ตัดสินใจ คำตอบของอวี๋กานกาน
การที่ทนายเฉินเรียกเธอไปตอนนี้ หรือว่าพินัยกรรมฉบับเสริมที่คุณปู่เขียนจะระบุไว้จริงๆ ว่าหลังจากที่เธอแต่งงานแล้วจะสูญเสียสิทธิ์ในการสืบทอดคลินิก?
เธอไม่เชื่อว่าคุณปู่ทำพินัยกรรมฉบับเสริมนี้ขึ้นเพียงเพราะในอนาคตเธอต้องแต่งงาน ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริง อย่างไรก็ต้องมีเหตุผลแน่นอน เพราะในโลกใบนี้ เธอสามารถไม่ไว้ใจใครก็ได้ แต่ต้องไว้ใจคุณปู่ คนคนนี้เป็นผู้อบรมเลี้ยงดูเธอจนเติบใหญ่ เป็นคนที่รักและเอ็นดูเธอมากที่สุด
ส่วนเรื่องที่ทำไมลุงใหญ่ถึงพูดแบบนั้นออกมา คงต้องไปหาทนายเฉินแล้วถามถึงเนื้อหาในพินัยกรรมให้ชัดเจนเท่านั้น ถึงจะรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไรกันแน่
อวี๋กานกานนั่งแท็กซี่ไปยังสำนักงานทนายความ
ณ ห้องรับแขก ลุงใหญ่และเหอหว่านซินนั่งรออยู่ด้านในได้พักหนึ่งแล้ว ยังมีน้องชายของเหอหว่านซินเหอจิงม่อนั่งอยู่ด้วย
เมื่อเหอจิงม่อเห็นอวี๋กานกานเดินเข้ามา เด็กหนุ่มอายุสิบห้าปีมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสในทันตา “พี่กานกาน”
กลับกันกับเหอหว่านซินเมื่อเห็นอวี๋กานกานเดินเข้ามา พูดกับทนายเฉินอย่างรีบร้อนรำคาญใจ “ทนายเฉิน ทุกคนมากันครบแล้ว ตอนนี้เปิดพินัยกรรมฉบับเสริมได้แล้วหรือยังคะ”
ลุงใหญ่นั่งอยู่บนโซฟามาโดยตลอด สีหน้าเคร่งเครียดไม่พูดจาสักคำ
อวี๋กานกานยิ้มให้เหอจิงม่อ จากนั้นนั่งลงตรงอีกฝั่งหนึ่ง
แม้ว่าลุงใหญ่ ป้าสะใภ้และเหอหว่านซินจะค่อนข้างเชื่อถือไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับน้องชายอย่างเหอจิงม่อถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี
เหอจิงม่อเรียนอยู่ในโรงเรียนนานาชาติชั้นยอด ซึ่งใช้นโยบายแบบโรงเรียนประจำ หนึ่งเดือนได้รับสิทธิ์เพียงหนึ่งครั้งให้กลับมาพักผ่อนที่บ้านได้
ทนายเฉินลุกขึ้น มองพวกเขาแล้วส่ายศีรษะ “คุณหนูเหอ ไม่สามารถทำได้ครับ คุณปู่เหอเคยสั่งเสียไว้ว่า พินัยกรรมฉบับเสริมต้องเปิดในตอนที่คุณเหอสือกุย คุณหนูอวี๋กานกาน และคุณเหอจิงม่อสามคนอยู่พร้อมหน้ากันเท่านั้น”
เหอหว่านซินกล่าวอย่างไม่พอใจ “แต่คุณเหอสือกุย หรือก็คืออาเล็กของหนูเขาหายตัวไปค่ะ?”
ทนายเฉินหันมามองอวี๋กานกาน เธอพยักหน้าเล็กน้อย เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมลุงใหญ่ถึงได้รอหลายวันกว่าจะติดต่อทนายเฉิน ทั้งยังพาน้องชายมาด้วย ที่แท้พินัยกรรมฉบับเสริมมีเงื่อนไขว่าตอนเปิดพินัยกรรมต้องให้เหอจิงม่ออยู่ด้วยนี่เอง
ทนายเฉินหัวคิ้วมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย กล่าว “หากคุณเหอสือกุยหายสาบสูญ พินัยกรรมฉบับเสริมนี้ขอเพียงแค่คุณเหอจิงม่อและคุณหนูอวี๋กานกานทั้งสองคนยินยอมก็จักสามารถเปิดผนึกได้”
ลุงใหญ่พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ไม่ใช่ว่าตรงกับเงื่อนไขที่พินัยกรรมระบุไว้ก็สามารถเปิดอ่านได้เลยเหรอ” ที่เขารู้คือ แค่อวี๋กานกานจดทะเบียนสมรสก็จะสามารถเปิดพินัยกรรมฉบับเสริมได้ ซึ่งตอนนี้อวี๋กานกานก็จดเบียนสมรสแล้ว
ทนายเฉินส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ หากคุณเหอสือกุยหายสาบสูญไปสองปีโดยที่ไม่มีข่าวคราวใดๆ หรือถูกตัดสินว่าเสียชีวิตแล้ว เช่นนั้นก็จะสามารถเปิดพินัยกรรมได้ทันที”
สองปี? สองปีหลังจากนี้ใครจะรู้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง พวกเขาไม่มีใครยอมทนรอถึงสองปีแน่ เหอหว่านซินหันขวับไปมองอวี๋กานกาน ออกคำสั่ง “แกรีบๆ ยินยอมให้ทนายเฉินเปิดพินัยกรรมฉบับเสริมซะ”
อวี๋กานกานยิ้มแล้วกล่าว “ในใจของฉันคลินิกเป็นของอาจารย์มาโดยตลอด หากอาจารย์กลับมาแล้ว ฉันยอมให้เปิดพินัยกรรมฉบับเสริมนี้แน่ ถึงตอนนั้นในพินัยกรรมคุณปู่ระบุว่าอย่างไรฉันก็จะปฏิบัติตาม แต่ตอนนี้ฉันจะไม่ยอมให้เปิดพินัยกรรมฉบับนี้เด็ดขาด”
เหอหว่านซินด่าประณาม “แกก็แค่อยากจะยึดคลินิกตระกูลเหอของพวกเรา มือถือสากปากถือศีล”
เหอจิงม่อขมวดคิ้ว มองเหอหว่านซินกล่าว “พี่ครับ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ”
เหอหว่านซินยกมือปรามเหอจิงม่ออย่างขัดใจ “เด็กอย่างแกจะไปเข้าใจอะไร อย่าโดนมันหลอก”
อวี๋กานกานมองพวกเขาแล้วกล่าว “ก็แล้วแต่พวกคุณจะคิด จะพูดอะไรก็เชิญตามสบาย หากจะเปิดพินัยกรรมฉบับเสริม ทางเดียวคืออาจารย์ฉันต้องอยู่ที่นี่ด้วยเท่านั้น”