ตอนที่ 121 ฟังจือหันโหดเ**้ยมจริงๆ!
ใบหน้าหล่อเหลาของฟังจือหันทั้งเคร่งขรึมและร้ายกาจ ราวกับค่ำคืนก่อนวันที่ลมฝนจะโหมกระหน่ำ ดวงตาที่เย็นชามาโดยตลอดฉายประกายแสงแห่งความโกรธเกรี้ยว
รถจี๊ปสีดำภายนอกดูเหมือนเก่าและผุพัง แต่กลับแข็งแรงทนทานเป็นอย่างยิ่ง ชนรถของเหอหว่านซินที่อยู่ด้านหน้าจนกระโปรงหลังนูนโก่งออกมา แต่รถจี๊ปกลับมีเพียงรอยขีดข่วน เนื่องจากทั้งอวี๋กานกานและฟังจือหันเตรียมตัวก่อนที่จะพุ่งเข้าชน ร่างกายจึงโน้มไปด้านหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เหอหว่านซินที่อยู่ในรถด้านหน้าถูกชนจนร่างกายพุ่งไปด้านหน้าอย่างแรง โชคดีที่เข็มขัดนิรภัยช่วยรั้งร่างกายของเธอเอาไว้ ไม่เช่นนั้นศีรษะของเธอต้องโขกเข้ากับพวงมาลัยจนเลือดตกยางออกเป็นแน่แท้
เหอหว่านซินตกใจเป็นอย่างมาก กรีดร้องเสียงดังด้วยความหวาดผวา “กรี๊ด!”
ทีแรกเธอนึกว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุชนท้ายรถทั่วไป แต่หลังจากที่ลงจากรถแล้วเห็นฟังจือหันและอวี๋กานกานนั่งอยู่ในรถจี๊ป เธอก็มั่นใจได้อย่างทันทีว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุทางรถยนต์ธรรมดาๆ แต่เป็นฟังจือหันและอวี๋กานกานจงใจขับพุ่งเข้ามาชนรถเธอ
เมื่อเห็นกระโปรงหลังรถยนต์แสนรักแสนหวงของตัวเองถูกชนยับยู่ยี่ เหอหว่านซินเจ็บปวดหัวใจ ความโกรธพุ่งปรี๊ด กระฟัดกระเฟียดกรีดร้องออกมาเสียงดัง “อวี๋กานกาน แกทำอะไรของแก เป็นบ้าเหรอ”
“ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้!” เหอหว่านซินกระทืบเท้าชี้หน้าอวี๋กานกานที่นั่งอยู่ในรถ มือทุบกระโปรงรถจี๊ปอย่างแรงอยู่หลายครั้ง สุดท้ายยังถีบแถมให้อีกหนึ่งที หลังจากระบายอารมณ์เสร็จแล้ว ในตอนที่เหอหว่านซินเหลือบสายตาขึ้นมา เธอสบตาเข้ากับฟังจือหันอย่างพอดี ทันใดนั้นพลันรู้สึกเสียววาบไปทั่วสันหลัง
แววตาของชายหนุ่มเย็นยะเยือกราวกับธารน้ำแข็งพันปี ทั้งยังเต็มไปด้วยรังสีเ**้ยมโหด
หัวใจของเหอหว่านซินบีบเกร็ง จู่ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ เธอกำหมัดแน่น มีอะไรต้องกลัวก็แค่ผู้ชายเกาะผู้หญิงกินคนหนึ่งที่ไม่มีทั้งเงินและอำนาจ
อวี๋กานกานตกใจกลัวจนขนลุก นั่งนิ่งอึ้งเหม่อลอยอยู่ในรถ จนกระทั่งเสียงโวยวายของเหอหว่านซินดังขึ้นถึงได้สติคืนกลับมา เธอยื่นมือออกไปจะเปิดประตูรถแต่ประตูยังคงถูกล็อกไว้อยู่ อวี๋กานกานกำลังจะอ้าปากบอกฟังจือหันให้ปลดล็อกประตู กลับพบว่ารถได้เคลื่อนตัวอีกครั้ง เธอหันไปมองฟังจือหันที่นั่งอยู่ด้านข้างด้วยความตกใจ ใบหน้าหล่อเหลาของเขายังเย็นชาเหมือนอย่างเคย ในแววตาที่จ้องมองไปยังเหอหว่านซินแฝงไว้ได้ไอสังหารเย็นเยียบ
ฟังจือหันถอยรถไปด้านหลังเล็กน้อย จากนั้นเหยียบคันเร่งพุ่งใส่รถของเหอหว่านซินอีกครั้ง ส่วนท้ายของรถถูกชนจนเละเทะ กระโปรงหลังห้อยโตงเตงก่อนจะร่วงลงพื้น
ครั้งนี้อวี๋กานกานไม่ตกใจ ในตอนที่เธอมองไปยังฟังจือหันในใจของเธอมีความรู้สึกว่าแค่นี้มันยังไม่พอ
ฟังจือหันโหดเ**้ยมจริงๆ!
ส่วนเหอหว่านซินที่อยู่ด้านนอกตกใจกลัวจนสติเตลิดเปิดเปิงไปเรียบร้อย กรีดร้องเสียงดังลั่นรีบวิ่งถอยไปด้านหลังไกลลิบ กลัวว่ารถจะพุ่งมาชนตัวเอง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
“จะถามเธอเรื่องลักพาตัวไม่ใช่เหรอ” ฟังจือหันเอ่ยปากถามขึ้นมา น้ำเสียงเรียบนิ่งไร้อุณหภูมิ ความหมายของประโยคนี้ก็คืออวี๋กานกานสามารถลงจากรถได้แล้ว
อวี๋กานกานพยักหน้า
ฟังจือหันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “…มาดของคุณล่ะ?”
อวี๋กานกานชะงักไปเล็กน้อย กระแอมออกมาเบาๆ เชิดหน้าขึ้น รวบรวมมาดของตนเองกลับมา จากนั้นจึงเปิดประตูลงจากรถ
เหอหว่านซินตกใจกลัวจนเหงื่อเย็นไหลท่วมตัว สีหน้าจุดหนึ่งเป็นสีเขียวอีกจุดหนึ่งเป็นสีขาว หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ปากสั่นหงึกๆ จนกระทั่งเห็นอวี๋กานกานเดินลงมาจากรถ เธอถึงรวบรวมสติฟื้นคืนกลับมาได้ เหอหว่านซินทั้งโกรธทั้งเสียใจระเบิดอารมณ์ออกมา “อวี๋กานกาน แกเป็นบ้าเหรอ เป็นบ้าก็ไปหาหมอ นังบ้า นังโรคจิต รถชั้นเพิ่งซื้อได้ไม่นาน แกรู้ไหมว่าราคาเท่าไร กล้าดียังไงมาชนรถฉันจนพังเละเทะ ถ้าพวกแกอยากตายเพื่อบูชาความรัก โน้นไปขับรถขึ้นหน้าผาสูงๆ แล้วพุ่งลงมา ฉันรับประกันว่าพวกแกจะต้องได้ตายอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร อย่าได้มาเป็นภัยสังคมอยู่ตรงนี้ พวกแกไม่รู้หรือไงว่าพุ่งชนเข้ามาส่งเดชแบบนี้มันอันตรายถึงชีวิต!”
ตอนที่ 122 จริงหรือปลอม ละครหรือของจริง
เหอหว่านซินเมื่อครู่กลัวมากเท่าไร ความโกรธตอนนี้ก็มากเท่านั้น เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ควันออกจากทวารทั้งเจ็ด[1] ตะโกนด่าเสียงดังสนั่นพร้อมทั้งพุ่งเข้ามาหาอวี๋กานกานง้างฝ่ามือขึ้น
อวี๋กานกานรวบแขนของเหอหว่านซิน จากนั้นออกแรงผลักอย่างแรงจนเหอหว่านซินล้มลงไปกองข้างรถที่ถูกชนจนพังยับเยิน
อวี๋กานกานเอ่ยเสียงเย็น “เธอก็รู้นี่ว่าแค่ผิดพลาดนิดเดียวก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ งั้นตอนที่เธอสั่งให้คนมาลักพาตัวฉัน ทำไมถึงไม่คำนึงข้อนี้บ้าง”
เหอหว่านซินสะดุ้ง เธอเกาะรถตะเกียกตะกายตัวเองขึ้นมา จากนั้นด่าเสียงดังสนั่น “แกพูดเรื่องเหลวไหลอะไร ลักพาตัวบ้าบออะไรอีก ฉันจะบอกให้เอาบุญอย่าคิดว่าแค่พูดจามั่วๆ ซั่วๆ แล้วฉันจะยอมทำเหมือนเรื่องในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าแกไม่ชดใช้ค่าเสียหายให้ฉัน ฉันจะแจ้งความจับแก”
อวี๋กานกานกลั้วหัวเราะแล้วพยักหน้า “เยี่ยม เอาเลย รีบแจ้งความเรียกตำรวจมาเลย เธอน่าจะไม่รู้สินะ ว่าคนที่มาลักพาตัวฉันวันนั้นพวกเขาได้อัดเทปเสียงสนทนากับผู้จ้างวานไว้ ฉันฟังแล้วเป็นเสียงของเธอไม่ผิดแน่ แจ้งความก็ดีพวกเราไปสถานีตำรวจพร้อมกันให้ตำรวจพิสูจน์ว่าเสียงในเทปนั้นใช่เสียงของเธอหรือเปล่า จะได้พิสูจน์ด้วยว่าฉันได้ใส่ร้ายเธอจริงไหม”
เหอหว่านซินลุกลี้ลุกลน แข็งทื่อไปทั้งตัว น้ำเสียงสั่นคลอน “กะ กะ กะ แก…”
อวี๋กานกานเห็นว่าเหอหว่านซิน “กะ กะ กะ” อยู่นานสองนานไม่พูดออกมาสักที เธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมาพร้อมกับพูดว่า “อย่าเอาแต่เรียกฉะ ฉะ ฉะ ฉันสิ สรุปเธอจะแจ้งความไหมเนี่ย ถ้าเธอไม่แจ้งฉันแจ้งเอง…”
อุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเปรียบเทียบกับลักพาตัวแล้ว ข้อหาไหนหนักข้อหาไหนเบา อวี๋กานกานเชื่อว่าเหอหว่านซินรู้อยู่แก่ใจดี และอีกอย่างเหอหว่านซินไม่กล้าแจ้งความอย่างแน่นอน เพราะเธอกำลังสั่นเทา กำลังหวาดกลัว กลัวถึงขนาดที่ว่าแม้แต่จังหวะหายใจก็เริ่มติดๆ ขัดๆ แล้ว
ในตอนที่เหอหว่านซินอับจนหนทาง เธอเห็นลุงใหญ่กำลังเดินลงมาจากคอนโดอย่างรีบร้อน พลันร้องไห้โฮขึ้นมาทันที “พ่อ พ่อดูอวี๋กานกานสิ มันสั่งให้สามีมันขับรถชนรถหนู มันจะฆ่าหนู โหดเ**้ยมเกินไปแล้ว ฮื่อๆ” เหอหว่านซินร้องไห้อย่างน่าสังเวชไม่สนใจภาพลักษณ์โผเข้าหาลุงใหญ่
ลุงใหญ่มองไปยังรถที่ชนกัน พลางมองลูกสาวที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม คิ้วของเขาขมวดแน่นเป็นปม ถามอย่างโกรธเกรี้ยว “กานกาน นี่หนูทำอะไร!”
“ทำอะไร คำถามนี้ต้องถามพี่นะคะ” อวี๋กานกานพูดกับลุงใหญ่อย่างเย็นชา “ลุงใหญ่ ลุงคิดว่าสั่งให้คนมาลักพาตัวหนู แล้วหนูจะยอมเปิดพินัยกรรมของคุณปู่แต่โดยดีงั้นเหรอคะ หนูขอยืนยันไว้ตรงนี้เดี๋ยวนี้เลยว่าไม่มีทาง!”
นัยน์ตาของลุงใหญ่ฉายประกายความประหลาดใจครู่หนึ่ง “ลักพาตัว?”
“ลุงใหญ่ไม่รู้?” อวี๋กานกานไม่แน่ใจว่าลุงใหญ่กำลังเล่นละครตบตาเธออยู่หรือเปล่า แต่ปฏิกิริยาของลุงใหญ่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆ เธอชี้ไปที่เหอหว่านซินพลางกล่าว “ลุงใหญ่ ลุงถามพี่ดูสิคะว่าเธอทำอะไรลงไป ทางตำรวจยังมีเทปเสียงตอนที่เธอคุยโทรศัพท์กับโจรลักพาตัวอยู่ด้วย”
ลุงใหญ่นิ่งอึ้งไป ก่อนจะตวาดใส่เหอหว่านซินด้วยความโมโหโกรธา “นังลูกโง่ แกทำเรื่องบ้าอะไรลงไปอีกแล้วฮะ” จากนั้นเงื้อฝ่ามือตบเข้าไปที่หน้าของเหอหว่านซินอย่างจัง
เหอหว่านซินถูกตบจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม “พ่อ…”
อวี๋กานกานไม่แน่ใจจริงๆ ว่านี่เป็นการแสดงหรือของจริง เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กล่าว “ลุงใหญ่คะ ครั้งนี้หนูจะถือว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกิดขึ้น แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย!” อวี๋กานกานหมุนตัว ไม่อยากจะมองภาพตรงหน้าที่เหมือนจะแสดงแต่ก็เหมือนไม่ได้แสดงนี้อีก
ฟังจือหันยืนอยู่ข้างหลังเธอออกไปไม่ไกล เขาไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเพียงแค่พูดกับเธอว่า “คุณขึ้นรถไปก่อน”
อวี๋กานกานมองดวงตาของฟังจือหันที่จ้องมองเหอหว่านซินและลุงใหญ่ เป็นสายตาที่ไร้อุณหภูมิเย็นเยียบ เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ มองฟังจือหันเดินไปด้านหน้า ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกับลุงใหญ่และเหอหว่านซิน สีหน้าของสองพ่อลูกจู่ๆ ก็ขาวซีดราวกับหิมะอย่างเฉียบพลัน อีกทั้งร่างกายยังสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
——
[1] ทวารทั้งเจ็ด ประกอบด้วย ตาสอง หูสอง จมูกสอง และปากหนึ่ง