ตอนที่ 509 สงสัยมีอะไรปิดบังหรือเปล่า
อวี๋กานกานยกยิ้มมุมปาก ที่แท้คำว่า ‘แต่ง’ หมายถึงภัยคุกคาม
เธอบ่นพึมพำ “ถึงยังไงฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะมีแค่ฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เมื่อก่อนไม่พูดต่อไปก็พูดยาก”
ฟังจือหันตอบจริงจัง “ต่อไปนี้ไม่มีอะไรที่คุณต้องพูด คุณต้องมีชีวิตต่อไปยืนยาวโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องพูด”
อวี๋กานกานมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ “อย่าบอกฉันนะว่าคุณไม่มีประสบการณ์น่ะ ที่น้ำพุร้อนในคืนนั้นลีลาของคุณก็ใช่ย่อยนี่”
ฟังจือหันเอ่ยเสียงเรียบ “ดูเหมือนว่าคืนนั้นผมทำให้คุณพอใจมากสินะ”
อวี๋กานกานรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูกแล้วพูดขึ้นด้วยความเขิน “พอใจอะไรล่ะ เจ็บจะตายอยู่แล้ว”
เธอเตรียมจะผละออกไปอีกทางแต่กลับถูกกดลงไปบนโซฟาเขาก็บดจูบอย่างดุดัน จูบครั้งนี้ยาวนานเร่าร้อนและจูบค้างไว้หลายนาทีจนอวี๋กานกานชาวูบทั่วทั้งร่าง รสจูบของเขานุ่มนวลอ่อนโยนราวกับสายน้ำ เมื่อคนตรงหน้าเริ่มหายใจแทบไม่ออกเขาจึงปล่อยเธอ
แต่เขายังคงทับเธอเอาไว้บนโซฟาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบต่ำ “ปลามีคุณค่าทางโภชนาการมากเมื่อก่อนเคยได้ยินคนพูดว่ากินปลาทุกวันจะทำให้มีอายุยืนยาว”
ใบหน้าของอวี๋กานกานแดงก่ำด้วยลมหายใจเร่าร้อนที่เป่ารดเมื่อมองที่ยังหน้าต่างสูงจรดพื้นก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา “งั้นคุณก็อย่ามาทำรุ่มร่ามแถวนี้สิ…”
ฟังจือหันกระตุกคิ้วยิ้มๆ “ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะทำตรงนี้สักหน่อย ตรงนี้ออกแรงมากไม่ได้”
อวี๋กานกานหน้าแดงแจ๋ อึกๆ อักๆ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ในขณะนั้นเองเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
อวี๋กานกานได้รับการปล่อยตัวทันทีแล้วรีบเอ่ยขึ้น “มือถือคุณดังน่ะ คุณรีบรับสายสิ”
ฟังจือหันบีบจมูกของเธออย่างหมั่นเขี้ยวจากนั้นจึงลุกเดินไปรับโทรศัพท์อีกด้าน “ฮัลโหล”
อวี๋กานกานนอนบนโซฟาจ้องมองฟังจือหัน เธอไม่สามารถขจัดความสงสัยในใจออกไปได้
ซ่งฉาไป๋สอบผ่านเข้ามาอยู่ที่ปักกิ่งแล้ว
อวี๋กานกานนัดซ่งฉาไป๋ออกมากินข้าวด้วยกัน ซ่งฉาไป๋สังเกตเห็นได้ชัดว่าอวี๋กานกานมีอาการใจเหม่อลอยเล็กน้อย
ซ่งฉาไป๋จึงถามอย่างสงสัย “ทำไมเธอถึงไม่อยู่กับร่องกับรอยเหมือนมีเรื่องหนักใจแบบนี้ ว่ากันว่าคนมีความรักต้องมีส่วนได้ส่วนเสียบ้างก็ไม่แปลก”
อวี๋กานกานขำ “ฉันมีเหรอ”
“มีสิ เธอทะเลาะกับฟังจือหันเหรอ”
“เปล่า” อวี๋กานกานนำเรื่องสงสัยและแปลกใจค่อยๆ เล่ามันออกมา “เพียงแต่ช่วงนี้ ฉันรู้สึกเหมือนฟังจือหันจะมีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่”
ซ่งฉาไป่อึ้งเล็กน้อย “ปิดบังเธอ เขามีผู้หญิงคนอื่นนอกบ้านเหรอ”
อวี๋กานกานส่ายหน้าไม่อธิบายเพิ่ม “ก็ไม่ใช่แบบนั้นอีก ผู้ชายคนหนึ่งพบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยให้ความสำคัญมากที่สุดเพียงแต่ตอนเจอเธออีกครั้งจริงหรือที่สามารถทำเป็นมองไม่เห็นได้”
“แฟนเก่าเหรอ”
“ไม่ใช่ คือเพื่อนตอนเด็กๆ น่ะ”
ซ่งฉาไป๋เหงื่อแตกพลั่กไปต่อไม่ถูก “เพื่อนในวัยเด็กโตมาก็ไม่สนิทกันแล้ว เธออ่ะอย่าคิดมากสิ ฟังจือหันคนนี้เหลี่ยมจัดก็จริงแต่ฉันว่าเขาจริงใจหวังดีกับเธอจริงๆ นะ คงไม่มีทำเรื่องอะไรให้เธอเสียใจหรอก”
สีหน้าของอวี๋กานกานผ่อนคลายลงแล้วคลี่ริมฝีปากแย้มยิ้ม “ที่จริงฉันก็คิดแบบนี้แหละก็แค่อยากหาคนมาระบายด้วยเฉยๆ”
“ฉันคนนี้จะเป็นต้นไม้ซ่งฉาให้เธอเองไม่สบายใจก็มาพักพิงที่ฉัน พอระบายออกมาก็สบายใจขึ้นเยอะ”
“ขอบใจนะต้นไม้ซ่งฉาของฉัน มา กินเยอะๆ หน่อยนี่เป็นอาหารโปรดของเธอทั้งนั้นเลยนะ”
“ฉันไม่เกรงใจล่ะนะ ก่อนมานี่ฉันไปรับอาจารย์เหม่ยเหรินออกโรง’บาล ยังบังคับเขากินข้าวอยู่เลย”
อวี๋กานกานที่กำลังคีบอาหารอยู่ชะงักเล็กน้อย “อาจารย์ฉันออกโรง’บาลเหรอ”
ตอนที่ 510 อุบัติเหตุ โชคร้าย
ซ่งฉาไป๋นึกขึ้นได้ว่าตัวเองปากไวไปหน่อยจึงได้แต่หัวเราะแหะๆ “ฉันว่าออกโรง’บาลเหรอ ฉันน่าจะหมายถึงเขาไปรับคนออกโรง’บาลมากกว่า”
ทันใดนั้นอวี๋กานกานมีสีหน้าเงียบขรึมขึ้นมา “ซ่งฉาไป๋ ฉันไม่ได้หูหนวกนะ ฉันได้ยินชัดเจนเธอพูดว่าอาจารย์ฉันออกโรง’บาล ก่อนออกก็ต้องนอนโรง’บาลมาก่อนแล้วตกลงอาจารย์ฉันเป็นอะไรเกิดอะไรขึ้นกับเขาเหรอ”
น้ำเสียงเจือไปด้วยความกังวลและไม่สบายใจ
ดวงตาซ่งฉาไป๋เป็นประกายวูบไหวด้วยความรู้สึกผิด
เธอพูดตะกุกตะกักพยายามหาข้อแก้ตัว จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้พูดคำโกหกออกมา
อวี๋กานกานมองเธอด้วยสายตาเฉียบคมรวมกับรังสีเอ็กซ์เรย์ที่กำลังสแกนร่างเธออย่างไรอย่างนั้นจนในที่สุดซ่งฉาไป๋ก็ทนไม่ไหวจริงๆ
เธอหลับตาทำสมาธิแล้วพูดออกมาตามตรง “อาจารย์ของเธอเกิดอุบัติเหตุรถชนแถมยังเจอโจรจี้อีกเขาถูกแทงเพราะช่วยชีวิตคนก็เลยต้องนอนอยู่โรงพยาบาลหลายวัน”
อวี๋กานกานตกใจเบิกตาโต “รถชน? โจรจี้? ทำไมถึงไม่บอกฉัน”
เห็นได้ชัดว่าอาจารย์อยากให้เธอกลับไปด้วยแต่ทำไมจู่ๆ ถึงปล่อยให้เธออยู่ที่ปักกิ่งต่อ
เขาพึ่งกลับเมืองไป๋หยางได้แป๊บเดียวทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุมากมายเช่นนี้อีกทั้งนอนโรงพยาบาลก็ควรเรียกเธอไปดูแลสิ
แปลก
แปลกมาก
อาจารย์เหม่ยเหรินปิดบังเธอเรื่องอะไร
หรือว่า…
จู่ๆ อวี๋กานกานเกิดว้าวุ่นใจ เธอรีบหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเหอสือกุย
เหอสือกุยซึ่งอยู่อีกด้านของสายโทรศัพท์รับสายปกติไม่มีอะไรแตกต่าง
ก่อนอื่นถามเธอว่ากินข้าวหรือยังจากนั้นถามงานเธอราบรื่นดีหรือเปล่าสุดท้ายก็บอกให้เธอรักษาสุขภาพ
ซ่งฉาไป๋ก้มหน้าก้มตากินข้าวเพื่อลดความรู้สึกการมีตัวตนอยู่เงียบๆ
อุตส่าห์สัญญากับอาจารย์เหม่ยเหรินแล้วว่าจะไม่บอกอวี๋กานกานเด็ดขาด แต่สุดท้ายก็คือ…
ฮือๆๆ
ท่าทางของอวี๋กานกานตอนนี้น่ากลัวมากจะทำยังไงดี
เมื่อคุยไปคุยมาอวี๋กานกานก็หัวร้อนโมโหขึ้นเสียงสูง “อาจารย์เหม่ยเหรินสรุปแล้วยังเห็นหนูเป็นคนในครอบครัวอยู่ไหม อาจารย์เกิดอุบัติเหตุโดนโจรปล้นจี้บาดเจ็บเข้าโรง’บาลเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมถึงไม่บอกหนูสักคำ”
เหอสือกุยสะดุ้งจากนั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเองไม่ได้ร้ายแรงอะไร อีกอย่างฉันก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว”
“แต่อาจารย์ก็ไม่ควรปิดบังหนูนี่คะ หนูจะรีบจองตั๋วเครื่องบินพรุ่งนี้จะกลับไปค่ะ”
การออกจากโรงพยาบาลไม่ได้หมายความว่าอาการบาดเจ็บจะหายแล้วอาจารย์ยังคงเป็นคนไข้อยู่ในขณะนี้ เธอจะทิ้งเขาไว้ที่เมืองไป๋หยางคนเดียวได้อย่างไร
เหอสือกุยรีบเอ่ยห้ามเธอ “ไม่ต้อง เธอไม่ต้องมาหรอก”
ให้เธออยู่ปักกิ่งนั่นแหละถึงจะปลอดภัยที่สุด
อวี๋กานกานขมวดคิ้วมุ่น “อาจารย์เกิดเรื่องขนาดนี้แล้วหนูจะไม่กลับไปได้ยังไงแล้วใครจะดูแลอาจารย์ล่ะคะ”
เหอสือกุยเอ่ยตอบ “ลุงของเธอจะดูแลฉันเองแล้วอีกสองวันฉันก็จะขึ้นไปปักกิ่งแล้ว”
อวี๋กานกานถามอย่างฉุนเฉียว “อะไรนะคะ อาจารย์บอกว่าอีกสองวันจะมาปักกิ่ง พึ่งออกโรง’บาลนั่งเครื่องบินมาปักกิ่งได้ยังไงค่ะ ถึงยังไงอาจารย์ก็ควรพักฟื้นก่อนสักระยะไม่อย่างนั้นจะทำให้ตัวเองเจ็บหนักยิ่งกว่าเดิมนะคะ”
“ฉันไม่เป็นอะไร ร่างกายแข็งแรงดี”
“อาจารย์อย่าโกหกหนูนะคะ”
“รอฉันขึ้นไปหาเธอก็รู้เองว่าฉันเจ็บหนักหรือเปล่า”
จะว่าไปเขาก็ไม่ได้อยากให้เธอไปปักกิ่งตั้งแต่แรกอยู่แล้วอวี๋กานกานจึงเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “งั้นหนูก็จะกลับปักกิ่งด้วยแล้วค่อยกลับมาปักกิ่งพร้อมกับอาจารย์”
อวี๋กานกานหนักแน่นมาก
หลังจากที่เธอกินข้าวกับซ่งฉาไป๋เรียบร้อยแล้วก็ทำการจองตั๋วเครื่องบินกลับไป๋หยางในคืนนี้ทางออนไลน์ทันที
เธออยากกลับโดยด่วนที่สุดเพื่อดูอาการของอาจารย์เหม่ยเหรินว่าสรุปแล้วเป็นอย่างไร
อาจารย์เหม่ยเหรินนำความโชคดีมาให้เธอใช่ไหมไม่เช่นนั้นแล้วเธอก็มักจะโชคร้ายอยู่เสมอ