ตอนที่ 425 รอบแรกคุณฟังคนเจ้าเล่ห์เป็นฝ่ายชนะ
เมื่อมื้ออาหารจบลง ต่างคนก็ต่างความคิด
ภายในใจของอวี๋กานกานสั่นไหว หลังจากกลับไปอันดับแรกเอต้องถามอาจารย์เหม่ยเหรินว่าได้พิจารณาบ้างไหม ทั้งบรรยากาศน่าอึดอัดกับไม่รู้จักมารยาทบนโต๊ะอาหารแบบนี้ เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกครั้งจริงๆ
หลังจากทานอาหารเสร็จ เหอสือกุยเป็นคนเรียกพนักงานเช็คบิลเอง สำหรับมื้ออาหารในวันนี้เขาไม่อยากให้ฟังจือหันเป็นคนเลี้ยงและถือว่าเป็นการแสดงเจตนาของเขา
ถึงไม่อยากแต่พนักงานร้านอาหารกลับบอกว่า “คุณฟังเช็คบิลเรียบร้อยแล้วครับ”
รอยยิ้มสดใสของเหอสือกุยสงบเย็นลงเล็กน้อย ขยับปากเหมือนอยากจะเอ่ยอะไรออกมา อวี๋กานกานจึงยิ้มและพูดกับเขา “อาจารย์คะ ให้เขาจ่ายเถอะค่ะ”
เธอมองเหอสือกุยตาเป็นประกายใช้สายตาสื่อว่านี่เป็นการทดสอบ ค่าอาหารนั้นฟังจือหันควรเป็นคนจ่าย
คำพูดที่ติดปากเหอสือกุยถูกกลืนลงไป เขาจึงพูดกับฟังจือหัน “คุณฟังงั้นก็ขอบคุณคุณด้วยแล้วกันไว้คราวหน้าผมเลี้ยงคุณบ้าง”
เขาเรียกอวี๋กานกาน “เด็กน้อย ไปเถอะกลับบ้านกัน”
อวี๋กานกานยังอยากทานข้าวอยู่ก็จะไปด้วยกันกับฟังจือหัน ตอนที่เหอสือกุยเรียกให้เธอกลับด้วยกัน เธอจึงทำได้เพียงเดินไปอยู่ข้างๆ เหอสือกุยเสียโดยดี
คิดว่ากลับไปด้วยกันก่อนดึกๆ ค่อยออกมาเอง
ส่งสายตากล่าวขอโทษไปยังฟังจือหัน ฟังจือหันก็ไม่ได้พูดอะไร ยกยิ้มจางๆ ที่มุมปาก สบตาเธอลึกซึ้งด้วยความหมาย
ตอนที่ทั้งสามคนเดินออกมายืนอยู่ตรงประตูหน้าภัตตาคาร จู่ๆ ก็มีคนเดินมาชนฟังจือหัน
แล้วเขาชนแขนข้างที่บาดเจ็บของฟังจือหันพอดี
ฟังจือหันพิงกำแพงกุมมือข้างที่บาดเจ็บสายตาหรุบต่ำมองไม่ชัดเจนว่าเขามีอารมณ์ในแววตาเช่นไร
อวี๋กานกานตกใจรีบเดินไปหาเขาสีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ชนแผลคุณเหรอคะ”
ฟังจือหันพยักหน้า พูดอย่างไม่แสดงสีหน้าใดๆ “น่าจะไม่เป็นไร หากชนจริงๆ ก็แค่เย็บแผลอีกครั้ง”
ประโยคนี้ทำให้อวี๋กานกานโมโห “คุณเป็นเสื้อผ้าหรือไงล่ะ ขาดแล้วค่อยเย็บน่ะเหรอ”
เธอตะคอกเย็นชาแล้วมองค้อนฟังจือหัน จากนั้นจึงพูดกับเหอสือกุย “อาจารย์เหม่ยเหรินคะ ฉันจะไปดูแผลกับเขาหน่อย ดึกๆ ค่อยกลับบ้านนะคะ”
เหอสือกุยกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรแต่ไม่ทันอวี๋กานกานจูงแขนอีกข้างที่ไม่บาดเจ็บของฟังจือหันเดินไปขึ้นรถซะแล้ว
ในขณะที่กำลังขับผ่านเหอสือกุย ฟังจือหันลดกระจกรถลงหันไปมองเหอสือกุย มุมปากยกยิ้มแววตาเจือรอยยิ้มราวกับหิมะละลายในฤดูใบไม้ผลิ
เหอสือกุยมองรถที่ไกลออกไป รอยยิ้มสุขุมอบอุ่นมลายหายไปจนแทบไม่เห็นเลยในที่สุด
ผู้ชายหน้าไหว้หลังหลอก
จิตใจยากแท้หยั่งถึงจนน่ากลัว
รถขับไปข้างหน้า อวี๋กานกานขมวดคิ้วมุ่น ในขณะที่รอไฟแดงอยู่จึงดูอาการฟังจือหัน “พวกเราไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ”
“คุณเป็นหมอไม่ใช่หรือไง ทำไมเราต้องไปโรงพยาบาลอีก”
อวี๋กานกานเลี้ยวรถไปทางบ้านของฟังจือหัน “งั้นก็ได้ค่ะ ฉันจะกลับไปเปลี่ยนผ้าก๊อตให้ ถ้าแผลเปิดจริงๆ ฉันจะเย็บแผลให้คุณเอง”
รอยยิ้มฉายไปทั่วดวงตาฟังจือหัน ฝ่ามือใหญ่วางลงบนศีรษะของอวี๋กานกาน ลูบเบาๆ ด้วยความเอ็นดู อารมณ์ดีดูมีความสุขเป็นพิเศษ
เมื่อกลับมาถึงคอนโดของฟังจือหัน อวี๋กานกานจึงเริ่มจัดการกับแผลของฟังจือหัน ทั้งฆ่าเชื้อทั้งสำรวจบาดแผลไปด้วย เมื่อเห็นว่าแผลไม่ได้เปิดแยกก็สบายใจเปราะหนึ่ง
ทำความสะอาดคราบเลือดที่แผล สำรวจบาดแผลว่าติดเชื้อหรือไม่ หลังจากทายาจึงช่วยฟังจือหันพันแผลใหม่อีกครั้ง
ฟังจือหันมองที่แขนของตัวเอง มุมปากยกขึ้น “มีแฟนเป็นหมอนี่สบายจัง”
ตอนที่ 426 มาสิ กินปลากัน
ด้านนอกหน้าต่างหิมะตกลงมา บนโต๊ะรับแขกในห้องมีแจกันปักกิ่งดอกเหมยเอาไว้จึงทำให้ทั้งห้องดูอบอุ่นมีชีวิตชีวามากขึ้น
อวี๋กานกานเก็บกล่องปฐมพยาบาลพร้อมกับบ่นพึมพำไปด้วย “ฉันไม่ชอบความสบายแบบนี้เลย”
“งั้นคุณก็ทำให้ผมสบายเรื่องอื่นดีไหม”
“เรื่องอะไร” อวี๋กานกานถาม
“ร่างกายทรมาน”
“อวี๋กานกานชะงักงัน “…”
“ทั้งตัวมีแต่กลิ่นยา”
อวี๋กานกาน “…”
ไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วฟังจือหันจะทำอะไรกันแน่
นิ้วเรียวของฟังจือหันลูบไล้ริมฝีปากของเธอราวกับจะบอกความนัย “เจ็บแผลมาสองวันแล้วยังไม่ได้อาบน้ำเลย คุณเป็นแฟนผมคุณจะช่วยผมไม่ได้เลยเหรอ”
อวี๋กานกานใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงแล้วตอนนี้เหมือนกุ้งต้มสุกที่แดงลามไปจนถึงหูและลำคอ “คุณพูดอะไร”
เธอรีบปฏิเสธทันที “ไม่ได้ จะทำแบบนั้นได้ไง”
ฟังจือหันพูด “คุณไม่ใช่แฟนผมเหรอ จนป่านนี้แล้วคุณไม่ช่วยผมแล้วจะให้ใครช่วย หืม”
ที่เขาพูดก็ดูเหมือนจะมีเหตุผล แต่รู้สึกแปลกๆ ยังไงชอบกล อวี๋กานกานท่าทีลังเลโวยวายด้วยน้ำเสียงติดๆ ขัดๆ “คุณคิด…อย่าคิดเชียวนะ ฉันไม่มีทางอาบน้ำให้คุณหรอก”
ฟังจือหันกระพริบตาปรอยๆ อธิบายอย่างไร้เดียงสา “ผมแค่ต้องการให้คุณเปิดน้ำใส่อ่างให้เฉยๆ คุณคิดไปถึงไหนแล้วล่ะ”
อวี๋กานกาน “…”
แค่ให้เปิดน้ำจริงๆ เหรอ ฟังจือหันทำให้เธอเข้าใจผิด อวี๋กานกานทั้งอายทั้งโมโหจ้องฟังจือหันอย่างไม่พอใจ จากนั้นจุกขึ้นไปยังห้องน้ำ
หลังจากที่ฟังจือหันอาบน้ำเสร็จออกมา อวี๋กานกานนั่งที่โซฟาอ่านหนังสือ เขาใช้มือข้างเดียวเช็ดผมมองแล้วนั่งลงข้างๆ อวี๋กานกาน
ระยะห่างของสองคนใกล้ชิด ชายหนุ่มที่พึ่งจะอาบน้ำมามีกลิ่นกายหอมสดชื่น
เขาเช็ดผมด้วยมือข้างเดียวไม่ถนัด อวี๋กานกานจึงลุกขึ้นรับผ้าขนหนูของเขามาช่วยเช็ดสักพักหยิบไดร์เป่าผมเขา
ผมดำขลับนุ่มลื่นผ่านนิ้วมือ อวี๋กานกานรู้สึกว่าฝ่ามือของเธอชาตั้งแต่เส้นเลือดไปจนถึงแขนขาและในที่สุดก็คันในหัวใจยุบยับทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น
สาบเสื้อชุดคลุมอาบน้ำของชายหนุ่มแยกออกจากกันเล็กน้อย เผยให้เห็นแผงอกเซ็กซี่วับๆ แวมๆ บางส่วน ให้รู้สึกถึงพลังที่น่าหลง
อวี๋กานกานระยะห่างใกล้ชิดเช่นนี้จึงทำให้เห็นว่าหน้าอกของฟังจือหันมีรอยแผลเป็นอยู่
อวี๋กานกานคิดว่าเป็นรอยแผลเป็นที่ได้มาจากตอนไปเกณฑ์ทหาร
เธอจึงถามเขา “เจ็บไหม”
ฟังจือหันเขี่ยจมูกของเธอไปมาเบาๆ “ตั้งหลายปีแล้ว จะยังเจ็บอยู่ได้ยังไง”
อวี๋กานกานพูดต่อ “ฉันหมายถึงตอนนั้นต่างหากล่ะ ตอนโดนแทงเจ็บไหมคะ”
“ไม่รู้”
“หืม”
“เพราะว่าไม่มีเวลาไปคิดว่าเจ็บหรือเปล่า”
ดูเหมือนว่าฟังจือหันไม่อยากพูดถึงอดีตของบาดแผลสักเท่าไหร่ สายตามองไปที่อวี๋กานกาน ทันใดนั้นก็โอบเอวอวี๋กานกานเข้ามาและบดจูบริมฝีปากของเธอ
ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋กานกานเผยอปากมองเขาด้วยความเขิน “คนเจ็บอยู่อย่าทำตัวลุ่มล่ามสิ”
“อยากกินอวี๋[1] (ปลา)” ฟังจือหันพูดด้วยท่าทางจริงจัง
“คุณแน่ใจนะ”
ฟังจือหันขมวดคิ้ว “…”
อวี๋กานกานยิ้มหวาน “งั้นฉันจะให้คุณกินอวี๋ กินจนพอเลย”
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงเศษๆ บนโต๊ะเต็มไปด้วยถุงอาหารที่สั่งมาหลายอย่าง ข้างในล้วนเป็นกับข้าวที่ทำจากปลาหลายอย่าง
อวี๋กานกานกวักมือเรียกฟังจือหันอย่างร้ายๆ “มาสิ กินอวี๋ (ปลา)”
ฟังจือหัน “…”
——
[1] อวี๋ แปลว่าปลา ซึ่งพ้องเสียง อวี๋ ในแซ่นามสกุลของอวี๋กานกาน