ตอนที่ 609 หึงซะให้พอ ถ้าไม่พอเดี๋ยวผมจะทำให้หึงอีก
เมื่อก่อนดีกับกู้เหยียนอวี๋มากขนาดนั้น และการหายตัวไปของกู้เหยียนอวี๋ก็เกี่ยวข้องกับเขา เขารู้สึกผิดมาตั้งหลายปี ในเมื่อตอนนี้เจอตัวกู้เหยียนอวี๋แล้วทำไมเขาถึงได้เย็นชาแบบนี้
ผิดปกติ
ผิดปกติเกินไปแล้ว!
จู่ๆ น้ำตากู้เหยียนอวี๋ก็ไหลร่วงเพื่อให้ความร่วมมือกับกู้ซูหลิง หล่อนสะอึกสะอื้นแล้วตะโกนใส่ฟังจือหัน “พี่หัน พี่หัน หลายปีมานี้ฉันคิดถึงพี่จริงๆ นะคะ”
อวี๋กานกานแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองมองเธอย่างนึกสงสัยจึงเอ่ยปากถาม “เมื่อกี้คุณบอกว่าความจำเสื่อมไม่ใช่เหรอคะ ความจำเสื่อมแล้วคุณจำได้ยังไงคะ”
‘กู้เหยียนอวี๋’ สะอึก
“ฉัน ฉัน…นี่เธอ…” เวลาผ่านไปครู่หนึ่งแต่กลับพูดอะไรไม่ออกจึงทำได้เพียงส่งสายตาหากู้ซูหลิง
กู้ซูหลิงรีบเอ่ย “คิดถึงในใจเป็นธรรมดาค่ะ บางคนบางเรื่องแม้จะลืมไปแล้วแต่ก็ยังจดจำไว้ในใจ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อก่อนความสัมพันธ์ของพี่หันกับเสี่ยวอวี๋ดีมากขนาดนั้น”
อวี๋กานกาน “…”
ทำไมกู้เหยียนอวี๋ดูไม่ออกความคิดเห็น ไม่ว่าเรื่องอะไรต้องมองไปทางกู้ซูหลิงตลอดเลยล่ะ
อีกอย่างเวลากู้ซูหลิงพูดมักจะประชดประชันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของฟังจือหันกับกู้เหยียนอวี๋ตลอด ไม่ประชดมันจะตายไหม
ร่างสูงสง่าของฟังจือหันก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วถามอย่างเยือกเย็น “มีธุระอะไรอีกไหม”
หากหาคำพูดมาแทนประโยคเมื่อกี้คงหมายถึงถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไสหัวไปซะ
ไล่แขกชัดเจนขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่กู้ซูหลิงจะฟังไม่ออก
แล้วยังจะโง่หน้าด้านอยู่ทำไม วันนี้ไม่สำเร็จแน่ๆ มิฉะนั้นอาจจะถึงกับตัดสัมพันธ์กันได้
ทั้งสองต่างรู้ดีทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเอ่ยลาบอกคราวหน้าจะมาใหม่ จากนั้นมองฟังจือหันแล้วออกไป
…
อวี๋กานกานนั่งเก้าอี้หมุนของฟังจือหันอยู่ตลอด เธอวางแขนไว้ที่พนักเก้าอี้เอ่ยถามฟังจือหันอย่างนึกขัน “ฟังจือหัน นี่คือปั๊บปี้เลิฟของคุณไม่ใช่เหรอคะ ทำไมคุณถึงได้เย็นชาแบบนี้ล่ะคะ”
ฟังจือหันตอบเสียงนิ่ง “เธอไม่ใช่”
อวี๋กานกานเบิกตาค้างตกใจแล้วกะพริบตาปริบๆ “คุณหมายความว่าเธอไม่ใช่ปั๊บปี้เลิฟของคุณ หรือปั๊บปี้เลิฟของคุณจะเป็นคนอื่น”
ฟังจือหันเอ่ยเตือนเธอ “คุณจับประเด็นสำคัญผิดแล้ว”
อวี๋กานกานย้อนถาม “ฉันจับประเด็นผิดตรงไหน ความหมายที่คุณพูดเป็นแบบนี้ คุณเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าไม่เคยมีความรักมาก่อนแล้วก็ไม่เคยมีแฟนด้วยใช่ไหม ตอนนี้คนรักเก่าคุณปรากฏตัวแล้ว นั่นหมายความว่าเมื่อก่อนคุณโกหกฉันใช่ไหม”
อวี๋กานกานจ้องตาเขาเขม็ง ฟังจือหันจึงอดยื่นมือไปลูบหัวเธออย่างเอ็นดูไม่ได้ “คนรักเก่าของผมก็คือคุณไง”
อวี๋กานกานปัดมือเขาทิ้ง “คุณหยุดเลยนะ เห็นกันชัดๆ ว่าไม่ได้หมายความแบบนี้ คุณพึ่งบอกเมื่อกี้ว่าไม่ใช่เธอ”
ฟังจือหันยกยิ้มมุมปากสีหน้าเรียบนิ่ง “หึงเหรอ”
อวี๋กานกานสบถเหอะๆ “หึงแล้วยังไง ปล่อยให้ขุนนางวางเพลิง แต่ไม่ยอมให้ชาวบ้านจุดตะเกียง[1]”
ฟังจือหันพยักหน้าอย่างชอบใจ “หึงอีกสิ”
อวี๋กานกานขมวดคิ้ว “ฮะ?”
ฟังจือหันให้กำลังใจ “หึงอีก สู้ๆ”
อวี๋กานกาน “…”
ฟังจือหันพูดต่อ “หากไม่พอ เดี๋ยวผมจะทำหึงอีก”
อวี๋กานกานยิ้มแล้วลุกขึ้นจ้องฟังจือหันด้วยความโมโห “ตอนนี้ฉันรู้แล้ว พอดีกับคุณแล้วคุณก็ชอบรังเกียจฉันชอบเถียงฉัน”
ฟังจือหันเถียงเธอ “ตอนที่ยังไม่ดีกันผมก็ชอบรังเกียจคุณและชอบเถียงคุณเหมือนกัน”
“เพราะอะไร”
“เพราะคุณเพี้ยนไง” ฟังจือหันบอกความจริงด้วยความทุกข์ใจแล้วถอนหายใจ “โชคดีที่ผมยอมคบกับคุณ ไม่งั้นคุณคงโสดไปทั้งชาติแน่ๆ
——
[1] ปล่อยให้ขุนนางวางเพลิง แต่ไม่ยอมให้ชาวบ้านจุดตะเกียง สำนวนจีน หมายถึง การใช้อำนาจหรืออภิสิทธิ์ในทางที่ไม่ชอบ
ตอนที่ 610 ผมไม่มีทางทารุณกรรมกระเพาะคุณหรอก
“ลำบากคุณจริงๆ ตอนนี้คงไม่ต้องลำบากคุณแล้ว…” อวี๋กานกานยืนขึ้นด้วยความโกรธแล้วประกาศอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ไม่ต้องเจอกันอีก!”
ทันทีที่ก้าวเท้า ขาก็อ่อนลงทั้งตัวโถมเข้าใส่ฟังจือหัน
ฟังจือหันยื่นแขนโอบเธอเอาไว้ “กอดให้ชื่นใจก่อน”
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ คุณจงใจใช้เข่าดันขาฉัน ผู้ชายเจ้าเล่ห์…”
เธอยังพูดไม่ทันขาดคำฟังจือหันก็บดจูบปิดปากเธอเอาไว้
เขากอดดันให้นั่งบนโต๊ะทำงานแล้วเกี่ยวกระหวัดรัดรึงอย่างเร่าร้อนราวกับสัมผัสโดนกระแสไฟฟ้าในห้องทำงาน
อวี๋กานกานคิดไม่ถึงว่าฟังจือหันจะเป็นสัตว์ร้ายเช่นนี้ ขนาดในห้องทำงานยังจะมาทำรุ่มร่าม
แม้จะย้ายไปที่ห้องรับรองด้านหลังแต่อวี๋กานกานยังคงอายและโกรธจนไม่อยากสนใจฟังจือหัน
เพื่อเป็นการขอโทษ ฟังจือหันก็เลยลงมือเข้าครัวทำอาหารเย็นให้อวี๋กานกานทาน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อวี๋กานกานถึงกับตกตะลึง
“คุณแน่ใจนะว่าทำเป็น”
“ทำไม่เป็น ก็เลยย่างสเต็กเนื้อให้คุณชิ้นหนึ่ง”
อวี๋กานกานเข้าไปดู ยังดีที่หมักเนื้อเอาไว้แล้ว อีกอย่างที่บ้านก็มีกระทะย่างไฟฟ้าแค่เอาสเต็กเนื้อวางในกระทะก็ทำได้แล้ว
เธอบ่น “นี่แทบจะไม่ใช้ฝีมืออะไรเลย นี่เรียกว่าทำอาหารเย็นได้ด้วยเหรอ ไม่จริงใจเลย”
“ผมทารุณกรรมตัวเองได้ แต่ผมไม่มีทางทารุณกรรมกระเพาะคุณหรอก”
ชายหนุ่มตอบด้วยท่าทางจริงจังจึงทำให้อวี๋กานกานอดหัวเราะไม่ได้
ไม่เพียงแต่ย่างสเต็กให้เท่านั้น ทั้งยังตกแต่งบรรยากาศอีกด้วย บนโต๊ะตัวยาวในบ้านจัดวางดอกไม้สดเทียนไขและไวน์แดง
ดูแล้วทั้งโรแมนติกและอบอุ่น ทำให้คนรู้สึกความรักลึกซึ้งที่สลักเอาไว้บนก้อนศิลา
อวี๋กานกานถือมีดและส้อมมาหั่นเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆแล้วเอาเข้าปาก
ฟังจือหันที่นั่งตรงข้ามจิบไวน์หนึ่งอึกแล้วถามอย่างตื่นเต้น “อร่อยไหม”
อวี๋กานกานตีหน้าขรึมเมื่อทานเสร็จจ้องฟังจือหันที่ทำท่าอธิบายไม่ถูก เมื่อฟังจือหันขมวดคิ้วแล้วหยิบมีดส้อมหั่นสเต็กเข้าปากอวี๋กานกานก็หัวเราะออกมา “อร่อยมากเลยค่ะ”
ฟังจือหันหั่นอีกชิ้นแล้วยื่นไปจ่อที่ริมฝีปากของอวี๋กานกาน
อวี๋กานกานอ้าปากรับเข้าไปเคี้ยวพลางพูดว่า “แม้จะอร่อยมาก แต่คุณก็ไม่ได้ลงแรงอะไรก็แค่หมักเนื้อเอง คราวหน้าทำอาหารจีนให้ฉันนะคะ ฉันชอบกินอาหารจีน”
ฟังจือหันตกปากรับคำ “ได้”
อวี๋กานกานประหลาดใจ มองฟังจือหันแล้วถามอย่างจริงจัง “จริงเหรอ หรือแค่ล้อฉันเล่น”
เมื่อหั่นสเต็กเนื้อในจานจนเสร็จหมดแล้ว ฟังจือหันจึงเอาจานของตนเองเลื่อนไปข้างหน้าอวี๋กานกานแล้วลากจานของอวี๋กานกานมาหั่นให้พลางเอ่ยขึ้น “ผมคิดดูก่อน”
“รู้ว่าคุณหลอกฉัน”
“เป็นเชฟต้องมีพรสวรรค์”
“คุณยอมรับแล้วว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ใช่ไหม”
“ผมยอมรับว่าเราสองคนไม่มีพรสวรรค์ต่างหาก”
“ใครบอกว่าฉันไม่มีพรสวรรค์ ฉันแค่ไม่อยากทำ ที่จริงฉันทำอาหารอร่อยมาก ฉันกลัวว่าถ้าทำบ่อยไปอาจารย์ของฉันจะไม่ยอมทำให้ ต่อไปนี้ให้ฉันรับผิดชอบเรื่องทำอาหารเอง”
ฟังจือหันยิ้มเล็กน้อย “ตอนที่อาจารย์คุณหายตัวไป ใครกันนะที่นอกจากเมนูไข่ก็มีแต่เมนูไข่”
อวี๋กานกานเบิกตาโต “พูดให้มันดีๆ ไม่ได้เหรอ”
ฟังจือหันรีบแก้คำพูด “คุณมีพรสวรรค์ อาหารที่ทำอร่อยมาก”
“นี่ค่อยยังชั่วหน่อย”
ไอ้หยา หน้าหนาจังเลย
อวี๋กานกานทานอาหารเงียบๆ ผ่านไปครู่หนึ่งเธอจึงมองฟังจือหันอย่างสงสัย “คุณบอกก่อนหน้านี้ว่าไม่ใช่เธอหรือคุณหมายถึงกู้เหยียนอวี๋คนนี้ไม่ใช่กู้เหยียนอวี๋ตัวจริงเหรอ”