ตอนที่ 481 ผมก็แค่อยากรักคุณ
ความเงียบของเธอทำให้ฟังจือหันสัมผัสได้
กลับเข้าไปในบ้าน อวี๋กานกานเตรียมตัวกลับห้องเข้านอนเงียบๆ ชายหนุ่มฉุดแขนรั้งเธอเอาไว้ “ทำไมไม่พูด”
เวลาที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันเธอมักจะเป็นผู้พูดและเขาเป็นผู้ฟัง
ขณะนี้เธอเงียบไปแล้ว บรรยากาศระหว่างทั้งคู่จึงดูเย็นเยียบเป็นอย่างมาก
“ให้พูดอะไร มีอะไรน่าพูดเหรอ”
อวี๋กานกานใจชาหนึบๆ ไม่อยากจะพูดอะไรจริงๆ เธอกลัวว่าจะอารมณ์ไม่ดีแล้วระเบิดอารมณ์ออกมา
“คุยเรื่องหนังต่อ…” ฟังจือหันจ้องเธอไม่ยอมปล่อยมือ
“ไม่คุยแล้ว ไม่มีอะไรน่าคุย” อวี๋กานกานควบคุมสะกดอารมณ์แกะมือตัวเองออก “อีกอย่างฉันง่วงแล้ว”
ฟังจือหันยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย นัยน์ตานุ่มลึกดั่งทะเลมองไปที่เธอ จู่ๆ ส่งน้ำเสียงอ้อยอิ่ง “อ๋อ” แช่ไว้สักพักจากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “หึงเหรอ”
หางเสียงเป็นประโยคคำถามแต่กลับยิ่งเป็นประโยคยืนยัน
อวี๋กานกานอึ้งไปเล็กน้อย
เมื่อถูกจับไต๋ได้เธอจึงรู้สึกอับอายจนกลายเป็นโมโห “มีอะไรให้ต้องหึงด้วย คุณควรมองไปที่นางเงือก ประธานจอมเผด็จการไม่ต้องการคนขาวสวยและรวยที่ใช้เงินไม่รู้ตั้งกี่ร้อยล้านเพื่อล่อเหยื่อมาติดกับ แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ใช่คนขาวสวยและรวยมากด้วย”
ฟังจือหันหัวเราะออกมาเบาๆ
ชายหนุ่มที่หัวเราะน้อยครั้งมากแล้วบางครั้งแค่หัวเราะเบาๆ เจือรอยยิ้มที่มุมปากเพียงเท่านั้น ตอนนี้หัวเราะออกเสียงแล้วเสียงแหบต่ำฟังดูอบอุ่นและเซ็กซี่มาก ทั้งร้ายกาจและขี้เล่น
เขาหัวเราะจนเธอทำตัวไม่ถูกถึงโมโหเบิกตาโต “มีอะไรน่าขำล่ะคุณ ฉันจะบอกคุณให้ ถ้าคุณอยากเลือกกู้เหยียนอวี๋คุณต้องบอกฉันก่อน เพราะฉันไม่ใช่ของตายสำหรับคุณ ไม่งั้นฉันจะเลิกกับคุณแน่นอน”
ฟังจือหันขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย “ตรงไปตรงมาขนาดนี้เลยเหรอ”
“ต้องใจแข็งบ้างถึงจะดี”
“คุณไม่ได้เป็นผู้ชายสักหน่อย ใจไม่แข็งพอต่างหากถึงจะเป็นเรื่องปกติ”
นัยน์ตาลึกซึ้งของชายหนุ่มฉายแววหยอกล้อ อวี๋กานกานอึ้งค้างเขินอายจนหน้าแดง “นี่คุณ…”
ผู้ชายนิ่งๆ เย็นชา พอร้ายขึ้นมานี่แทบจะต้องร้องขอชีวิต
อวี๋กานกานรู้สึกท้อใจเล็กน้อยจึงหันไปนั่งลงที่โซฟาด้วยท่าทางฟึดฟัด
ฟังจือหันนั่งลงข้างๆ เธอ เมื่อยื่นมือลูบไล้แก้มปลายนิ้วของเขาสัมผัสผิวนุ่มลื่นราวกับหยกของเธอจนควบคุมอารมณ์ในใจไม่ได้จึงประทับจูบอ่อนโยนไปที่หน้าผากของเธออย่างรักใคร่เอ็นดู
เขาลูบไล้ปลายจมูกของเธอแล้วจงใจพูดด้วยถ้อยคำที่ลึกซึ้ง “ยัยบ๊อง ท่าทางคุณตอนบ๊องๆ ก็ดีเหมือนกันนะ”
อวี๋กานกาน “…”
นี่เรียกว่าชมเธอหรือด่าเธอกันแน่นะ
เธอผลักฟังจือหันออกไปแล้วสบตาเขาด้วยแววตากรุ่นโกรธ “ด่าฉันเหรอ คุณหลอกด่าฉันเหรอ”
“ผมก็แค่อยากรักคุณ”
คำว่ารักคำนี้ต้องเป็นคำกริยาอย่างแน่นอน อวี๋กานกานไม่มีหมดคำพูดนอกจากจ้องหน้าฟังจือหันแล้วเธอไม่รู้ต้องพูดอะไรอีก
ฟังจือหันก้มหน้าต่ำลงมาบดจูบริมฝีปากของเธอ
ไม่ทันได้พูดทำไมถึงจูบเธอแล้วล่ะ อวี๋กานกานขมวดคิ้วมุ่นผลักเขาออกอย่างไม่ทันตั้งตัว สายตาจดจ้องเขาเหมือนกำลังจะพูดว่าอย่าพึ่งซุกซนและรีบพูดให้จบเสียก่อน
ฟังจือหันยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้จึงเอื้อมมือไปโอบกอดแนบแก้มกับเรือนผมของเธอแล้วพ่นลมหายใจข้างหูเธอ “ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน คนที่ผมเลือกก็คือคุณ ยัยบ๊อง…”
ชื่อเรียกนี้ฟังดูแล้วไม่ได้สวยหรูสักเท่าไหร่ แต่กลับถูกเขาเรียกด้วยความรักใคร่
ตอนที่ 482 เสี่ยวอวี๋ vs เสี่ยวอวี๋ คุณเลือกใคร
ชื่อเรียกนี้ฟังดูแล้วไม่ได้สวยหรูสักเท่าไหร่ แต่กลับถูกเขาเรียกด้วยความรักใคร่ เช่นเดียวกับไวน์รสชาติกลมกล่อมที่อยู่ในใจ อวี๋กานกานก็เหมือนคนเมาที่อ่อนปวกเปียกไปทั้งร่าง
เสียงวิ้งๆ ในหัวสมองราวกับถูกคลื่นพลิกไปมาท่ามกลางพายุในทะเล
เธอจ้องเขาแน่นิ่ง ในดวงตาดำขลับเป็นประกายของเขาไม่สื่อถึงสิ่งใด เพียงมีแค่เธอและความรักที่มีต่อเธอเท่านั้น
“ถ้าหากมีวันไหนที่คุณกลับใจแล้ว คุณต้องบอกฉันนะคะ ฉันยังยืนยันคำเดิมว่าฉันไม่ใช่ของตาย” อวี๋กานกานอิงแอบแนบชิดในอ้อมกอดของเขาฟังเสียงหัวใจเต้นของเขาแล้วพูดอย่างคลุมเครือ
แต่ฟังจือหันกลับได้ยินและเข้าใจชัดเจน
เขาพูดอย่างเสียดายเล็กน้อย “งั้นคงรอไม่ถึงวันนั้นหรอก…”
อวี๋กานกานรู้สึกหวานในใจขึ้นมาทันที
เธอเองก็เอ่ยถามด้วยความเสียดายเหมือนกัน “คุณไม่ยืนยันจริงๆ สักหน่อยเหรอ ถ้าเจอกู้เหยียนอวี๋ขึ้นมา แล้วจู่ๆ คุณนึกเสียใจทีหลังแล้วจะทำยังไงดีล่ะคะ”
คราวนี้ฟังจือหันไม่ได้ตอบเธอแต่กลับยื่นมือโน้มหัวของเธอแล้วยีจนผมเผ้ายุ่งเหยิง อวี๋กานกานอยู่หน้ากระจกเมื่อส่องเห็นว่าผมตนเองฟูเป็นรังนกก็ตกใจก่อนที่จะอดหัวเราะออกมาไม่ได้
เธอเองก็ยื่นมือไปยีผมของฟังจือหันเช่นกัน
แต่ว่าชายหนุ่มสูงเกินไป ร่างกายจึงโน้มไปข้างหลังเล็กน้อย เธอเอื้อมไม่ถึงแล้วอยากลุกขึ้นเพื่อแกล้งเขา แต่จู่ๆ ชายหนุ่มก็อุ้มเธอขึ้นมา…
บ้านตระกูลกู้
ภายในห้องรับแขกเงียบสงบ ชายวัยกลางคนกำลังนงลงบนโซฟาหนังแท้สีดำ คนหล่ออย่างเขาแม่สวมชุดอยู่บ้านยังดูไม่ธรรมดา เขามีสีหน้าเย็นชาน่าเกรงขามเปล่งประกายวาบวับภายใต้แสงไฟ
หญิงสวยวัยกลางคนถือจานผลไม้เดินออกมา เธอเอาจานผลไม้นั้นวางไว้ที่โต๊ะรับแขกแล้วพูดกับชายวัยกลางคนด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม “อาเชิน ฉันเก็บกวาดห้องของเสี่ยวอวี๋เรียบร้อยแล้วค่ะ แทบจะรอให้เสี่ยวอวี๋กลับมาไม่ไหวจริงๆ”
กู้เชินมองแวบหนึ่งแล้วพยักหน้านิ่งๆ
เขาไม่พูดสิ่งใด สีหน้าเย็นชาไม่สื่ออารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
แต่จูอวี้ลู่ซึ่งเป็นคุณนายกู้กลับไม่ได้สนใจ มองไปที่แววตาของสามีเธอด้วยความรักทั้งหมดที่ไม่สามารถหักห้ามได้
สามารถแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ได้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุดและมีความสุขมากที่สุดแล้ว เธอไม่เคยขอร้องให้เขารักเธอมากมายแค่ไหน เพียงแค่ได้อยู่กับเขา มีลูกให้เขา สามารถเคียงข้างเขา เธอก็พอใจมากแล้ว
ประตูใหญ่ของห้องรับแขกถูกคนผลักเข้ามา
กู้ซูหลิงเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า จิตใจเธอเหม่อลอยใบหน้าซีดเซียวราวกับได้รับการกระทบกระเทือนมาอย่างสาหัส
เมื่อเห็นถึงสภาพของลูกสาว จูอวี้ลู่จึงตกใจรีบลุกขึ้นไปหาด้วยสีหน้าเป็นกังวลและรีบร้อน “หลิงหลิง ลูกเป็นอะไร”
“แม่คะ” กู้ซูหลิงมองแม่ของเธอด้วยน้ำตาคลอเบ้าราวกับเจอที่ระบาย จู่ๆ ก็ปล่อยโฮกอดจูอวี้ลู่ร้องไห้อย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ของเธอ “ทำยังไงดี หนูไม่มีโอกาสอะไรอีกแล้ว แต่หนูชอบเขามากจริงๆ ทำยังไงดีคะแม่…”
เมื่อจูอวี้ลู่ได้ยินก็รู้ทันทีว่าลูกสาวของตัวเองเป็นอะไร
เธอกอดปลอบกู้ซูหลิงอย่างอ่อนโยนแล้วถอนหายใจออกมา “หลิงหลิง แม่เคยบอกลูกแล้วไม่ใช่เหรอว่าลูกกับฟังจือหันไม่เหมาะสมกัน ทำไมลูกถึงยังตามตอแยเขาอีก ทำไมถึงต้องเป็นนายฟังจือหันคนนั้นด้วย”
กู้เชินที่นั่งบนโซฟามองไปที่สองแม่ลูกที่กำลังกอดกันร้องไห้จึงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “ลูกเป็นถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้ ลูกอยากได้ผู้ชายแบบไหน ถ้าลูกยินยอม พรุ่งนี้พ่อจะจัดการนัดทานข้าวดูตัวให้ รับรองว่าไม่ให้น้อยหน้าฟังจือหันเด็ดขาด”