ตอนที่ 629 พวกคุณทะเลาะเรื่องอะไรกัน
ฟังจือหันฟังจือหันปล่อยหมัดอีกครั้ง เหอซือกุยก็ตั้งรับ ทั้งสองซัดกันนัว
อวี๋กานกานได้สติด้วยความหวาดกลัวเปิดประตูรถแล้วตะโกนเสียงดัง “ฟังจือหัน อาจารย์เหม่ยเหริน พวกคุณทำอะไรกันน่ะ”
เธอวิ่งด้วยความเร็วที่สุด ทั้งสองคนนั้นก็ผละออกจากกันพอดี เธอจึงถลาเข้าไปอยู่คั่นกลางระหว่างสองคน “พวกคุณทะเลาะกันทำไม”
อวี๋กานกานมองไปทางฟังจือหันก่อน ฟังจือหันไม่ตอบเธอเอาแต่ทำหน้านิ่งขรึมดวงหน้ามองไปด้านหน้าอย่างเย็นชา
มองดูก็รู้ว่าโกรธมาก โกรธจนแม้กระทั่งไม่อยากสนใจเธอ
ใบหน้าของเหอสือกุยกลับเปรอะเปื้อนทั้งยังขาวซีด ใบหน้าอ่อนโยนราวกับยกขมวดคิ้วมุ่นแล้วยิ้มจางๆ ให้อวี๋กานกานราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อาจารย์บาดเจ็บนี่”
เมื่อเห็นรอยแผลบนใบหน้าของเหอสือกุย อวี๋กานกานจึงตะคอกใส่ฟังจือหันอย่างไม่พอใจ “ทำไมคุณต้องลงไม้ลงมือด้วย มีอะไรทำไมไม่พูดกันดีๆ ล่ะฮะ”
สีหน้าของฟังจือหันแสดงอาการหึงหวงอย่างชัดเจน มองเธอด้วยใบหน้าเย็นชาเรียบนิ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “หลีกไป”
คำตอบนี้เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ลดราวาศอกอีกทั้งคิดว่าตัวเองยังต่อยไม่สาแก่ใจ
อวี๋กานกานโมโหจนแทบกระอักเลือด
เธอหันไปมองเหอสือกุยอีกครั้ง อยากถามเหอสือกุยว่าเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายคนที่เอ็นดูเธอมาตลอด คนที่ไม่เธอขออะไรแล้วไม่เคยปฏิเสธตลอดอย่างเหอสือกุยกลับให้เธอหลีกไปอย่างเมินเฉย
ขณะนั้นซย่าเสียวหร่านก็วิ่งเข้ามามองเหอสือกุยด้วยความเป็นห่วง “คุณหมอเหอคะ เป็นยังไงบ้าง ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นคะ”
ไม่มีใครตอบเธอ
ชายหนุ่มทั้งสองต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน
ต่างฝ่ายต่างมองกันด้วยสายตาดุดัน
“เด็กน้อย เข้ามาสิ”
จู่ๆ เหอสือกุยเอ่ยขึ้น อวี๋กานกานนึกว่าเหอสือกุยยอมอ่อนข้อลง ในที่สุดก็จะบอกเหตุผลที่ต่อยกันให้ชัดเจนสักที แต่ผลคือเมื่อเธอขยับก้าวขากลับถูกฟังจือหันดึงแขนรั้งไว้ “ไม่ให้ไป”
น้ำเสียงชายหนุ่มเย็นเยียบและทรงพลังแข็งแกร่ง
อย่ามาขัดขวาง!
อวี๋กานกานมองเขาด้วยความประหลาดใจ “ทำไม สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น”
ฟังจือหันไม่ตอบเธอ เขาอยากลากอวี๋กานกานออกไป แต่แขนอีกข้างหนึ่งกลับถูกเหอสือกุยรั้งเอาไว้
เขามองฟังจือหันแข็งกร้าวซึ่งต่างจกความอ่อนโยนยามปกติ “ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!”
อวี๋กานกานโกรธจัด “พวกคุณปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้ทั้งคู่เลย”
แต่ชายหนุ่มทั้งสองก็ไม่ยอมปล่อย
เธอสะบัดแขนยังไงก็สะบัดไม่หลุด
อวี๋กานกานไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรถึงกับต้องชกต่อยกัน คนสองคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ เอหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข
บรรยากาศอึมครึมและอึดอัด อวี๋กานกานถอนหายใจหนักแล้วตวาดลั่น “อยากจะต่อยกันอีกใช่ไหม งั้นพวกคุณก็ต่อยฉันสิ!”
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ต่อยเธอหรอก
อวี๋กานกานปราดตามองฟังจือหัน สายตาเย็นเย็บราวแผ่ความน่ากลัวออกมา
ในทางกลับกันเหอสือกุยดีกว่ามาก เธอมองยังเหอสือกุย “อาจารย์เหม่ยเหรินปล่อยฉันก่อนค่ะ เดี๋ยวค่ำๆ ฉันค่อยไปหาอาจารย์นะคะ”
เหอสือกุยลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตกลง
“เลิกกับเขาซะ!”
ทิ้งไว้สี่คำ เหอสือกุยก็หันออกไป ซย่าเสียวหร่านรีบตามไป “คุณหมอเหอคะ…”
อวี๋กานกานยังอยากถามเหอสือกุยว่าสรุปมันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงให้เธอเลิกกับฟังจือหัน แต่เธอก็ถูกฟังจือหันลากมาขึ้นรถเสียแล้ว
อวี๋กานกานนั่งในรถแล้วถามเขาอย่างโกรธๆ “ฟังจือหัน นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมคุณถึงต่อยอาจารย์ของฉัน แล้วทำไมอาจารย์ถึงอยากให้ฉันเลิกกับคุณด้วย”
ตอนที่ 630 ทะเลาะเพราะห่วง เถียงเพราะรัก
ฟังจือหันตอบกลับอย่างเฉยเมยไปประโยคหนึ่งว่า “ไม่มีอะไร?”
อวี๋กานกานมองเขาด้วยความประหลาดใจ แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย “ไม่มีอะไร แต่คุณยกมือจะตีอาจารย์ฉันเหรอ?”
ฟังจือหันไม่ได้ตอบ เพียงเอนหลังไปกับพนักเก้าอี้ หลับตาลงแล้วเข้าสู่นิทรา
สถานการณ์แบบนี้ดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงในบ้าน
ดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาเป็นปกติแล้ว เหมือนคนไม่เป็นอะไร และไม่พูดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นอีก
แบบนี้ทำให้อวี๋กานกานอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ
เธออดทนและรอคอยมาตลอด คิดว่าฟังจือหันจะมาอธิบายกับตน สุดท้ายอีกฝ่ายกลับไม่คิดแม้แต่จะอธิบายอะไรเลย
รอมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่มีคำพูดออกมาสักประโยค ในที่สุดอวี๋กานกานก็โกรธ เธอเอ่ยว่า “ฟังจือหัน คุณหมายความว่ายังไง? คุณจะไม่อธิบายกับฉันซักหน่อยเเหรอ”
“ไม่ใช่พูดไปแล้วหรือว่า ไม่มีอะไร ต้องอธิบายอะไรอีก”
อวี๋กานกานถูกท่าทีสงบนิ่งของฟังจือหันทำให้โกรธมากขึ้นอีก
ทะเลาะก็ทะเลาะไปแล้ว เธอก็ไม่ได้พูดอะไร แต่เขาควรอธิบายเหตุผลของการทะเลาะกันครั้งนี้ออกมาไม่ใช่หรือ ท้ายที่สุดผู้ชายทั้งสองคนนั้นก็เป็นคนในครอบครัวของเธอ
สุดท้ายเขาก็มีทัศนคติแบบนี้
อดทนจนกระทั่งทนไม่ไหว อวี๋กานกานระเบิดออกมา เธอพูดเสียงดังว่า “ฟังจือหัน ฉันไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ฉันอยากบอกคุณว่าเขาคืออาจารย์ของฉัน คือคนที่เลี้ยงฉันมา เขาให้ฉันมามากมายตั้งแต่เล็กจนโต แค่เรื่องเล็กน้อยคุณก็อดทนไม่ได้เลยเหรอ คุณทำแบบนี้ รู้หรือเปล่าว่ามันคือการไม่เคารพผู้อาวุโส”
“ผู้อาวุโสอะไร? เขาเลี้ยงคุณมา แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องฟังเขาทุกอย่าง ให้ความสำคัญกับเขาก่อนในทุกๆ เรื่อง เมื่อก่อนอาจจะได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว ตอนนี้คุณโตแล้ว แต่งงานแล้ว ไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป เขาไม่ใช้ผู้อาวุโสของคุณแล้ว!” แววตาลึกล้ำของฟังจือหันประสานกัยตาของอวี๋กานกาน น้ำเสียงของเขาเย็นชาอย่างยิ่ง
“ฉันแต่งงานแล้ว เขาก็ยังเป็นคุณพ่อของฉัน” อวี๋กานกานแค่นเสียงเน้น
“เขากับเธออายุห่างกันไม่กี่ปี เขาไม่มีทางที่จะเลี้ยงลูกสาวที่โตขนาดนี้ได้ เมื่อไหร่เธอจะมองออกซักที?”
“คุณรู้ดีว่าที่ฉันพูดไม่ใช่เรื่องนี้ ฉันพูดถึงความรู้สึก ความรู้สึกจองเราสองคนคือความรู้สึกของพ่อกับลูกสาว”
อวี๋กานกานอธิบายออกมาอย่างสิ้นหวัง พยายามที่จะให้ฟังจือหันเข้าใจ แต่ฟังจือหันยิ่งฟังแววตาเขาก็ยิ่งเย็นชา
เมื่อเขาเอ่ยออกมาอีกครั้ง เสียงทุ้มของเขาก็เป็นเหมือนมีดคม “ระหว่างผมกับเขา คุณต้องเลือกแค่คนเดียว คุณจะเลือกใคร?!”
คำถามนี้ทำให้คนรู้สึกกระอักกระอ่วนและเจ็บปวดเหมือนถูกของมีคมทิ่มแทงเข้ามาในร่าง
อวี๋กานกานจ้องไปที่ฟังจือหันอย่างงุนงง ผ่านไปครู่หนึ่งก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิดไป
เธอส่ายหน้าไปมา ถามออกมาอย่างไม่อยากเชื่อว่า “คุณถามฉันแบบนี้ได้ยังไง คุณไม่รู้สึกเหรอว่าคำถามแบบนี้ เหมือนกับจับฉันไปไว้บนกองไฟ?”
ท่าทางของฟังจือหันเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ถ้าผมมีเพื่อนผู้หญิงนิสัยไม่เลวคนหนึ่ง เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็กเหมือนที่คุณพูดบ่อยๆ ผมมองเธอเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง แต่เธอกลับคิดไม่เหมือนกันกับผม ผมติดต่อเธออยู่บ่อยๆ บอกกับคุณเสมอว่าเธอคือคนสำคัญ แบบนี้คุณยังรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรอีกเหรอ?”
อวี๋กานกานยิ้มเย็นทีหนึ่ง “คุณคิดว่าไม่มีเหรอ? คุณเองก็มีเพื่อนรักในวัยเด็กคนนึงนี่? คุณไปหาเธออยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ ฉันเคยบอกไม่ให้คุณไปรึเปล่า?”
ฟังจือหันส่งเสียง “ฮึ” ออกมาเสียงหนึ่ง
“คุณพึมพำอะไร? คุณ…”
อวี๋กานกานขยับริมฝีปาก อยากจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็อดกลั้นไว้
เธอจำที่เจียงฉี่บอกได้ว่า นั่นเพราะฟังจือหันสูญเสียกู้เหยียนอวี๋ไป…