ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 571 แก้แค้น จงใจยั่วยุ / ตอนที่ 572 เซอร์ไพรส์ งานหมั้น

ตอนที่ 571 แก้แค้น จงใจยั่วยุ

 

 

หลิงนีแสยะยิ้มมุมปาก เมื่อได้ยินหล่อนเอ่ยถึงฟังจือหันสายตาพลันอ่อนลง แต่กลับพูดอีกอย่าง “อย่าพูดซี้ซั้วนะอี๋เสวี่ย ฉันกับคุณชายหานเป็นแค่เพื่อนกัน”

 

 

“โอเคๆๆ พวกเธอเป็นแค่เพื่อนกัน”

 

 

“เป็นเพื่อนกันจริงๆ นะ”

 

 

“เป็นเพื่อนกันดีๆ แต่มีหลายครั้งที่เพื่อนอาจจะกลายเป็นคู่สามีภรรยาก็ได้ เพราะพวกเธอมีความเข้าใจกันดีจริงๆ ถ้าเธอมีคู่ได้เธอจะเป็นเหมือนกิ่งทองใบหยกไงล่ะ”

 

 

จางอี๋เสวี่ยพูดจากำกวม

 

 

หลิงนีรู้สึกยินดีในหัวใจ ดวงตาของเธอดูเหมือนมวลดอกไม้บานสะพรั่ง

 

 

“จะว่าไป ทำไมคุณชายหันยังไม่มาอีกเนี่ย”

 

 

“เขายุ่งมาก วันนี้วันเกิดคุณท่าน เขาน่าจะมาดึกหน่อย”

 

 

“ไปๆๆๆ เราไปดูกันเธอว่าหมอจีนคนนั้นมอบของขวัญอะไรให้คุณท่าน”

 

 

 

 

อวี๋กานกานเดินไปยังข้างหน้าคุณท่าน ขณะที่เดินมาก็ดูว่าคนอื่นใช้สายตามองท่านอย่างไร เพียงแค่อยากจบงานเลี้ยงไฮโซนี่ไวๆ เท่านั้น

 

 

“คุณท่านคะ สวัสดีค่ะ”

 

 

คุณท่านนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่วงท่าสง่างามและน่าเกรงขาม ดวงตาซ่อนเร้นเผยให้เห็นถึงความมีปัญญาลึกล้ำมองไปยังอวี๋กานกานด้วยความดีใจแวบหนึ่ง “เสี่ยวอวี๋มาแล้วเหรอ”

 

 

เขามองสำรวจรอบหนึ่งก่อนจะเอ่ยชม “วันนี้เธอสวยมาก”

 

 

อวี๋กานกานพยักหน้ายิ้มๆ อย่างเขินอายจนหน้าแดง “ขอบคุณค่ะ ของขวัญนี่มอบให้ท่านค่ะ ขออวยพรให้มีความสุข อายุยืนนานนะคะ”

 

 

คุณท่านที่รับของขวัญมายกยิ้มด้วยความปีติยินดี “ดีๆๆ ขอบใจเธอนะ ทำให้เธอสิ้นเปลืองเปล่าๆ แล้ว”

 

 

อวี๋กานกานยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างรู้สึกเกรงใจ “แค่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ ขอเพียงคุณท่านอย่าได้ถือโทษเอาความ”

 

 

“ไม่ถือโทษหรอก ฉันชอบมาก”

 

 

ชายชรายังไม่ทันได้เปิดกล่องของขวัญเลยด้วยซ้ำก็ยื่นให้พนักงานรักษาความปลอดภัยข้างๆ

 

 

ทันใดนั้นเสียงแหลมๆ ก็ดังขึ้น “คุณปู่ฟังคะ เนื่องจากคุณปู่ชอบมากทำไมถึงไม่เปิดของขวัญที่หมออวี๋ให้ดูว่าเป็นอะไรล่ะคะ”

 

 

“จริงด้วยค่ะ ให้พวกเราดูหน่อยสิคะ พวกเราอยากเห็นมากเลยค่ะ”

 

 

สองเสียงนี้เป็นเสียงของจางอี๋เสวี่ยและหลิงนี ส่วนหลิงนีน่าจะสนิทคุ้นเคยกับคุณท่านมากกว่าจึงคล้องแขนคุณท่านเบาๆ “นี่ดูแล้วน่าจะเป็นภาพวาด หนูไม่รู้ว่าศิลปินชื่อดังคนไหนเป็นคนวาด หนูอยากเห็นมันจริงๆ ค่ะ”

 

 

 อวี๋กานกานขำแต่ไม่ออกเสียง

 

 

สองคนนี้เห็นว่าเธอไม่รีบตรวจให้ยังแค้นขนาดนี้

 

 

ของขวัญที่ฟังจือหันเตรียมให้เธอ แม้จะมูลค่าจะไม่สูงมากแต่ก็ไม่ได้แย่ถึงขั้นนั้น

 

 

ชายชรายิ้มให้กับหลิงนีอย่างนึกสนใจเช่นกัน “งั้นก็ได้ เปิดดูสิ ดูสิว่าเสี่ยวอวี๋ให้ภาพวาดอะไรกับฉัน”

 

 

พนักงานรักษาความปลอดภัยเปิดภาพวาดออกมา ส่วนแรกของม้วนภาพเผยให้เห็นเส้นทางลาดเอียงพิงภูเขาและมองเห็นผืนน้ำเลียบภูเขา ท้องฟ้าจรดสายน้ำ เนินเขาสีเขียวซ้อนกับทะเลสีเขียวละลาย มวลบุปผาและแมกไม้หญ้าสีเขียวขจีนักปราชญ์ควบม้าไปตามเส้นทางเลียบภูเขา ส่วนผู้หญิงก็ล่องเรือตามลำน้ำ สายลมในฤดูใบไม้ผลิกำลังกระเพื่อมอบอุ่นและอ่อนโยน โดยภาพรวมแสดงให้เห็นถึงความสวยงามไร้ที่ติ

 

 

แต่ไม่มีตราประทับว่ามาจากยุคสมัยใด

 

 

จางอี๋เสวี่ยที่อยู่ข้างๆ หัวเราะเยาะทันทีและพูดอย่างดูถูกว่า “ย้อนไปถึงยุคโบราณของการเกิดภาพวาดจนถึงช่วงปลายราชวงศ์ชิง ดูเหมือนว่าจะไม่มีภาพวาดโบราณเช่นนี้มาสี่พันปีแล้วใช่ไหม ภาพวาดสมัยใหม่เหรอ จิตรกรคนไหนวาดล่ะ ทำไมถึงไม่มีตราประทับ เธอวาดเองหรือเปล่า”

 

 

หลิงนีป้องปากขำแล้วตำหนิจางอี๋เสวี่ยเบาๆ “หล่อนเป็นแค่แพทย์แผนจีนคนหนึ่ง เธอคิดว่าหล่อนจะมีปัญญาให้ภาพวาดราคากี่สิบล้านหรือไง”

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 572 เซอร์ไพรส์ งานหมั้น

 

 

ภายในห้องโถงงานเลี้ยงเงียบไปชั่วขณะ

 

 

ใบหน้าที่ดูใจดีมีเมตตาของคุณท่านยังพลอยเรียบนิ่งและเย็นชาไปด้วย

 

 

เกิดบรรยากาศน่าอึดอัด

 

 

แม้ว่าอวี๋กานกานจะไม่เคยมางานเลี้ยงแบบนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ผู้หญิงสองคนนี้อยากให้เธอเป็นตัวตลกในงานเลี้ยง

 

 

คนเหล้านี้ไม่ได้ยั่วยุกันง่ายๆ แต่เธอก็ไม่อยากเป็นตัวตลกของใคร ยิ่งไม่อยากถูกใครฉีกหน้าทั้งยังยื่นหน้าอีกด้านให้คนอื่นตบ

 

 

อวี๋กานกานยิ้มเจือจางแล้วตอบกลับไป “จะเป็นภาพวาดโบราณแล้วไม่มันสำคัญมากเหรอ หรือว่าการให้ของขวัญไม่ใช่การแสดงน้ำใจแต่ดูที่ราคาเหรอคะ”

 

 

เมื่อคำนี้พูดออกไป ใครยังจะกล้าดูถูกอีก แม้คนในที่นี้จะไม่ใช่คนธรรมดาก็ตาม

 

 

มีคนรีบเอ่ยขึ้น “แน่นอน น้ำใจสำคัญกว่า”

 

 

จางอี๋เสวี่ยและหลิงนีแทบรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไม่ไหว

 

 

จางอี๋เสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนค่ะว่าจำเป็น ทำไมหมออวี๋ต้องจริงจังด้วย พวกเราแค่ล้อเล่นเอง”

 

 

อวี๋กานกานพูดขึ้น “ฉันจริงจังเหรอคะ”

 

 

ใครจะรู้ว่าเธอยิ้มอยู่ รอยยิ้มของเธอเจือจางแต่อ่อนโยนและเหมาะสมท่าทีของเธอ ไม่ดูเย่อหยิ่งเป็นที่น่าประทับใจมาก

 

 

หลิงนียกยิ้มมุมปากแล้วมองอวี๋กานกานอย่างเยือกเย็น “ดูแล้วหมออวี๋คงเลือกภาพมาเป็นพิเศษ ไหนหมออวี๋ลองพูดเกี่ยวกับภาพนี้ดูสิคะ”

 

 

ภาพวาดนี้คงซื้อมาแบบง่ายๆ ดูท่าหมออวี๋ต้องพูดไม่ออกแน่

 

 

คุณท่านมองอวี๋กานกานที่สีหน้าไม่เคยเปลี่ยน คิ้วหงอกขาวกระตุกเล็กน้อย รออวี๋กานกานว่าจะตอบยังไงเหมือนดูละครก็มิปาน

 

 

อวี๋กานกานไม่เข้าใจภาพาวาดและก็ไม่เคยเข้าใจภาพวาดนี้

 

 

เธอจะแนะนำอย่างไรดี

 

 

น่าวุ่นวายจริงๆ ออกมาดื่มเหล้ามงคลแท้ๆ ยังมาเจอเรื่องน่ารำคาญใจแบบนี้อีก เธอสามารถตีหน้านิ่งบอกลาคุณท่านแล้วออกไปเลยได้ไหม

 

 

“ในการชื่นชมภาพวาดอันดับแรกต้องเน้นเสน่ห์ของมัน” เธอยิ้มและกล่าวว่า “เกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพวาดคือเสน่ห์ของภาพวาดที่กระตุ้นจิตใจของผู้คน ทั้งสองเป็นเงื่อนไขของกันและกัน อาศัยซึ่งกันและกัน จังหวะที่กลมกลืนกันทำให้เกิดรสนิยมทางศิลปะที่สดใสและยอดเยี่ยมใช่ไหมคะ”

 

 

ดูเหมือนกำลังชื่นชมภาพวาดอยู่ แต่จริงๆ คือไม่มีอะไรจะพูดก็เลยผลักกลับไปเหมือนไทเก๊ก

 

 

ถ้าอีกฝ่ายรู้เรื่องภาพก็ดี หากดูภาพวาดไม่เข้าใจนั้นยิ่งอึดอัดกันไปใหญ่

 

 

หลิงนีไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อ

 

 

คุณท่านยกยิ้มแล้ว

 

 

ในขณะนี้มีคนเปล่งเสียงอุทานว่า “นี่ไม่ใช่ภาพวาดโบราณที่ขายในโรงประมูลปักกิ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือ”

 

 

“สิ่งที่คุณกำลังพูดถึงคือรายงานพิเศษเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาซึ่งเป็นภาพท่องเที่ยวฤดูใบไม้ผลิที่ไม่มีชื่อไม่ปรากฏชื่อของราชวงศ์ แต่เป็นภาพวาดของจิตรกรชื่อดังในราชวงศ์สุยใช่ไหม”

 

 

“ใช่แล้วผู้ซื้อลึกลับซื้อมาในราคาสูงถึงห้าสิบล้านหยวน”

 

 

“ทำไมถึงได้มาอยู่ในมือของคุณผู้หญิงคนนี้ล่ะ หรือว่าคุณผู้หญิงคนนี้ไปประมูลมาได้”

 

 

“ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เห็นของจริง นี่คือสิ่งที่ไม่มีใครเทียบได้เลย”

 

 

 

 

ภาพวาดที่ไม่มีชื่อเป็นภาพวาดที่มีชื่อเสียงในราคาสูงเสียดฟ้าซึ่งทำให้หลายคนตกใจในทันที

 

 

อวี๋กานกานก็ตกใจเช่นกัน

 

 

เข้าใจแล้ว!

 

 

ภาพวาดโบราณราคาห้าสิบล้าน

 

 

ฟังจือหันบอกว่าไม่แพงไม่ใช่เหรอ

 

 

ห้าสิบล้านเรียกว่าไม่แพง เธอขายตัวเองยังไม่ถึงห้าสิบล้านเลย

 

 

หยิบภาพวาดมาผิดหรือเปล่า…

ตอนที่ 571 แก้แค้น จงใจยั่วยุ

 

 

หลิงนีแสยะยิ้มมุมปาก เมื่อได้ยินหล่อนเอ่ยถึงฟังจือหันสายตาพลันอ่อนลง แต่กลับพูดอีกอย่าง “อย่าพูดซี้ซั้วนะอี๋เสวี่ย ฉันกับคุณชายหานเป็นแค่เพื่อนกัน”

 

 

“โอเคๆๆ พวกเธอเป็นแค่เพื่อนกัน”

 

 

“เป็นเพื่อนกันจริงๆ นะ”

 

 

“เป็นเพื่อนกันดีๆ แต่มีหลายครั้งที่เพื่อนอาจจะกลายเป็นคู่สามีภรรยาก็ได้ เพราะพวกเธอมีความเข้าใจกันดีจริงๆ ถ้าเธอมีคู่ได้เธอจะเป็นเหมือนกิ่งทองใบหยกไงล่ะ”

 

 

จางอี๋เสวี่ยพูดจากำกวม

 

 

หลิงนีรู้สึกยินดีในหัวใจ ดวงตาของเธอดูเหมือนมวลดอกไม้บานสะพรั่ง

 

 

“จะว่าไป ทำไมคุณชายหันยังไม่มาอีกเนี่ย”

 

 

“เขายุ่งมาก วันนี้วันเกิดคุณท่าน เขาน่าจะมาดึกหน่อย”

 

 

“ไปๆๆๆ เราไปดูกันเธอว่าหมอจีนคนนั้นมอบของขวัญอะไรให้คุณท่าน”

 

 

 

 

อวี๋กานกานเดินไปยังข้างหน้าคุณท่าน ขณะที่เดินมาก็ดูว่าคนอื่นใช้สายตามองท่านอย่างไร เพียงแค่อยากจบงานเลี้ยงไฮโซนี่ไวๆ เท่านั้น

 

 

“คุณท่านคะ สวัสดีค่ะ”

 

 

คุณท่านนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่วงท่าสง่างามและน่าเกรงขาม ดวงตาซ่อนเร้นเผยให้เห็นถึงความมีปัญญาลึกล้ำมองไปยังอวี๋กานกานด้วยความดีใจแวบหนึ่ง “เสี่ยวอวี๋มาแล้วเหรอ”

 

 

เขามองสำรวจรอบหนึ่งก่อนจะเอ่ยชม “วันนี้เธอสวยมาก”

 

 

อวี๋กานกานพยักหน้ายิ้มๆ อย่างเขินอายจนหน้าแดง “ขอบคุณค่ะ ของขวัญนี่มอบให้ท่านค่ะ ขออวยพรให้มีความสุข อายุยืนนานนะคะ”

 

 

คุณท่านที่รับของขวัญมายกยิ้มด้วยความปีติยินดี “ดีๆๆ ขอบใจเธอนะ ทำให้เธอสิ้นเปลืองเปล่าๆ แล้ว”

 

 

อวี๋กานกานยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างรู้สึกเกรงใจ “แค่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ ขอเพียงคุณท่านอย่าได้ถือโทษเอาความ”

 

 

“ไม่ถือโทษหรอก ฉันชอบมาก”

 

 

ชายชรายังไม่ทันได้เปิดกล่องของขวัญเลยด้วยซ้ำก็ยื่นให้พนักงานรักษาความปลอดภัยข้างๆ

 

 

ทันใดนั้นเสียงแหลมๆ ก็ดังขึ้น “คุณปู่ฟังคะ เนื่องจากคุณปู่ชอบมากทำไมถึงไม่เปิดของขวัญที่หมออวี๋ให้ดูว่าเป็นอะไรล่ะคะ”

 

 

“จริงด้วยค่ะ ให้พวกเราดูหน่อยสิคะ พวกเราอยากเห็นมากเลยค่ะ”

 

 

สองเสียงนี้เป็นเสียงของจางอี๋เสวี่ยและหลิงนี ส่วนหลิงนีน่าจะสนิทคุ้นเคยกับคุณท่านมากกว่าจึงคล้องแขนคุณท่านเบาๆ “นี่ดูแล้วน่าจะเป็นภาพวาด หนูไม่รู้ว่าศิลปินชื่อดังคนไหนเป็นคนวาด หนูอยากเห็นมันจริงๆ ค่ะ”

 

 

 อวี๋กานกานขำแต่ไม่ออกเสียง

 

 

สองคนนี้เห็นว่าเธอไม่รีบตรวจให้ยังแค้นขนาดนี้

 

 

ของขวัญที่ฟังจือหันเตรียมให้เธอ แม้จะมูลค่าจะไม่สูงมากแต่ก็ไม่ได้แย่ถึงขั้นนั้น

 

 

ชายชรายิ้มให้กับหลิงนีอย่างนึกสนใจเช่นกัน “งั้นก็ได้ เปิดดูสิ ดูสิว่าเสี่ยวอวี๋ให้ภาพวาดอะไรกับฉัน”

 

 

พนักงานรักษาความปลอดภัยเปิดภาพวาดออกมา ส่วนแรกของม้วนภาพเผยให้เห็นเส้นทางลาดเอียงพิงภูเขาและมองเห็นผืนน้ำเลียบภูเขา ท้องฟ้าจรดสายน้ำ เนินเขาสีเขียวซ้อนกับทะเลสีเขียวละลาย มวลบุปผาและแมกไม้หญ้าสีเขียวขจีนักปราชญ์ควบม้าไปตามเส้นทางเลียบภูเขา ส่วนผู้หญิงก็ล่องเรือตามลำน้ำ สายลมในฤดูใบไม้ผลิกำลังกระเพื่อมอบอุ่นและอ่อนโยน โดยภาพรวมแสดงให้เห็นถึงความสวยงามไร้ที่ติ

 

 

แต่ไม่มีตราประทับว่ามาจากยุคสมัยใด

 

 

จางอี๋เสวี่ยที่อยู่ข้างๆ หัวเราะเยาะทันทีและพูดอย่างดูถูกว่า “ย้อนไปถึงยุคโบราณของการเกิดภาพวาดจนถึงช่วงปลายราชวงศ์ชิง ดูเหมือนว่าจะไม่มีภาพวาดโบราณเช่นนี้มาสี่พันปีแล้วใช่ไหม ภาพวาดสมัยใหม่เหรอ จิตรกรคนไหนวาดล่ะ ทำไมถึงไม่มีตราประทับ เธอวาดเองหรือเปล่า”

 

 

หลิงนีป้องปากขำแล้วตำหนิจางอี๋เสวี่ยเบาๆ “หล่อนเป็นแค่แพทย์แผนจีนคนหนึ่ง เธอคิดว่าหล่อนจะมีปัญญาให้ภาพวาดราคากี่สิบล้านหรือไง”

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 572 เซอร์ไพรส์ งานหมั้น

 

 

ภายในห้องโถงงานเลี้ยงเงียบไปชั่วขณะ

 

 

ใบหน้าที่ดูใจดีมีเมตตาของคุณท่านยังพลอยเรียบนิ่งและเย็นชาไปด้วย

 

 

เกิดบรรยากาศน่าอึดอัด

 

 

แม้ว่าอวี๋กานกานจะไม่เคยมางานเลี้ยงแบบนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ผู้หญิงสองคนนี้อยากให้เธอเป็นตัวตลกในงานเลี้ยง

 

 

คนเหล้านี้ไม่ได้ยั่วยุกันง่ายๆ แต่เธอก็ไม่อยากเป็นตัวตลกของใคร ยิ่งไม่อยากถูกใครฉีกหน้าทั้งยังยื่นหน้าอีกด้านให้คนอื่นตบ

 

 

อวี๋กานกานยิ้มเจือจางแล้วตอบกลับไป “จะเป็นภาพวาดโบราณแล้วไม่มันสำคัญมากเหรอ หรือว่าการให้ของขวัญไม่ใช่การแสดงน้ำใจแต่ดูที่ราคาเหรอคะ”

 

 

เมื่อคำนี้พูดออกไป ใครยังจะกล้าดูถูกอีก แม้คนในที่นี้จะไม่ใช่คนธรรมดาก็ตาม

 

 

มีคนรีบเอ่ยขึ้น “แน่นอน น้ำใจสำคัญกว่า”

 

 

จางอี๋เสวี่ยและหลิงนีแทบรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไม่ไหว

 

 

จางอี๋เสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนค่ะว่าจำเป็น ทำไมหมออวี๋ต้องจริงจังด้วย พวกเราแค่ล้อเล่นเอง”

 

 

อวี๋กานกานพูดขึ้น “ฉันจริงจังเหรอคะ”

 

 

ใครจะรู้ว่าเธอยิ้มอยู่ รอยยิ้มของเธอเจือจางแต่อ่อนโยนและเหมาะสมท่าทีของเธอ ไม่ดูเย่อหยิ่งเป็นที่น่าประทับใจมาก

 

 

หลิงนียกยิ้มมุมปากแล้วมองอวี๋กานกานอย่างเยือกเย็น “ดูแล้วหมออวี๋คงเลือกภาพมาเป็นพิเศษ ไหนหมออวี๋ลองพูดเกี่ยวกับภาพนี้ดูสิคะ”

 

 

ภาพวาดนี้คงซื้อมาแบบง่ายๆ ดูท่าหมออวี๋ต้องพูดไม่ออกแน่

 

 

คุณท่านมองอวี๋กานกานที่สีหน้าไม่เคยเปลี่ยน คิ้วหงอกขาวกระตุกเล็กน้อย รออวี๋กานกานว่าจะตอบยังไงเหมือนดูละครก็มิปาน

 

 

อวี๋กานกานไม่เข้าใจภาพาวาดและก็ไม่เคยเข้าใจภาพวาดนี้

 

 

เธอจะแนะนำอย่างไรดี

 

 

น่าวุ่นวายจริงๆ ออกมาดื่มเหล้ามงคลแท้ๆ ยังมาเจอเรื่องน่ารำคาญใจแบบนี้อีก เธอสามารถตีหน้านิ่งบอกลาคุณท่านแล้วออกไปเลยได้ไหม

 

 

“ในการชื่นชมภาพวาดอันดับแรกต้องเน้นเสน่ห์ของมัน” เธอยิ้มและกล่าวว่า “เกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพวาดคือเสน่ห์ของภาพวาดที่กระตุ้นจิตใจของผู้คน ทั้งสองเป็นเงื่อนไขของกันและกัน อาศัยซึ่งกันและกัน จังหวะที่กลมกลืนกันทำให้เกิดรสนิยมทางศิลปะที่สดใสและยอดเยี่ยมใช่ไหมคะ”

 

 

ดูเหมือนกำลังชื่นชมภาพวาดอยู่ แต่จริงๆ คือไม่มีอะไรจะพูดก็เลยผลักกลับไปเหมือนไทเก๊ก

 

 

ถ้าอีกฝ่ายรู้เรื่องภาพก็ดี หากดูภาพวาดไม่เข้าใจนั้นยิ่งอึดอัดกันไปใหญ่

 

 

หลิงนีไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อ

 

 

คุณท่านยกยิ้มแล้ว

 

 

ในขณะนี้มีคนเปล่งเสียงอุทานว่า “นี่ไม่ใช่ภาพวาดโบราณที่ขายในโรงประมูลปักกิ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือ”

 

 

“สิ่งที่คุณกำลังพูดถึงคือรายงานพิเศษเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาซึ่งเป็นภาพท่องเที่ยวฤดูใบไม้ผลิที่ไม่มีชื่อไม่ปรากฏชื่อของราชวงศ์ แต่เป็นภาพวาดของจิตรกรชื่อดังในราชวงศ์สุยใช่ไหม”

 

 

“ใช่แล้วผู้ซื้อลึกลับซื้อมาในราคาสูงถึงห้าสิบล้านหยวน”

 

 

“ทำไมถึงได้มาอยู่ในมือของคุณผู้หญิงคนนี้ล่ะ หรือว่าคุณผู้หญิงคนนี้ไปประมูลมาได้”

 

 

“ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เห็นของจริง นี่คือสิ่งที่ไม่มีใครเทียบได้เลย”

 

 

 

 

ภาพวาดที่ไม่มีชื่อเป็นภาพวาดที่มีชื่อเสียงในราคาสูงเสียดฟ้าซึ่งทำให้หลายคนตกใจในทันที

 

 

อวี๋กานกานก็ตกใจเช่นกัน

 

 

เข้าใจแล้ว!

 

 

ภาพวาดโบราณราคาห้าสิบล้าน

 

 

ฟังจือหันบอกว่าไม่แพงไม่ใช่เหรอ

 

 

ห้าสิบล้านเรียกว่าไม่แพง เธอขายตัวเองยังไม่ถึงห้าสิบล้านเลย

 

 

หยิบภาพวาดมาผิดหรือเปล่า…

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

Status: Ongoing
“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset