม่ลงไป เหอสือกุยก็คงไม่มาช่วยผม คนมากมายขนาดนั้นผมไม่มีทางสู้ไหวแน่”

 

 

ฟังจือหันพูดและจูบแผ่วเบาบนดวงตาของเธออย่างเอาใจและรักใคร่ “อีกทั้งผมชอบเจ็บตัวเพื่อคุณ”

 

 

คำพูดนี้ทำให้อวี๋กานกานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “คุณอย่ามาล้อเล่น นี่ไม่ตลกเลยสักนิดเดียว แม้ฉันจะเป็นหมอแต่ว่าฉันก็กลัวคนที่ชอบได้รับบาดเจ็บ และยังเพื่อฉันด้วยอีก”

 

 

ฟังจือหันยิ้มด้วยความเอ็นดู โน้มกายจูบบนกลีบปากของหญิงสาว

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset