ตอนที่ 469 อันตราย อยู่ใกล้แค่เอื้อม
ฟังจือหันแนบหน้าผากไปกับเธอ สายตาเข้มส่องสว่าง ลมหายใจแปรเปลี่ยนเป็นติดขัดเล็กน้อย “คุณอย่ามานึกเสียใจทีหลังแล้วกัน”
เขาอุ้มอวี๋กานกานขึ้นมา แขนทั้งสองข้างของอวี๋กานกานคล้องคอเขาแน่น ขาทั้งสองข้างหนีบรัดตัวเขาเอาไว้แน่น
ฟังจือหันกดเธอแนบโต๊ะ จูบที่ริมฝีปากเธอ ทั้งเอาแต่ใจทั้งดุดัน ปล้นความหอมหวานทุกกระเบียดนิ้วจากเธอ
เว้นช่วงให้อวี๋กานกานหายใจ เธอพูดพร้อมกับหายใจหอบ “ไปที่เตียง…”
ชายหนุ่มจูบเธออย่างดูดดื่มในขณะที่เดินกลับห้องนอนที่อยู่ด้านข้าง ถือโอกาสกดเธอลงแนบเตียงและพาเธอเข้าสู่อารมณ์พลุ่งพล่านสาดซัดกระหน่ำ
ค่ำคืนอันหนาวเหน็บ ชายหนุ่มที่เย็นชากลับดุดันอย่างไม่มีอะไรเทียบ ฉีกกินหญิงสาวเข้าสู่ห้องทีละนิดทีละน้อย…และไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไหร่ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด อวี๋กานกานรับไม่ไหว แทบจะหมดสติไป
จนกระทั่งตอนที่กายใจล่องลอยบนเมฆ สุขเหลือล้น
เพิ่งจะปักธงไป ยังไม่ทันข้ามคืนแรกก็พังแล้ว
ตอนที่นอนสะลึมสะลือ อวี๋กานกานกำลังคิดว่านี่เป็นแผนของชายหนุ่มตีสองหน้าใช่ไหม
วันถัดมา อวี๋กานกานถูกความหิวปลุกให้ตื่น เธอหยิบโทรศัพท์มือถือซึ่งวางอยู่บนหัวเตียงมาดู เกือบจะเที่ยงแล้ว
ฟังจือหันที่นอนอยู่ข้างตัวเธอก็ไปบริษัทตั้งแต่เช้าแล้ว
หากเธอเดาไม่ผิดแล้ว ฟังจือหันแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน และยังออกเรี่ยวแรงนานขนาดนั้นอีก ตอนที่ตื่นเช้ามาทำไมเขาถึงยังสดชื่นได้อีก
อวี๋กานกานลงมาชั้นล่าง เห็นป้าหูเข้า เธอพูดกับอวี๋กานกานด้วยรอยยิ้ม “คุณนายฟัง คุณตื่นแล้ว อาหารใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ รออีกแป๊บหนึ่งนะคะ”
“ไม่รีบค่ะ ค่อยๆ ทำ”
ไม่รู้ว่าฟังจือหันยังประชุมอยู่หรือไม่ กลัวว่าตนเองจะไปรบกวนเขา อวี๋กานกานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความให้ฟังจือหัน ถามเขาว่าจะกลับมากินข้าวไหม
ผ่านไปครู่ใหญ่ฟังจือหันถึงได้ตอบข้อความเธอ วันนี้เขาค่อนข้างยุ่ง ตอนนี้ยังประชุมอยู่ ปลีกตัวไปกินข้าวไม่ได้เลย
อวี๋กานกานให้ป้าหูเอากล่องข้าวมาใส่กล่องหนึ่ง หลังกินข้าวเสร็จจึงถือกล่องข้าวไปหาฟังจือหันที่บริษัทยาไป๋ฟัง
เธอไม่ได้ไปที่ห้องทำงานของฟังจือหัน แต่โทรหาหลินเซินให้เขาเอากล่องข้าวไปให้ฟังจือหัน ตนเองจึงไปที่ห้องแล็บชั้นบนสุด
หัวหน้าห้องแล็บเห็นอวี๋กานกานมาก็แปลกใจมากและค่อนข้างดีใจ “หมออวี๋ คุณมาพอดีเลย สูตรยาที่เราทดลองครั้งก่อนนั้น ใช้น้ำที่ใช้ประจำ สารเอสเตอร์ ตัวทำละลายสามชนิดเพื่อสกัด ทุกครั้งพบว่าผลไม่ค่อยคงที่เลย…”
อวี๋กานกานกล่าว “คุณเอาผลสกัดยาหลายๆ ชนิด รวมกับสมุนไพรเดิมเอามาให้ฉันทั้งหมด ฉันจะหาดูเหตุผลที่มันไม่คงที่”
“ได้ค่ะ”
อวี๋กานกานทำงานอยู่ตรงพื้นที่มุมสุด ด้านหนึ่งเป็นกำแพง อีกสามด้านเป็นชั้นวาง พื้นที่ที่ถูกล้อมรอบเงียบเป็นพิเศษ ไม่มีคนมารบกวน
เธอใส่เสื้อคลุมสีขาว สวมผ้าปิดปาก จมอยู่กับงาน ไม่ใช่จุดที่มั่นใจมาก เธอยังต่อสายให้ซย่าเฉิงโจวมาปรึกษาร่วมกัน
เวลาผ่านไปไวมาก ตอนที่อวี๋กานกานเลิกงาน ในที่สุดก็หาปัจจัยที่ทำให้ไม่คงที่เจอ
เธอพรูลมหายใจออกมา ก้มหน้าอยู่ตลอด ยกมือขึ้นนวดลำคอเพื่อผ่อนคลายความปวดเมื่อย
พลันเสียง “กรอกแกรก” ดังขึ้นข้างหู
อวี๋กานกานหันไปมองตามเสียงโดยสัญชาตญาณ เห็นชั้นวางสูงด้านข้างสั่นระลอกหนึ่งตามด้วยเสียงแสบแก้วหู
ทันใดนั้นเสียง “ปัง” ดังขึ้น ชั้นวางกระจกด้านบนสุดไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ถึงตกมาจากชั้นวาง ร่วงลงมาตรงๆ
อวี๋กานกานซึ่งยืนอยู่ใต้ชั้นวางเบิกตาโต มองชั้นวางที่ร่วงลงมาตรงๆ ด้วยความหวาดกลัว…
ตอนที่ 470 เป็นตายห่างเพียงนิดเดียว
อวี๋กานกานดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เกือบจะเหนือสัญชาตญาณ มือทั้งสองข้างกุมหัวหมอบลง ขณะที่เธอหมอบลงทำเก้าอี้คว่ำลง เก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังชนเข้ากับโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าพอดี
“อ๊าก!!”
ตามด้วยเสียงร้องตกใจของอวี๋กานกาน ต่อด้วยเสียงดัง “ตึงตัง” กระจกแตกลงพื้นเหมือนพลุกระจายทุกทิศทาง
คนทั้งห้องแล็บตื่นตระหนกตกใจกันหมดในชั่วขณะ
ทุกคนต่างล้อมจุดเกิดเหตุไว้ทันที “รีบตามคนมา เกิดเรื่องแล้ว!”
“หมออวี๋อยู่ข้างใน”
“เร็ว ช่วยด้วย”
“เกิดเรื่องกับหมออวี๋แล้ว”
“หมออวี๋…”
ทุกคนมีสีหน้าหวาดกลัวและตื่นตระหนก หัวใจแทบจะหลุดมาจากอก ในพริบตาห้องแล็บตกอยู่ในความวุ่นวาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้า ไม่กล้าไปแตะอวี๋กานกาน เพียงแค่ต่อสายหา 120 เท่านั้น
หัวหน้าห้องแล็บเดินมาข้างหน้าสุดด้วยเนื้อตัวสั่นเทิ้ม เรียก “หมออวี๋” ทั้งเป็นห่วงและเป็นกังวล
ทำไมหมอบอยู่กับพื้น ไม่ตอบสนองเลยสักนิดล่ะ
แต่อย่าเกิดเรื่องเด็ดขาดเลย นี่เป็นแฟนสาวของประธานหันเชียว ถ้าเกิดเรื่องขึ้นจะอธิบายยังไงล่ะ
แต่กระจกบานใหญ่ตกลงมาขนาดนี้ เป็นไปได้ยังไง…จะเป็นไปได้ยังไงที่จะไม่เป็นไร?!
ในขณะที่หัวหน้าห้องแล็บไม่รู้จะทำอย่างไรดี อวี๋กานกานที่หมอบอยู่บนพื้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมา เลือดสีแดงสดไหลตามมือเธอทีละหยดๆ
อวี๋กานกานไม่รู้สึกเจ็บ เหมือนเบลอไป มองทุกคนด้วยสีหน้ามึนงง
หัวหน้ากุมหัวใจ เรียกเสียงเบาอีกครั้ง “หมออวี๋”
“ตึงๆ” เสียงก้าวเท้าวุ่นวายเร่งรีบมาทางนี้ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งวิ่งมาตลอดทาง
เสียงจากห้องแล็บดังเกินไป ทำให้ตื่นตกใจทั้งชั้น
ฟังจือหันซึ่งอยู่ชั้นล่างก็ได้ยินเสียงเกิดเรื่องที่ห้องแล็บ นึกถึงอวี๋กานกานขึ้นในทันทีจึงวิ่งขึ้นมาด้วยความเร็วที่สุดโดยไม่พูดให้มากความ
อยู่หน้าประตูตอนที่ได้ยินเสียงทุกคนเรียกอวี๋กานกาน ตกใจจนหน้าซีดเผือด ทั้งตัวเหมือนกับถูกฉีกกระชากเป็นชิ้น
“เสี่ยวอวี๋!”
เขาเผลอเรียกเสียงเบา เจือความลนลานโดยไม่รู้ตัว
ร่างสูงโปร่งวิ่งเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว ดันคนที่ขวางหน้าออกทันที ตอนที่เห็นอวี๋กานกานยืนอยู่ข้างหน้าอย่างปลอดภัยไม่มีอันตรายก็เกิดความรู้สึกล่องลอยอย่างหนึ่งขึ้นมา
หนึ่งวินาทีสวรรค์ หนึ่งวินาทีนรก ในขณะนี้ประสบพบเจอได้ชัดเจนแจ่มแจ้งจริง
เห็นเลือดสีแดงสดบนพื้นที่หยดจากมือของอวี๋กานกาน ฟังจือหันสีหน้าเข้มขึ้น ก้าวเท้ายาวไปข้างหน้าถามอย่างร้อนรน “บาดเจ็บตรงไหน”
อวี๋กานกานอึ้งไป มองฟังจือหันที่อยู่ตรงหน้าด้วยความมึนงง ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มปรากฏความหวาดกลัวกับกระวนกระวายใจไปทั่ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นนอกจากความเย็นชา เป็นสีหน้าแปลกใหม่ที่สุดของเขาเลย
ใบหน้างุนงงของเธอพร่ามัวเล็กน้อย เหม่ออยู่นานจากนั้นจึงยกแขนของตนเองขึ้น
บาดเจ็บแค่แขน?
ฟังจือหันไม่อยากเชื่อ รีบตรวจดูเธอรอบหนึ่ง พบว่าบาดเจ็บแค่แขนจริง
เขามองเศษกระจกที่เต็มพื้นครู่หนึ่ง อันตรายที่สุดคือโครงเหล็กนั่น และยังมีเก้าอี้ที่ล้มไปอีกด้านหนึ่ง รวมกับรอยบุบบนโต๊ะ ตื่นเต้นจนอดแค่นหัวเราะออกมาไม่ได้
โชคดีมาก ช่างโชคดีเสียจริงเลย
ขณะที่กระจกร่วงลงมาแตก อวี๋กานกานเผลอใช้มือกุมหัวแล้วหมอบลงกับพื้น ในขณะเดียวกันน่าจะทำให้เก้าอี้ล้ม
เก้าอี้ล้มไปข้างหน้าตามร่างกายเธอ ซึ่งล้มไปที่โต๊ะข้างหน้าพอดี ประกอบกันเป็นเกราะป้องกัน รับโครงเหล็กกับกระจกซึ่งกระแทกแรงที่สุด กระจกแตกกระจาย จากนั้นก็พาให้โครงเหล็กเอียงล้มลงอีกด้าน ทำให้เธอพ้นจากอันตรายถึงชีวิตครั้งนี้