ตอนที่ 429 เดตแรก
ทั้งหกคนจองลานที่หรูหราเอาไว้ ลานโบราณมีระเบียงศาลากลางน้ำมีห้องแยกกันเก้าห้องเชื่อมต่อกับสะพานโบราณด้วยทางเดินยาวและมีบ่อน้ำพุร้อนในร่มส่วนตัวแยกต่างหาก
ทุกคนมาถึงพร้อมกันก็ตอนเที่ยงพอดี เมื่อเอาของไปเก็บก็ไปที่ห้องอาหารข้างๆ
ห้องอาหารอยู่ชั้นบนสุดของรีสอร์ทพร้อมวิวกว้างไกลและมีฟังก์ชั่นการหมุนของตัวเองไม่ว่าจะนั่งตรงไหนก็สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของรีสอร์ทได้ทั้งหมด
คนที่ดูจะมีความสุขที่สุดคงเป็นเจียงฉี่
เธอเขย่งเท้าก้าวเบาๆ แถมยังวนไปรอบๆ ทำเหมือนกับว่าเป็นนกกระจอกตัวน้อยที่ถูกปล่อยให้โบยบิน
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเซลฟี่ เธอยื่นมือถือให้อวี๋กานกานจากนั้นเดินไปอยู่ข้างฟังจือหันแล้วทำท่าชูมือสองนิ้ว
ไม่ปล่อยโอกาสให้ฟังจือหันได้ปฏิเสธ อวี๋กานกานก็กดชัตเตอร์ถ่ายไปแล้วหลายรูป
เจียงฉี่รับมือถือคืนกดดูรูปที่เธอถ่ายกับฟังจือหันอย่างพอใจแล้วหันไปพูดยิ้มๆ กับอวี๋กานกาน “พี่ถ่ายรูปคู่กับพี่ชายสักรูปสิคะ”
อวี๋กานกานโบกมือ “ไม่ล่ะๆ”
เธออยากเดินออกไปแต่ฟังจือหันกลับเอื้อมแขนโอบคอเธอเอาไว้ อวี๋กานกานตกใจเงยหน้ามองฟังจือหัน
ในขณะเดียวกันเจียงฉีรีบกดถ่ายทันภาพนี้พอดี
อวี๋กานกานเดินไปข้างเจียงฉี่เพื่อดูรูปที่ถ่ายได้ จังหวะที่เจียงฉี่กดถ่ายรูปนั้นช่างเหมาะเจาะพอดีเป๊ะเลย
ในรูปถ่ายของเธอกับฟังจือหันนั้นกำลังสบตามุมปากเจือรอยยิ้มรู้สึกหวานมาก
อวี๋กานกานยิ้ม ในขณะที่กำลังจะให้เจียงฉี่ส่งรูปให้ก็สบตาเข้ากับเหอสือกุยพอดี
เหอสือกุยอยู่ด้านหลังสุดดวงตาที่หนักอึ้งนั้นลึกล้ำมืดมนและเคร่งขรึมจริงจัง
อวี๋กานกานเกร็งกับท่าทีเย็นชาของอาจารย์เหม่ยเหรินจึงหัวเราะแหะๆ เดินไปยังข้างเหอสือกุยแล้วพูดว่า “อาจารย์เหม่ยเหรินคะ เรามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักรูปดีไหมคะ”
“ไม่เป็นไร พวกเธอถ่ายกันเถอะ” เหอสือกุยยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน
“ถ่ายรูปหนึ่งนะคะ วิวที่นี่ออกจะสวยขนาดนี้” อวี๋กานกานรั้งเหอสือกุยเอาไว้จากนั้นจึงเรียกเจียงฉี่ให้มาช่วยถ่ายรูป
ลู่เสวี่ยเฉินที่เห็นฉากนี้จึงขยับเข้ามาใกล้ฟังจือหันแล้วกระซิบข้างหูเบาๆ “ผมดูยังไงอาจารย์คนนี้ก็ไม่เหมือนกำลังดูแลลูกสาวอยู่ แต่กลับเหมือนกำลังดูแลผู้หญิงซะมากกว่านะ”
บรรยากาศเย็นลงในทันทีดวงตาของฟังจือหันคมขึ้นราวกับใบมีด ฟังจือหันมองมารความสุข
ลู่เสวี่ยเฉินรู้สึกเสียววาบทั่วทั้งร่าง เขาลูบจมูกป้อยๆ “ผมก็พูดไปเรื่อยเปื่อยแหละ…” จากนั้นตะโกนเรียกเจียงฉี่เสียงดัง “น้องเสี่ยวฉี่ มา มาถ่ายรูปให้พี่เฉินของเธอสักสองรูปสิ”
เขาเดินไปยังข้างๆ หลินจยาอวี่ ยกแขนโอบไหล่หลินจยาอวี่เอาไว้ “มาๆๆ พวกเรามาถ่ายรูปกัน”
หลินจยาอวี่เหลือบมองมือที่อยู่บนบ่า พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “จะถ่ายก็ถ่าย มือไม้อย่ารุ่มร่าม ฉันกับคุณไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”
ลู่เสวี่ยเฉินขมวดคิ้วมองหลินจยาอวี่ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยแล้วพูดเว่อร์เกินจริง “เมียจ๋า เมื่อคืนใครกันนะที่เรียกพี่จ๊ะพี่จ๋า พอมาวันนี้ทำเป็นไม่รู้จักกันซะแล้ว คุณนี่เย็นชาไร้อารมณ์จริงๆ”
หลินจยาอวี่ “…”
เจียงฉี่ถ่ายฉากนี้เก็บไว้ด้วยเช่นกัน บรรยากาศเหมือนกันแต่สายตาช่างต่างกันซะเหลือเกิน คู่ของพี่ชายดูไร้เดียงสาและขี้อาย แต่คู่นี้ขี้บ่นน่าดู
เธอโพสต์รูปถ่ายลงโมเมนต์ในวีแชท [มากับเดตแรกของพี่ชายและพี่สะใภ้]
ในห้องแสงสลัวชายคนหนึ่งนั่งอยู่ในมุมมืดดูโมเมต์วีแชทที่เจียงฉี่โพสต์ด้วยสีหน้าเย็นชา
“พวกแกทำร้ายจนลูกชายฉันกลายเป็นแบบนี้แล้วยังมีอารมณ์มาเที่ยวกันหน้าระรื่นอีก”
โทรศัพท์ตกเสียงดัง “เพล้ง” ตกกระทบกับพื้นอย่างรุนแรงและแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ
ตอนที่ 430 หรือจะทำให้สมจริงไปเลย
หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วต่างคนต่างก็แยกย้ายไปทำกิจกรรมของตัวเอง หลินจยาอวี่ที่กำลังท้องอยู่เมื่อกินก็รู้สึกง่วง ลู่เสวี่ยเฉินจึงพาเธอกลับไปที่ห้อง
เมื่อเข้าห้องแล้วหลินจยาอวี่ก็ไล่เขาทันที “คุณไปได้แล้ว”
ลู่เสวี่ยเฉินนั่งลงบานเตียงข้างๆ ทำหน้าทำตาออดอ้อนน่าสงสาร “เมื่อไหร่คุณจะเลิกนิสัยพอคนอื่นหมดประโยชน์ก็ไล่ไปแบบนี้ คุณควรเลิกได้แล้วนะ”
หลินจยาอวี่ยืนจังก้าผายมือทำท่า ‘เชิญ’ ให้เขารีบออกไปซะ
ลู่เสวี่ยนเฉินไม่ลุกขึ้นแต่กลับเขยิบไปพิงหัวเตียงข้างหลัง “คุณนายลู่ ถ้าจะเล่นละครก็ต้องเล่นให้สุดไปเลยสิครับ”
“กานกานก็รู้เรื่องนี้” แม้กระทั่งเหอสือกุยกับเจียงฉี่สองคนนี้รู้แล้วก็คงไม่ไปพูดข้างนอก อีอย่างไม่ได้อยู่บ้านตระกูลลู่เธอก็ไม่อยากเล่นละครตบตาอีก
“คู่ของฟังจือหันรู้แล้ว แต่อีกสองคนนั้นยังไม่รู้นี่ พวกเราพึ่งจะแต่งงานกันจะมาโป๊ะแตกไม่ได้ ละครนี้ยังไงก็ต้องแสดงให้สมบทบาทสิครับ”
หลินจยาอวี่ถามอย่างเย็นชา “คุณจะทำอะไรกันแน่”
หลังจากแต่งงานกันดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะเปลี่ยนไป ก่อนแต่งเห็นได้ชัดว่าเย็นชาและไม่เคยห่วงใยกันเลย
ท่าทางจะเปลี่ยนไปขนาดไหนก็ช่าง แต่มีความรู้สึกบางอย่างเหมือนเขามีความคิดอยากจะเป็นพ่อแท้ๆ ของลูกในท้องเธอ ทั้งหมดนี่ดูแปลกๆ ไปจริงๆ
“ผมจะทำอะไรได้ล่ะ” ลู่เสวี่ยเฉินปัดมือพัลวัน ก็แค่อยากเล่นละครให้มันสมจริง เกรงว่าจะเกิดปัญหามากมายตามมาหากไม่ระวัง ผมไม่ทำร้ายคุณหรอกครับ”
เขาตบข้างเตียงปุๆ “รีบมานอนสิ ทำอย่างกับไม่เคยนอนด้วยกันงั้นแหละ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า”
หลินจยาอวี่เดินหันกลับไป “ถ้าคุณจะนอนนี่ ฉันก็จะได้ไปนอนห้องข้างๆ
ยังไงซะลานกว้างนี่มีห้องพักตั้งหลายห้อง ห้องนี้นอนไม่ได้ก็ไปนอนห้องอื่น
ลู่เสวี่ยเฉินดีดตัวขึ้นจากเตียงคว้ามือหลินจยาอวี่เอาไว้
หลินจยาอวี่ออกแรงสะบัดแขนให้มือของลู่เสวี่ยเฉินหลุดมือ แต่กลับออกแรงมากไปจึงทำให้เสียการทรงตัวล้มลงข้างๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ระวัง”
ลู่เสวี่ยเฉินเอื้อมมือกอดหลินจยาอวี่เอาไว้
หลินจยาอวี่ตกใจไปชั่วขณะรีบผลักลู่เสวี่ยเฉินออกไป หลังจากสัมผัสในมือหายไปอธิบายไม่ได้ว่ามีความรู้สึกสูญเสียที่ไม่จริงอยู่ลึกๆ ในใจ
สายตาที่ลู่เสวี่ยเฉินมองหลินจยาอวี่ย่างร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับหมาป่าที่กำลังจ้องเขมือบแกะน้อย
หลินจยาอวี่ที่โดนเขาจ้องรู้สึกไม่ปลอดภัยจึงถอยหลังหลายก้าว
เธอหันไปผินสายตาไม่มองตรง “ถ้าคุณไป ฉันก็ไป”
ผิวที่เหมือนหิมะของหญิงสาวนั้นเปล่งประกายงดงามและเย้ายวน
คราวนี้ลู่เสวี่ยเฉินเลื่อนสบตาเธอ นอกจากนี้ยังลุ่มลึกอีกด้วย “หลินจยาอวี่ คุณจะลองสักหน่อยไหม”
หลินจยาอวี่ “…”
ลองอะไร
ลู่เสวี่ยเฉินสอดมือเข้ากระเป๋ากางเกง ค่อยๆ ย่างกรายเข้าไปข้างหน้า “ทำให้สมจริง”
หลินจยาอวี่เข้าใจและยังไม่ทันได้คิดก็ปฏิเสธไปทันที “ไม่”
“คุณแน่ใจ จะไม่คิดสักหน่อยเหรอ”
“ไม่คิด”
ลู่เสวี่ยเฉินต้องการจะทำอะไรกันแน่ เธอจะไม่มีทางเชื่อเขาเด็ดขาด เขากับเธอแต่งงานกันอย่างสับสนคลุมเครือ
ผู้ชายอย่างลู่เสวี่ยเฉินคงไม่ใช่เพราะรักหน้ามืดตามัวเด็ดขาด ที่เขาอยากเป็นสามีภรรยากับเธอจริงๆ ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ