ตอนที่ 511 กลับไป ทะเลาะแล้วเข้าใจกันมากขึ้น
ณ สมาคมยาไป่ฟาง
ฟังจือหันกำลังฟังรายงานสรุปของหลินเซิน “แน่นอนตามที่คุณคาดการณ์ ตอนนี้ประธานเจียงได้ค้นคว้ายาใหม่ที่เขาพัฒนาในห้องปฏิบัติการเฉิงเป่ยและได้ล้างข้อมูลนัดบอดและข้อมูลการทดสอบทั้งหมด แต่ผมได้เก็บข้อมูลทั้งหมดไว้แล้ว “
“คุณเอาข้อมูลที่ได้มาทั้งหมดไปตรวจสอบให้ละเอียดอีกที”
“ครับ”
มือถือที่วางบนโต๊ะทำงานดังขึ้นเขาจึงให้หลินเซินออกไปก่อนจากนั้นหยิบมือถือขึ้นมาดุครู่หนึ่ง
ข้อความที่ส่งมาทำให้ฟังจือหันหรี่สายตาเยือกเย็น เขารีบลุกขึ้นหยิบเสื้อสูทที่วางบนโต๊ะแล้วเดินออกไปด้วยความรวดเร็ว
อวี๋กานกานกำลังเก็บกระเป๋าสัมภาระอยู่ภายในห้องนอน
เมื่อเห็นฟังจือหันผลักประตูเข้ามาเธอจึงรีบเอ่ยกับเขา “ฉันกำลังคิดอยู่พอดีกว่าเก็บของเสร็จแล้วจะโทรหาคุณ อาจารย์ของฉันรถชนแล้วยังโดนโจรปล้อนจนบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล ฉันจองตั๋วเครื่องบินกลับไป๋หยางแล้วไม่กี่วันก็กลับมา คุณไม่ต้องคิดถึงฉันนะ หืม”
ฟังจือหันเดินเข้ามาใกล้เอื้อมมือจับมือเธอเอาไว้ “ไม่ต้องกลับไปแล้ว”
อวี๋กานกานช้อนสายตาขึ้นมองเข้าด้วยสีหน้าประหลาดใจ “…”
ฟังจือหันจึงพูดต่อ “อาจารย์ของคุณบอกผมว่าตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรมากแล้ว อีกอย่างไม่กี่วันก็จะมาปักกิ่งไม่ต้องให้คุณกลับไป”
“แต่ฉันไม่สบายใจนี่คะ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไปดูสักหน่อย”
อวี๋กานกานดันมือฟังจือหันออกไปแล้วเก็บของต่อ คราวนี้กลับถูกฟังจือหันดึงแขนเอาไว้ “อาจารย์คุณก็บอกอยู่ว่าเขาไม่เป็นอะไร คุณอย่ากังวลเกินเหตุแล้วไม่จำเป็นต้องรีบกลับไป”
คำพูดนี้ฟังแล้วทำให้อวี๋กานกานไม่สบายใจอึดอัดหายใจไม่ออก
เธอหรุบสายตาต่ำกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุมเยือกเย็น “หากพ่อคุณเกิดเรื่องทั้งรถชนทั้งโดนจี้ปล้น คุณจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เหรอ ตอนนี้ฉันไม่ได้ยุ่งแล้วก็ไม่ได้ว่างมาก ฉันอยากกลับไปดูอาจารย์แป๊บเดียวเองทำไมถึงพูดมาได้ว่ากังวลเกินเหตุฮะ”
ฟังจือหันพูดอย่างเย็นชา “แต่เขาไม่ใช่พ่อของคุณอายุก็ไล่เลี่ยกับเราอีกอย่างเขายังไม่ได้แต่งงาน!”
อวี๋กานกานแสยะยิ้ม “คุณยังจะหึงฉันกับอาจารย์อีกเหรอ”
เธอถามกลับไปเสียงนิ่ง “คุณหึงไปหมดเลยนะ แต่ว่าอาจารย์เหม่ยเหรินเป็นญาติของฉัน เขาเป็นคนเลี้ยงฉันมาแม้จะห่างกันไม่กี่ปีแต่สำหรับฉันเขาเปรียบเสมือนพ่อ ฉันไม่ห่วงเขาไม่ได้ แล้วคุณล่ะวันนั้นที่เจอกู้
เหยียนอวี๋แล้วต่อหน้าฉันคุณทำเป็นเย็นชา แต่คุณบอกฉันได้ไหมว่าลับหลังคุณก็ไม่ได้สนใจกู้เหยียนอวี๋ ความเย็นชาของคุณมันผิดปกติ เธอหายสาบสูญไปไม่ใช่เพราะคุณเหรอ ถ้าเธอกลับมาแล้ว อย่างที่ฉันเข้าใจคุณดีคุณไม่มีทางทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน!”
น้ำเสียงในประโยคสุดท้ายของเธอตวาดลั่น หลังระบายโทสะออกมาทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ
ฟังจือหันมีสีหน้าเรียบนิ่งสายตาลุ่มลึกจ้องมองเธออย่างเย็นชาและอันตราย
ถ้าหากปกติฟังจือหันระเบิดอารมณ์หึงอวี๋กานกานคอยอดทนและเอาใจเขา
แต่ทว่าตอนนี้เธอไม่อยากอ้อนเอาใจอะไรเขาทั้งนั้น หากเธอกับอาจารย์เหม่ยเหรินมีอะไรกันก็คงเกิดขึ้นตั้งนานแล้วไม่รอจนถึงตอนนี้หรอก
เธอคิดว่าฟังจือหันโวยวายไม่มีเหตุผล
ความกรุ่นโกรธเพลาพลางลง
อีกอย่างโบราณกล่าวไว้ ขุนนางจุดไฟแต่ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านจุดตะเกียง
หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน อวี๋กานกานจึงเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ฉันก็ไม่ได้จะอะไรกับคุณและกู้เหยียนอวี๋หรอก สุดท้ายก็แค่ความรู้สึกของคุณย้อนวัยเด็ก สุดท้ายคุณก็ทิ้งเธอไป ฉันไม่ใช่คนที่ไม่คุยกันด้วยเหตุผล ฉันก็แค่อยากบอกคุณว่าไม่ต้องหึง คุณไม่จำเป็นต้องมองฉันด้วยสายโกรธกันแบบนี้”
ตอนที่ 512 ติดตาม ยากที่จะแยกห่าง
“ผมไม่ได้มองคุณด้วยความโกรธ” เพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถยอมให้เธอกลับไป๋หยาง เขามีเหตุผลที่ไม่อยากให้เธออยู่กับเหอสือกุยตามลำพัง บางครั้งคิดว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันเหอสือกุยดูแลเธอและเธอก็เชื่อใจ
เหอสือกุยมาตั้งหลายปีขนาดนั้นมันทำให้เขาอดนึกอิจฉาไม่ได้”
เหตุผลมากกว่านั้นที่เขาไม่สามารถให้เธอกลับไป๋หยางก็คือความปลอดภัยของเธอ
แต่เขาบอกเธอไม่ได้!
อวี๋กานกานเบะปากคว่ำเขาเย็นชาขนาดนี้แล้วบอกไม่โกรธได้ไง “…”
“แต่…ยังไงผมก็ไม่ให้คุณไป”
น้ำเสียงของฟังจือหันดุดันหนักแน่นที่ไม่สามารถเอ่ยขัดขึ้นมาได้
อวี๋กานกานมองเขานิ่งอึ้งความโกรธที่พึ่งทุเลาลงไปเมื่อครู่นี้ปะทุขึ้นมาอีกอย่างอดไม่ได้ “ฉันอธิบายความรู้สึกไปตั้งมากมายคุณไม่เข้าใจฉันสักนิดเลยเหรอ”
ฟังจือหันยังคงไม่ยอมล่าถอยจ้องเธอไม่วางตาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
อวี๋กานกานกำหมัดแน่นจนปลายนิ้วจิกอุ้งมือ
เธอไม่สามารถเอาชนะผู้ชายที่มีพลังแข็งแกร่งได้ เมื่อสู้ไม่ไหวจึงหันหลังเข้าห้องน้ำขังตัวเองอยู่ในนั้นและปฏิเสธที่จะคุยกับฟังจือหัน
แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอถอดใจที่จะกลับไป๋หยาง
อวี๋กานกานอยู่ในห้องน้ำสักพักแล้วค่อยเปิดประตูออกมาเมื่อในห้องนอนไร้เงาของฟังจือหันเธอจึงรีบเก็บของใส่กระเป๋าแล้วลากออกไปทันที
การจราจรค่อนข้างติดขัด อวี๋กานกานมาถึงสนามบินเอาตอนที่ใกล้เวลาขึ้นเครื่องไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
เธอเข็นสัมภาระผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยด้วยบัตรผ่านขึ้นเครื่องหลังจากผ่านขั้นตอนต่างๆ มาเป็นเวลานานเธอก็มาถึงประตูขึ้นเครื่องทันเวลาพอดี
ในขณะที่ขึ้นเครื่องบินแล้วกำลังหาที่นั่งเธอพึ่งจะพบว่าที่นั่งบนตั๋วอยู่ในชั้นเฟิร์สคลาส
อวี๋กานกานอึ้งกระพริบตาถี่ๆ
ตอนบ่ายที่เธอจองตั๋วเป็นชั้นประหยัดนี่นา ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปเป็นชั้นเฟิร์สคลาสได้ล่ะ
เธอนำตั๋วเครื่องบินไว้ข้างๆ ไม่อยากคิดว่าเพราะอะไร เธอกำลังลังเลว่าจะส่งข้อความหาฟังจือหันดีไหม
ที่จริงก็ไม่มีอะไร
เธออยากกลับไปดูแลอาจารย์แค่แป๊บเดียวทำไมเราสองคนถึงทะเลาะกันขึ้นมาได้นะ
ถ้าฟังจือหันพัวพันเรื่องระหว่างเธอกับอาจารย์อยู่ตลอดเวลาแล้วต่อไปพวกเขาจะอยู่ด้วยกันรอดเหรอ
อวี๋กานกานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าไปที่ชื่อของฟังจือหันโดยลังเลก่อนว่าจะโทรหาดีไหมจากนั้นก็ตัดสินใจส่งข้อความไปหาแทน
สุดท้ายก็พิมพ์ๆ ลบๆ ข้อความอยู่อย่างนั้นไม่จบประโยคเสียที
เธอย่อไหล่ก้มหน้างุดอย่างหงุดหงิดว่าไม่รู้ควรจะส่งข้อความอะไรไปดี
ผู้โดยสารที่นั่งข้างเธอมาแล้ว อวี๋กานกานที่ก้มหน้าก้มตาอยู่มองเห็นรองเท้าหนังผู้ชายและขาเรียวยาว
เอ๊ะ! ทำไมรองเท้าคู่นี้ถึงได้คุ้นตาจังเลยล่ะ
อวี๋กานกานเบิกตาโตเงยหน้าขึ้นมองผู้โดยสารชายที่พึ่งจะมาถึง เธออ้าปากค้างตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก
ชายหนุ่มไม่มองหน้าเธอเพียงแต่นำสำภาระขึ้นเก็บให้เรียบร้อยจึงนั่งลง ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามไม่แสดงสีหน้าใดๆ เขาถอดเสื้อคลุมออกให้แอร์โฮสเตสไปแขวนเก็บไว้จึงเหลือเพียงเสื้อไหมพรมสีขาวที่ยังคงสไตล์ความหรูหราราคาแพง
อวี๋กานกานค่อยๆ ขยับกายหันไปเผชิญหน้ากับฟังจือหัน เธอมองฟังจือหันอยู่ครู่หนึ่งแต่ฟังจือหันก็ไม่ได้หันกายเข้าหาเธอ เธอถามอย่างยิ้มขัน “คุณมาได้ยังไง”
ฟังจือหันถามกลับ “คุณคิดว่าผมมาได้ยังไงล่ะ”
เธออยู่ที่นี่แล้วเขาจะไม่มาได้อย่างไร เขาจะปล่อยให้เธอกลับไปไป๋หยางคนเดียวได้อย่างไร
ชายหนุ่มเอื้อมมือหยิบนิตยสารที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาพลิกอ่านโดยไม่สนใจอวี๋กานกานอีก