ตอนที่ 493 ความสัมพันธ์คลุมเครือกับคำโกหก
หลินจยาอวี่เบิกตาโพลงพยายามพูดด้วยใจสงบนิ่ง “จากมุมมองทางชีววิทยาความรักเพศเดียวกันนี้เป็นวิวัฒนาการระดับสูงไม่มีอะไรต้องปิดบัง แต่ฟังจือหันแต่งงานแล้ว ผู้ชายที่มีครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ยุ่งไม่ได้เด็ดขาด ฉะนั้นคุณตัดใจจากเขาซะเถอะ”
“ถ้าตัดใจไม่ได้ทำไง”
“ลู่เสวี่ยเฉิน บางคำก็อย่าให้ฉันต้องพูดออกมาต่อหน้า ต่อให้รักอย่างไรก็ไปเป็นมือที่สามเขาไม่ได้ ถ้ากล้าทำร้ายอวี๋กานกานล่ะก็ฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
หลินจยาอวี่ขู่เตือน
อวี๋กานกานเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ เธอจะไม่ปล่อยเมียน้อยที่เป็นผู้ชายคนนี้เด็ดขาด ขืนยังทำลายความรักของเพื่อนรักเธอยิ่งไม่อนุญาตให้คนนั้นเป็นสามีในนามของเธออีกต่อไป
ลู่เสวี่ยเฉินหัวเราะแหะๆ “ผู้ชายอย่างฟังจือหันใจร้ายใจดำ เสี่ยวอวี๋กานไม่ใช่มวยถูกคู่ของเขาหรอก ถ้าผมฉุดฟังจือหันไปก็ถือว่าเป็นการช่วยเธอยกภูเขาออกจากอกมากกว่า”
สายตาของหลินจยาอวี่คมดั่งมีดมองลู่เสวี่ยเฉินอย่างเย็นเยือกกระตุกมุมปาก “กรุณาอย่าหาข้ออ้างเพื่อที่คุณจะใช้ตีท้ายครัวคนอื่น”
ลู่เสวี่ยเฉินแสดงออกอย่างจริงจังหนักแน่น “ไม่หรอก ผมสัญญากับคุณว่าจะไม่ตีท้ายครัวใครเด็ดขาด”
หลังจากเคลียร์กันครั้งนี้จบหลินจยาอวี่ก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องย้ายออกอีก ท่าทีก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นซึ่งไม่เหมือนการจงใจรักษาระยะห่างแบบนั้นอีก
แบบนี้ก็ดี แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนที่เธอปฏิบัติต่ออวี๋กานกานล่ะ
อย่างไรเสียต่อให้ห่างจากเขาไปไกล ถึงแม้จะแก้ไขเรื่องนี้ได้ไม่ดีเท่าที่ควรแต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อลูกของเขา
เพื่อลูกต่อให้เขาต้องอันตรายถูกหลินจยาอวี่โขกสับ เขาก็ยังจะทำอย่างไม่ลังเลสักนิด
เพื่อความปลอดภัยมาพักหลังเจอฟังจือหันหลายครั้งลู่เสวี่ยเฉินมักจงใจแกล้งพูดหยอกล้อฟังจือหันต่อหน้าหลินจยาอวี่
เช่นเดียวกับวันนี้
อย่างเช่นไม่เจอกันหลายวันนายดูหล่อขึ้นเยอะเลย
อย่างเช่นมีความรู้สึกมาตั้งหลายปี ทำไมนายต้องเย็นชาใส่ขนาดนี้
อย่างเช่นบางครั้งฉันก็รู้สึกชอบนายมาก ทำไมเราไม่มาลองกันสักตั้งล่ะ เป็นต้น
คำพูดเลี่ยนๆ เหล่านี้ลู่เสวี่ยเฉินตั้งใจพูดให้หลินจยาอวี่ได้ยิน หากจะทำการรุกฆาตก็ต้องลับอาวุธให้คมเสียก่อน
หลินจยาอวี่ตั้งข้อสังเกตอยู่หลายครั้งก็พบว่าข้างกายของลู่เสวี่ยเฉินก็ไม่มีผู้หญิงคนไหน อีกทั้งเขาก็ไม่มีความรู้สึกอะไรต่อผู้หญิงที่มาชอบเขา ท่าทีประหลาดจนน่าสงสัย จนถึงตอนนี้ก็แทบเชื่อสนิทอย่างไม่สงสัย
ลู่เสวี่ยเฉินมองผู้หญิงในอ้อมกอดของเขา เธอสวยจริงๆ สวยจนแม้กระทั่งวิญญาณก็ถูกพรากไปจนหมดสิ้น กลิ่นหมออบอวลเตะปลายจมูกทำให้ใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่
อวี๋กานกานไม่สบายใจเรื่องหลินจยาอวี่
เมื่อเห็นว่าเธอกับลู่เสวี่ยเฉินออกไปตั้งนานแล้วยังไม่กลับเข้ามาจึงแสดงสีหน้ากังวลและออกมาตามหา
พอดีกับที่เห็นลู่เสวี่ยเฉินตระกองกอดหลินจยาอวี่เบาๆ ในอ้อมแขน ทั้งสองคนกระซิบพึมพำคุยกัน ท่าทีแบบนี้ดูอย่างไรก็รู้สึกถึงความคลุมเครือ
อวี๋กานกานอึ้งอ้าปากค้าง
ถ้าหากเธอจำไม่ผิดล่ะก็ สองคนนี้แต่งงานกันแค่ในนามไม่ใช่เหรอ
เมื่อเห็นอวี๋กานกานหลินจยาอวี่จึงเผลอดันตัวลู่เสวี่ยเฉินออก เมื่อมือของลู่เสวี่ยเฉินลู่ตกลงมาที่ไหล่ของหลินจยาอวี่ เขามองอวี๋กานกานแล้วเอ่ยถาม “เสี่ยวอวี๋กาน เธอออกมาทำไม”
อวี๋กานกกานเก็บงำความสงสัยไว้ในใจแล้วเอ่ยถาม “ท้องเธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม ให้ฉันจับชีพจรให้เธอดีกว่าไหม”
หลินจยาอวี่มองอวี๋กานกานด้วยสายตาอ่อนโยนแฝงด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องหรอกฉันไม่เป็นอะไร ไปเถอะเราไปกินข้าวกันต่อดีกว่า”
หลังจากทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางกลับอวี๋กานกานก็ถามฟังจือหันด้วยความสงสัย “คุณรู้บ้างไหมว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นระหว่างลู่เสวี่ยเฉินกับหลินจยาอวี่”
“ผมไม่รู้”
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์คลุมเครือแปลกๆ”
ฟังจือหัน “…”
ตอนที่ 494 แฟมมิลีแมนเข้าครัว
ตั้งแต่ที่หลินจยาอวี่ท้องก็กินเก่งขึ้นมาก เพิ่งจะกินข้าวกับอวี๋กานกานไปเมื่อครู่นี้ กลับบ้านกับลู่เสวี่ยเฉินดูทีวีได้แป๊บเดียวก็หิวอีกแล้ว
ลู่เสวี่ยเฉินชินไปแล้วล่ะ เขามองเธอแล้วถาม “คืนนี้คุณอยากกินอะไรไหม”
“ตู้เย็นเหลืออะไรก็กินอันนั้นแหละค่ะ”
“ได้ รอแป๊บ” ลู่เสวี่ยเฉินหยัดกายลุกขึ้นเข้าห้องครัว
เขาหยิบผักจากตู้เย็นถกแขนเสื้อขึ้นแล้วค่อยๆ ล้างและหันผัก ใบหน้ารูปหล่องดงามไม่มีใครเทียบยามเข้าครัวช่างขัดกันเหลือเกินแต่การหยิบจับของเขากลับดูสะอาดเรียบร้อยและคล่องแคล่วมาก
หลายคืนมานี้ถ้าหลินจยาอวี่หิวมักจะเรียก ‘รูมเมท’ อย่างลู่เสวี่ยเฉินมาเข้าครัวเสมอ ถึงแม้เธอจะรู้สึกว่าลู่เสวี่ยเฉินขี้หงุดหงิด นิสัยเสียแต่ทำอาหารเก่งใช้ได้เลยทีเดียว
เธอเคยถามลู่เสวี่ยเฉินว่า “ทำไมคุณถึงทำอาหารเป็น”
“เพราะฟังจือหันทำไม่เป็น” ลู่เสวี่ยเฉินหมายถึงสมัยเรียนต่างประเทศอยู่หอเดียวกันกับฟังจือหัน ชีวิตเขาตกเป็นทาสฟังจือหันอย่างน่าสังเวช
ฟังจือหันคนใจไม้ไส้ระกำไม่อยากกินอาหารตามสั่งเดลิเวอร์รี่จึงวางแผนทำทุกหนทางให้เขาทำกับข้าวให้
ตอนนี้คิดๆ ดูก็รู้สึกโมโห
ส่วนหลินจยาอวี่เข้าใจผิดแล้วคิดว่าลู่เสวี่ยเฉินลงมือตุ๋นซุปเพื่อตามจีบฟังจือหัน
แต่ว่าตอนนี้ท้องเธอยังไม่โตมากนัก ลูกเพิ่งจะสามสี่เดือนเองก็กินจุซะแล้ว รอเธอคลอดออกมาก่อนเกรงว่าต้องอ้วนเป็นหมูแน่ๆ
ผ่านครู่หนึ่งลู่เสวี่ยเฉินก็ทำอาหารโภชนาการครบถ้วนแต่รสชาติเบาไม่จัดจ้านออกมา
หลินจยาอวี่อร่อยจนหยุดไม่ได้ ลู่เสวี่ยเฉินผัดผักมีกลิ่นน้ำมันและควันติดตามตัวเขาควรจะไปอาบน้ำได้แล้ว เมื่อออกมาเห็นอาหารที่ตัวเองทำถูกกินจนเกลี้ยงทั้งหมด
ลู่เสวี่ยเฉินมองจานชามว่างเปล่าบนโต๊ะอาหารก็อึ้งชะงักอยู่กับที่ เมียเขาชักจะกินเก่งเกินไปแล้ว
ผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์สวยงามกลับเป็นราชากระเพาะใหญ่ภาพพจน์กินจุช่างขัดกันจริงๆ
เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ดึกแล้วกินเยอะขนาดนี้ระวังอาหารไม่ย่อยนะคุณ”
หลินจยาอวี่นึกไม่ถึงเมื่อมองลู่เสวี่ยเฉินจึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองกินเยอะมากไปแล้ว
“กับข้าวที่คุณทำอร่อยมาก ถ้าฉันกินไม่หมดถือเป็นการไม่ให้เกียรติคุณ” เธอพูดอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองแล้วลุกขึ้นเก็บจานชาม “กินเสร็จแล้วฉันลุกไปล้างจานออกกำลังสักหน่อย”
“ไม่ต้อง คุณนั่งเถอะเดี๋ยวผมทำเอง”
ลู่เสวี่ยเฉินกดหลินจยาอวี่นั่งลง ส่วนตัวเองเก็บจานชามไปล้างที่ห้องครัวค่อยๆ ล้างจนสะอาดดี
หลินจยาอวี่พิงพนักโซฟาลูบท้องที่กินข้าวจนอิ่มแปล้ได้ยินเสียงน้ำดังมาจากในครัวจู่ๆ ก็รู้สึกง่วงขึ้นมานิดหน่อย
หนังท้องตึงหนังตาหย่อน ในขณะที่กำลังจะเผลอหลับเธอจึงส่ายหน้าไปมารีบนั่งตัวตรง เดินเข้าไปในห้องครัวคุยกับลู่เสวี่ยเฉินสองสามคำก็กลับห้องไปอาบน้ำ
ลู่เสวี่ยเฉินล้างจานเสร็จแล้ว หลินจยาอวี่ก็หลับแล้ว ดวงตาปิดสนิทได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอเพียงแต่มือและขาปัดป่ายอยู่ข้างนอก
เขาย่องเข้าไปเบาๆ เอามือของเธอสอดใต้ผ้าห่มแล้วห่มผ้าให้ดีๆ
เจียงหลีที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วขนตางอนยาวทำให้เขาอยากสัมผัสแต่ก็กลัวปลุกเธอตื่น สุดท้ายยังคงอดทนได้
สายตาของเขาค่อยๆ เลื่อนลงต่ำ ในที่สุดก็หยุดตรงหน้าท้องของหลินจยาอวี่โน้มตัวลงเชื่องช้าเอาหูแนบบนผ้าห่มฟังความเคลื่อนไหวข้างในนั้นอย่างเงียบๆ
ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
สามสี่เดือนเองจะได้ยินเสียงลูกดิ้นหรือเปล่านะ น่าจะไม่มีหรอกมั้ง นี่เขากำลังทำอะไร ลู่เสวี่ยเฉินยกยิ้มมุมปากแล้วออกไปอย่างเบาเสียงที่สุด