ตอนที่ 513 อ้อนสามีที่รัก
อวี๋กานกานรู้ดีว่าเขาเป็นคนปากหนักจึงเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน “เมื่อกี้ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าฉันจองตั๋วชั้นแระหยัดอยู่ดีๆ ทำไมถึงได้มานั่งชั้นเฟิร์สคลาสได้ นี่คุณเลื่อนชั้นที่นั่งให้ฉันเหรอคะ”
ฟังจือหันตอบเสียงอืมในลำคอเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน ท่าทางเย็นชาของเขาเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีสูงส่ง
ในเมื่อเขาไม่สนใจอวี๋กานกานจึงเอาแต่จ้องมองเขาเงยหน้าขยับศีรษะเข้าไปใกล้ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไป
เครื่องบินกำลังขับทะยานแต่เธอก็ยังคงรักษามาดนี้ไว้
จนในที่สุดฟังจือหันก็พับเก็บนิตยสารหันหน้ามาสบตาเธอแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “คาดเค็มขัดให้เรียบร้อย”
อวี๋กานกานไม่ขยับเขยื้อนแล้วจ้องตาเขาก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันคิดว่าชาตินี้คุณจะไม่สนใจฉันซะอีก”
ฟังจือหันไม่ตอบเพียงแต่เคลื่อนตัวเข้าไปคาดเข็มขัดให้อวี๋กานกานด้วยความรวดเร็ว
ในขณะที่กำลังเตรียมชักมือกลับไป
จู่ๆ อวี๋กานกานก็กอดแขนเขาเอาไว้กระพริบตามองเขาปริบๆ อย่างออดอ้อน
เพราะแขนของเขาถูกเธอกอดเอาไว้เขาจึงไม่ดึงแขนเธอออกไปแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นเดิมเพียงแต่จ้องมองเธออยู่อย่างนั้น
อวี๋กานกานสบตาเขาแน่นิ่งแล้วมอบรอยยิ้มอ่อนหวานให้กับเขา
หากเธอไม่หัวเราะก็โอเคอยู่หรอกแต่นี่ยังหลุดขำออกเสียง “ปล่อยผม”
“ไม่ปล่อย”
“ปล่อย”
“ก็ไม่ปล่อย” อวี๋กานกานพูดด้วยน้ำเสียงฮึดฮัดเหมือนงอนเขาพลางซบศีรษะไปที่แขน
ฟังจือหันออกแรงขยับแขนอวี๋กานกานจึงรีบกอดแน่นกว่าเดิมแล้วขู่เขาฟ่อๆ “ถ้าคุณกล้าชักแขนกลับไปล่ะก็เราสองคนขาดกัน”
ตอนที่เห็นเขาปรากฏตัวบนเครื่องบินเธอก็รู้แล้วว่าเขาโกรธเธอไม่ลง
แล้วตอนที่คาดเข็มขัดให้เธอก็ยืนยันได้แล้วว่าเขาไม่มีวันแยกห่างจากกัน
ถึงแม้เธอจะงอนตุ๊บป่องเขาก็ไม่ทอดทิ้งเธอ
ความจริงก็เป็นเช่นนี้
แขนถูกอวี๋กานกานกอดเอาไว้ในอ้อมแขน ฟังจือหันที่ทำเป็นใจแข็งพลันก็ใจอ่อนลงขึ้นมาเสียดื้อๆ
อวี๋กานกานอ้อนเขาอ่อนหวานจึงทำให้ความหึงหวงในใจมลายหายไปทันที
แต่เขายังคงสีหน้าเย็นชาดังเดิมแล้วเหน็บแนมเธอ “ที่ผมไม่อนุญาตให้คุณกลับไปหาอาจารย์ทำไมถึงกับต้องตัดขาดจากผมด้วย”
อวี๋กานกานถูไถใบหน้าเล็กของเธอกับแขนของเขาแล้วพูดขึ้นเหมือนไร้ความผิด “ฉันไม่เคยพูดแบบนั้นสักหน่อย คุณอย่ามาปรักปรำฉันนะ”
ฟังจือหันไม่ยอมปล่อยประเด็น “ไม่พูดก็ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ”
อวี๋กานกานยกยิ้มถามเขาอย่างระมัดระวัง “หากฉันหมายความแบบนั้นจริงๆ เลิกกันแล้วมีความสุขจริงๆ เหรอ”
ฟังจือหันเหลียวตัวยื่นมือมาช้อนคางเธอเอาไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบทุ้มต่ำที่แฝงไปด้วยความอันตราย “เลิกกันอย่างมีความสุขอย่างนั้นเหรอ คุณฝันไปเถอะ!”
“ฉันไม่ได้ฝันแต่ ฉันคิดถึงฟังจือหันต่างหาก”
อวี๋กานกานมองเขาตาปริบๆ ดวงตาคู่สวยมีน้ำใสคลอเบ้า
น้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวานทำเอาใจแข็งเย็นยะเยือกอ่อนลงในพริบตา
เธอเรียกเขาเบาๆ “เสี่ยวฟัง”
ฟังจือหัน “…”
อวี๋กานกานหัวเราะซุกซน “เสี่ยวจือ”
ฟังจือหัน “…”
อวี๋กานกานยังคงเรียกชื่อต่อไป “เสี่ยวหาน เสี่ยวหานหาน…”
ฟังจือหันโผเข้าใกล้ใบหน้าของเธอแล้วพูดขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ต่อไปถ้าเป็นแบบนี้อีก ผมจะกดคุณจมเตียงจนลุกไม่ขึ้นเลยคอยดู”
เขายื่นมือไปบีบแก้มของเธอ
อวี๋กานกานอึ้งไปพักหนึ่งก่อนถึงจะเข้าใจความหมายของเขา เธอจึงหน้าแดงฉับพลัน “โรคจิต!”
ตอนที่ 514 จินตนาการ
ณ เมืองไป๋หยาง
อวี๋กานกานและฟังจือหันยืนอยู่ใต้ตึกอพาร์ตเมนต์ อวี๋กานกานมีความลังเลเล็กน้อยแต่ฟังจือหัน
กลับมีท่าทางปกติแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “ไปเถอะ”
“คือ ห้องข้างบนคุณก็รู้อยู่ว่ามีสองห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก…” ถึงแม้เธอจะพูดอย่างไม่เข้าใจแต่ความหมายกลับชัดเจนคือต้องการให้ฟังจือหันจองโรงแรมแต่ยังคงไม่กล้าพาแฟนเข้าบ้านโดยตรง
“คุณนอนโรงแรม”
อวี๋กานกานชะงัก “บ้านฉันอยู่ที่นี่แล้วทำไมต้องไปนอนโรงแรมด้วยอ่ะ”
ฟังจือหันมองเธอเย็นยะเยือก รูม่านตาดำลุ่มลึกราวกับวังน้ำวนที่มองไม่เห็นใต้น้ำทำอย่างกับจ้องดึงดูดเธอเข้าไป
เธอหัวเราะฮ่าๆ ให้กับฟังจือหัน “ยังไงคุณก็ไปนอนโรงแรมเถอะ”
“เราไม่นอนด้วยกันเหรอ”
“ไม่ล่ะ”
“เพราะอะไร”
“คุณอยู่ไหนผมก็อยู่นั่น” ฟังจือหันพูดพร้อมทั้งก้าวไปข้างหน้า
อวี๋กานกานรีบก้าวเดินตามเขา ในขณะที่เดินขึ้นบันไดอวี๋กานกานพยายามพูดกับฟังจือหันแต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรฟังจือหันก็เงียบตลอดทาง
แล้วเดี๋ยวจะนอนกันยังไง
หรือว่าจะให้อาจารย์เหม่ยเหรินไปนอนกับฟังจือหัน
ถึงอย่างไรเตียงของอาจารย์เหม่ยเหรินก็กว้างพอ ก็ดีเหมือนกันจะได้ให้เขาทั้งสองคนมีโอกาสได้กระชับความสัมพันธ์กัน
แต่คงไม่นอนด้วยกันจนเกิดความรู้สึกพิเศษขึ้นมาหรอกนะ
นี่เธอกำลังจินตนาการบ้าบออะไรอยู่เนี่ย…
เมื่อเธอเอาแต่ครุ่นคิดจินตนาการแล้วตกใจเสียเองจนเกือบสะดุดล้ม โชคดีที่ฟังจือหันพยุงเธอเอาไว้ได้ทัน
“ช้าๆ หน่อยสิ อาจารย์ของเธอไม่วิ่งหนีไปไหนหรอก”
น้ำเสียงเปรี้ยวเข็ดฟันใครได้ยินเป็นต้องตัวซีดตัวสั่น
“ฉันกลัวอาจารย์วิ่งหนีที่ไหนกัน ฉันกลัวว่าคุณจะถูกอาจารย์ลักพาตัวไปต่างหากล่ะ” อวี๋กานกานพึมพำเสียงแผ่วเบา ฟังจือหันไม่ได้ยินก็เลยหันมามองเธอ “คุณพูดอะไร”
อวี๋กานกานส่ายหน้า “ไม่มีอะไรๆ”
ฟังจือหันจ้องเข้าไปในแววตาเธออย่างลึกซึ้งราวกับจะมองให้ลึกลงไปในใจของเธอ
อวี๋กานกานกลัวฟังจือหันจะอ่านความคิดออกเธอจึงยิ้มเจื่อนๆ ให้กับฟังจือหัน
จากนั้นรีบเดินไปสองก้าวก็ถึงหน้าประตูแล้วยกมือขึ้นเคาะ
เหอสือกุยเปิดประตูออกมาเห็นอวี๋กานกานกับฟังจือหันยืนอยู่ด้านนอกก็เบิกตาตกใจ เขาคิดว่าฟังจือหันจะห้ามอวี๋กานกานได้ซะอีก
แล้วทำไมถึงยังตามเธอมาไป๋หยางได้ มากลางดึกเช่นนี้ทำให้คนเป็นห่วงจริงๆ
เขากำลังจะอบรมเธอแต่ยังไม่ทันจะเอ่ยเสียงอวี๋กานกานก็พูดขึ้นมาอย่างตกใจเสียก่อน “อาจารย์เหม่ยเหรินทำไมถึงบาดเจ็บขนาดนี้ล่ะคะ”
เธอวางกระเป๋าสัมภาระในมือลงแล้วเดินวนสำรวจรอบตัวเหอสือกุย “นี่ยังบอกว่าบาดเจ็บเล็กน้อยได้อยู่เหรอคะ”
ใบหน้ามีรอยแผลขนาดนี้แถมที่แขนยังคล้องผ้าใส่เฝือกอีก อาจารย์เป็นถึงหมอผ่าตัด
เธอแสบจมูกขึ้นมาน้ำตาคลอเบ้าจนแทบจะร้องไห้ออกมา “มันจะกระทบถึงมือของอาจารย์หรือเปล่าคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกแต่สภาพอาจจะดูไม่จืดไปหน่อย ที่จริงแค่บาดเจ็บนิดหน่อยไม่กี่วันก็หายดีแล้ว” เหอสือกุยยื่นมือลูบหัวเธอป้อยๆ เพื่อปลอบโยนเธอ
อวี๋กานกานขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “ประโยคนี้หนูเคยพูดปลอบคนไข้มาหลายคนแล้วค่ะ”
“หากเธอไม่เชื่อก็มาตรวจฉันได้เลย”
บริเวณที่เขาบาดเจ็บหนักไม่ใช่ที่แขนแต่กลับเป็นข้างหลัง แต่อวัยวะภายในไม่ได้บาดเจ็บดังนั้นจึงไม่มีอะไรร้ายแรงจริงๆ
แผลที่แขนตื้นมากเพื่อไม่ให้กระทบถึงงานผ่าตัดของเขาในอนาคตฉะนั้นจึงใช้ผ้าคล้องเอาไว้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะกลับมาเร็วขนาดนี้จึงทำให้เธอเข้าใจผิดไปซะแล้ว