ตอนที่ 659 แก้แค้น ท่าทีพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ (9)
จูอวี้ลู่ไม่เอยอะไรออกมาอีก
รู้สึกถึงลางสังหรณ์ในใจที่รุนแรงมากขึ้นจริงๆ
เธอมายังห้องของกู้ซูหลิง แล้วนำเรื่องนี้บอกให้กู้ซูหลิงฟัง
เมื่อกู้ซูหลิงได้ยินก็ทั้งโกรธและโมโห รู้สึกแค่ว่าตัวเองปวดหัวจะแตก
เธอตวาดลั่นอยากโกรธเกรี้ยว “ให้นังตัวปลอมคนนั้นมาอยู่ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า นังตัวปลอมคนนั้นมีสิทธิ์อะไรมาอยู่ห้องหนู หนูไม่ยอม”
จูอวี้ลู่เอ่ยอย่างเย็นชา “ลูกระงับอารมณ์หน่อยได้ไหม แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าทำอะไรให้คิดหน้าคิดหลัง มีแค่วิธีนี้ถึงจะเอาชนะได้ เข้าใจไหม”
“แม่คะ งั้นหนูต้องยกห้องให้จริงๆ เหรอ”
“ใช่ ลูกไม่เพียงแค่ยกให้ แต่ลูกต้องยกให้อย่างยินดีด้วย เดี๋ยวลูกไปหาคุณพ่อ จำไว้ว่าแม่พึ่งบอกกับลูกตอนบ่ายนี้เอง”
หลังจากที่จูอวี้ลู่โน้มน้าว กู้ซูหลิงก็รับปาก แต่เธอก็ยังร้อนรนรู้สึกกู้เชินไม่เหมือนเดิมจริงๆ หากกู้เชินเกลียดเธอเข้ากระดูกดำแล้วต่อไปเธอจะทำเช่นไร
เธอต้องสงบสติอารมณ์ ต้องทำให้กู้เชินกลับมารักและเมตตาเธอเหมือนเดิม
เมื่อก่อนกู้เชินเทความรักมาที่เธอ ต่อให้เธอทำผิดแล้วขอโทษส่งๆ จึงอาจทำให้ผิดหวังในตัวเธอไปบ้าง ขอแค่เธอพูดดีๆ อ้อนดีๆ กู้เชินต้องกลับมาดีกับเธอเหมือนเมื่อก่อนแน่นอน
ดึกมากแล้ว กู้เชินยังคงดูเอกสารอยู่ในห้องหนังสือ กู้ซูหลิงยกชามบะหมี่ที่ทำเองเข้ามาแล้วเคาะประตูห้องของกู้เชิน
“เข้ามา”
เมื่อได้ยินเสียงอนุญาต กู้ซูหลิงจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าประดับรอยยิ้มแล้วยกชามบะหมี่เข้าไป
“คุณพ่อคะ หนูพึ่งตื่นมาเห็นว่าคุณพ่อยังยุ่งอยู่ก็เลยทำบะหมี่มาให้ คุณพ่อทานเสร็จแล้วค่อยทำงานต่อนะคะ” เธอมองกู้เชินอย่างอ่อนใจ แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เป็นพ่อลูกกันมาสิบกว่าปี แน่นอนว่าเธอรู้จักนิสัยของกู้เชินเป็นอย่างดี สนองความต้องการของคนอื่น เธอไม่เชื่อว่ากู้เชินจะมีท่าทีอ่อนลง
อันที่จริง กู้เชินเห็นกู้ซูหลิงทำบะหมี่เข้ามาให้ก็ซึ้งใจอยู่บ้าง
หลายปีมานี้เสี่ยวอวี๋ไม่อยู่ข้างกาย ก็มีแต่กู้ซูหลิงที่กตัญญูต่อเขาเหมือนลูกสาวที่คอยเอาอกเอาใจ
เขาพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “วางไว้สิ”
เมื่อเห็นว่ากู้เชินมีท่าทีอ่อนลง กู้ซูหลิงจึงยิ้มออก “คุณพ่อคะ รีบพักผ่อนไวๆ อย่าโหมทำงานจนดึกเลยนะคะ”
ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบร้อน เธอต้องกลับมาเป็นลูกสาวที่แสนดีคนเดิมของกู้เชินได้แน่นอน
กู้ซูหลิงออกไปอย่างดีอกดีใจ
กูเชินมองบะหมี่ที่กู้ซูหลิงทำมาให้ก็หยิบตะเกียบขึ้นมา ในที่สุดความเป็นพ่อลูกกันมานับสบปี ถึงแม้เธอจะทำเรื่องผิดพลาด แม้กระทั่งคิดฆ่าเสี่ยวอวี๋ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าอวี๋กานกานคือเสี่ยวอวี๋
ความผิดหวังที่มีต่อเธอ แต่นั่นก็เพราะไม่ได้สั่งสอนเธอให้ดี
บางที…
ขณะนั้นเองโทรศัพท์ของกู้เชินก็ดังขึ้น
มือที่หยิบตะเกียบนั้นรีบหยิบมือถือขึ้นมาทันทีแล้วกดรับสาย
เป็นเสียงของผู้ช่วยที่ดังลอดสาย “ท่านประธานกู้ครับ”
กู้เชินเอ่ยถาม “ตามสืบเจอแล้วใช่ไหม”
ผู้ช่วยรีบเอ่ยตอบ “สืบจนได้ความแล้วครับ รายงานผลตรวจดีเอ็นเอของคุณกับคุณหนูกู้เหยียนอวี๋ในตอนนี้มีคนเข้ามาแทรกแซงจริงๆ ด้วยครับ”
แววตาของกู้เชินดำดิ่ง “ใคร”
ช่วงนี้ที่เขามีท่าทีเย็นชากับกู้ซูหลิงและจูอวี้ลู่ นอกจากกู้ซูหลิงจะใจดำกับอวี๋กานกานแล้ว แต่เพราะเขายังสงสัยว่ากู้เหยียนอวี๋ตัวปลอมจะมีความเกี่ยวข้องกับสองแม่ลูกคู่นี้อีกด้วย
บะหมี่ชามเมื่อครู่นี้ เขาหวังในใจว่าคนๆ นั้นจะไม่ใช่กู้ซูหลิง
หวังว่าความสัมพันธ์พ่อลูกสิบกว่าปีจะไม่ใช่เพียงแค่การละคร
“คุณหนูกู้ซูหลิงครับ”
ความหวังหายวับกับตา คำพูดของผู้ช่วยห้าคำ ทำให้กู้เชินหลับตาลงอย่างเยือกเย็น ยกมือขึ้นถือชามบะหมี่ที่กู้ซูหลิงทำให้ชามนั้นเททิ้งลงถังขยะข้างๆ
ตอนที่ 660 แก้แค้น ท่าทีพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ (10)
อวี๋กานกานบริหารท่าแพลงก์ไปแล้วสิบนาที เธอพักสักครู่ก่อนจะเล่นท่าแพลงก์ต่อ
ฟังจือหันวนกลับมาสองรอบก็เห็นเธอยังเล่นท่าแพลงก์อยู่ เขาจึงคุกเข่าลงข้างๆ เธอ “คุณกลัวใช่ไหม งั้นเราไม่ต้องไปแล้ว”
วันนี้มีงานเลี้ยงวันเกิดของกู้เชิน จู่ๆ อวี๋กานกานก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมาทำตัวยุ่งขึ้นมาทันที
เดี๋ยวก็จัดเสื้อผ้าในห้องนอน เดี๋ยวก็ทำกับข้าวในห้องครัว ตามองดูเวลาก็ยิ่งเหลือน้อยลงทุกที เธอก็ยังไม่เตรียมตัวสักที แล้วมาเล่นท่าแพลงก์บนเสื่อโยคะอีก
ทำแบบนี้มาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
อวี๋กานกานทรงตัวไม่อยู่จึงล้มนอนแผละบนเสื่อโยคะ
เหงื่อผุดทั่วใบหน้าของเธอในขณะที่กำลังนั่งบนเสื่อโยคะ เธอหอบหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้น “ใครกลัวกัน นี่ฉันออกกำลังกายนิดหน่อย อยากมีรูปร่างดีที่สุดไปงานไม่ได้เหรอ”
เธอหัวเราะ จากนั้นลุกขึ้นเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ
อันที่จริง เธอก็กลัวนิดหนึ่งจริงๆ เพราะรู้ว่าถ้าเธอไป คงไม่ใช่แค่งานวันเกิดธรรมดาๆ
แต่ยังหมายถึงว่ากู้เชินกับเธอรู้จักกันด้วย
แต่อาจารย์เลี้ยงเธอโตมาจนป่านนี้ แล้วต้องทำความรู้จักกับพ่อแท้ๆ ก็ควรบอกกับเขาสักคำ
อีกทั้งเมื่อสองวันก่อนเธอไปหาอาจารย์เหม่ยเหรินเพื่ออยากบอกกับเขาเรื่องนี้ แต่อาจารย์เหม่ยเหรินดันไปทำธุระต่างเมืองเสียแล้ว
ไปธุระต่างเมืองอะไรกัน เธอคิดว่าอาจารย์เหม่ยเหรินไม่อยากเจอเธอต่างหาก จะคุยโทรศัพท์ก็คุยไม่รู้เรื่อง…ทันใดนั้นก็เกิดความสับสนและความกลัวในใจ
หลังจากอวี๋กานกานอาบน้ำเสร็จแล้วก็เปิดกล่องของขวัญที่กู้เชินมอบให้เตรียมเปลี่ยนเป็นชุดราตรี ในกล่องนั้นนอกจากจะมีชุดกระโปรงยาวสีขาวแล้วยังมีรองเท้าสีเดียวกัน แล้วยังมีชุดเครื่องประดับเพชรสีชมพู สร้อยคอต่างหูรวมทั้งสร้อยข้อมืออีกด้วย
นอกจากเขาจะเตรียมชุดและรองเท้าให้แล้ว แม้กระทั่งเครื่องประดับก็ยังเตรียมมาให้เข้าชุด
ใส่ใจมากจริงๆ
โดยชุดที่ฟังจือหันมอบให้อวี๋กานกานนั้นเมื่อสวมใส่จะดูสวยสง่างาม ส่วนชุดที่กู้เชินมอบให้นั้นเป็นสไตล์สาวน้อยเมื่อสวมแล้วให้ความรู้สึกน่ารักสดใสและซุกซน
ฟังจือหันหยิบสร้อยคอมาสวมให้เธอ อวี๋กานกานยกมือขึ้นลูบไปมา เป็นจี้รูปปลาสวยหรูประดับเพชรสีชมพูเม็ดใหญ่
มองดูแล้วราคาคงแพงหูฉี่
ของขวัญเหล่านี้น่าจะเป็นของที่เขาตั้งใจเลือกให้เป็นอย่างดี
ฟังจือหันสวมกอดเธอจากด้านหลังจุมพิตเบาๆ ที่เรือนผมสลวยของเธอ “หากคุณไม่อยากอยู่ต่อ เราสามารถออกไปได้ทุกเมื่อเลยนะ”
อวี๋กานกานมองฟังจือหันในกระจก เธอยิ้มให้แล้วพยักหน้า “ไปกันเถอะค่ะ”
เธอคล้องแขนฟังจือหันแล้วออกไปคฤหาสน์ตระกูลกู้ด้วยกัน
บนรถ อวี๋กานกานส่งข้อความหาเหอสือกุยหลายข้อความ หวังว่าหลังจากที่เหอสือกุยเห็นข้อความเหล่านี้แล้วจะตอบกลับเธอมาบ้าง
“อาจารย์เหม่ยเหรินคะ ฉันรู้ว่าอาจารย์ไม่อยากเจอฉันเลยบอกว่าไปทำธุระต่างเมือง”
“อาจารย์เหม่ยเหรินคะ ฉันตามหาคุณพ่อเจอแล้วอยากจะบอกต่อหน้าอาจารย์ แต่ตอนนี้คงทำได้เพียงส่งข้อความบอกอาจารย์”
“อาจารย์เหม่ยเหรินคะ วันนี้เป็นวันเกิดของคุณพ่อของฉัน ฉันก็เลยไปร่วมงาน หากอาจารย์ไม่สนใจฉันแล้ว ลูกสาวของอาจารย์จะถูกคนอื่นแย่งไปแล้วจริงๆ นะคะ”
…
การตกแต่งของคฤหาสน์กู้ในค่ำคืนนี้ดูสวยหรูเป็นพิเศษราวกับงานเลี้ยงในพระราชวังของยุโรปก็มิปาน นอกจากโถงงานเลี้ยงแล้ว แม้กระทั่งสวนดอกไม้ด้านนอกยังถูกตกแต่งอย่างสวยงามหรูหรา มีโคมไฟคริสทัลประดับทั่วทุกแห่งหนช่างเป็นงานที่หรูหราเกินบรรยาย
มันเป็นเพียงงานเลี้ยงวันเกิดเล็กๆ แต่ดูยิ่งใหญ่มาก
บรรดาคนดังในแวดวงการเมืองธุรกิจและครอบครัวไฮโซในปักกิ่งเกือบทั้งหมดมารวมตัวกันที่งานเลี้ยงของตระกูลกู้
ในเวลานี้มีนักข่าวสื่อมวลชนบางคนเข้ามาในงานเลี้ยงด้วยและพวกเขาก็มารวมตัวกันซุบซิบตามประสา
“งานเลี้ยงของตระกูลกู้วันนี้หรูหราเกินไปแล้ว ฉันจำได้ว่าคุณกู้เชินเป็นคนถ่อมตัวนี่นา”