ตอนที่ 729 จับได้แล้ว! เด็กในท้องเป็นลูกของใคร (9)
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นหมอ พวกเขาก็คงไม่ต้องให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนหลินจยาอวี่ที่เบาะหลัง อวี๋กานกานคิดว่าควรจะให้เธอขับเองดีกว่า เพราะเกรงว่าลู่เสวี่ยเฉินจะรีบร้อนจนเกิดอุบัติเหตุ
หลินจยาอวี่เจ็บปวดจนเหงื่อผุดเต็มใบหน้าแล้วกุมมือของอวี๋กานกานเอาไว้แน่น
อวี๋กานกานช่วยเช็ดเหงื่อให้เธอ ปลอบโยนและคอยสังเกตอาการของเธอไม่หยุด น้ำคร่ำแตกแล้วแต่อาการยังดีปลอดภัยอยู่ บ้านของพวกเขาอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก ในไม่ช้าก็ส่งถึงห้องคลอด
ลู่เสวี่นเฉินตามเข้าไปในห้องคลอด
ในขณะที่อวี๋กานกานและคุณหญิงลู่อยู่รอด้านนอก
คุณหญิงลู่เกิดความกังวลประสานมือทั้งสองข้างขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยสีหน้ากระวนกระวาย ปากก็สวดขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิคุ้มครองไม่หยุด หลานต้องแข็งแรงและปลอดภัย
อวี๋กานกานที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเข้าก็อดกลอกตามองบนไม่ได้
ฟังมาตั้งนานขอให้คุ้มครองแค่หลาน แล้วแม่ของเด็กล่ะ
ถ้าแม่ไม่ปลอดภัยแล้วลูกจะปลอดภัยได้อย่างไร
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าคุณหญิงลู่เป็นคนดี
เรื่องที่ลูกไม่ใช่ลูกเสวี่ยเฉิน ลู่เสวี่ยเฉินทราบเรื่องนี้ดี อีกอย่างเพื่อต้องการให้ลูกมีสถานะตัวตนที่น่าเชื่อถือ ดังนั้นจึงตกลงแต่งงานกับลู่เสวี่ยเฉิน
แต่ตอนนี้วุ่นวายไปหมดแบบนี้แล้ว
ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกของลู่เสวี่ยเฉินของเธอ ก็ควรจะคุ้มครองทั้งแม่และลูกด้วย
อีกอย่างถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้เธอพาเหวินซินเหมยเข้ามาวุ่นวายที่บ้าน หลินจยาอวี่ก็คงไม่ต้องมาคลอดก่อนกำหนด
ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ข้างในจะเป็นอย่างไรบ้าง
ลู่เสวี่ยเฉินอยู่เคียงข้างหลินจยาอวี่ภายในห้องคลอด เขากุมมือปลอบโยนเธอไม่หยุด แต่ในใจเขากลับมีแต่ความกลัวและกังวลไปหมด
เขารู้ว่าหลินจยาอวี่ต้องเก็บเด็กคนนี้ไว้เพราะกรุ๊ปเลือด
ในทำนองเดียวกันเด็กที่เกิดมาพร้อมกับระบบกรุ๊ปเลือดอาร์เอชนั้นค่อนข้างอันตราย
เขาทำการบ้านมาก่อนและเตรียมตัวสำหรับคนที่มีกรุ๊ปเลือดอาร์เอช ถ้าหลินจยาอวี่คลอดออกมาให้เขารอที่ประตูห้องผ่าตัดพร้อมที่จะเจาะเลือดได้ทุกเมื่อ
การคลอดก่อนกำหนดกะทันหัน เขาก็ไม่ทันได้โทรศัพท์บอกคนคนนั้น แล้วจะทำยังไงดี จะอันตรายหรือไม่ หรือว่าตอนนี้จะออกไปโทรศัพท์ดี
“ฮึก!”
ความเจ็บปวดกระตุกเกร็งที่ท้องของเธอ ทำให้หลินจยาอวี่กรีดร้องอีกครั้ง
สีหน้าของเธอซีดเผือด เหงื่อท่วมกาย “เจ็บ…ฮือ!”
ลู่เสวี่ยเฉินรู้อยู่แล้วว่าการคลอดลูกนั้นเจ็บปวดมาก สามารถบอกได้เลยว่าเหมือนเปิดประตูยมโลก แต่พอเจอเหตุการณ์จริงๆ จึงได้พบว่ามันเจ็บปวดกว่าที่จินตนาการเอาไว้ไกลกว่ากันเยอะ
เขาปลอบประโลมไม่หยุดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผ่านไปสักพักก็จะดีเองนะ…”
ถ้าเป็นไปได้ เขาก็ยินดีรับความเจ็บปวดทั้งหมดให้เธอเอง
คุณหมอก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกัน ก่อนจะมองลู่เสวี่ยเฉินแล้วเอ่ยขึ้น “…คุณชายลู่ เด็กผิดท่าคลอดไม่ได้ เราควรเปลี่ยนเป็นผ่าคลอดเดี๋ยวนี้…”
ผ่าคลอดเหรอ
เด็กที่มีกรุ๊ปเลือดอาร์เอชก็อันตรายอยู่แล้ว แต่เด็กกรุ๊ปเลือดอาร์เอชที่ต้องผ่าคลอดอันตรายยิ่งกว่า
มันไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย ที่ดีที่สุดคือการคลอดธรรมชาติ
“ก่อนหน้านี้ตอนตรวจครรภ์ ไหนหมอบอกว่าปลอดภัยดีทุกอย่าง ลูกจะคลอดอย่างราบรื่นไม่มีปัญหาไม่ใช่เหรอหมอ”
“ตามหลักก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ นอกเสียจากว่าเกิดเรื่องไม่คาดคิด อย่างไรก็ตามนี่เธอคลอดก่อนกำหนด…ตอนนี้ร่างกายคุณแม่อ่อนแอมาก อาจจะช็อกได้ทุกเมื่อ อีกทั้งเธอไม่มีแรงเบ่งคลอดแล้ว จำเป็นต้องรีบผ่าคลอดโดยด่วนครับ”
หลินจยาอวี่บีบมือลู่เสวี่ยเฉิน เธอตัวสั่นขนตาเปียกโชกด้วยเหงื่อ อ้าปากอย่างอ่อนแรงและเอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำ “กานกาน…ฉันต้องการกานกาน…”
คุณหมอและพยาบาลไม่รู้ว่ากานกานคือใครและก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องการในเวลานี้ แต่ทว่าลู่เสวี่ยเฉินกลับเข้าใจทันที
ตอนที่ 730 จับได้แล้ว! เด็กในท้องเป็นลูกของใคร (10)
ลู่เสวี่ยเฉินรีบเข้าไปคุยกับพยาบาล “มีผู้หญิงที่ชื่ออวี๋กานกานอยู่ด้านนอก เธอเป็นหมอเหมือนกัน เธออาจมีวิธี คุณรีบไปเรียกเธอมาทีครับ”
พยาบาลตกใจ “ได้ยังไงคะ จะให้ใครก็ได้เข้ามาในห้องคลอดได้ยังไง”
ลู่เสวี่ยเฉินขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำเคร่งเครียด “รีบไป!”
พยาบาลมองไปที่หมออย่างทำอะไรไม่ถูกและหลังจากหมอพยักหน้าเธอก็รีบออกไปและเรียกกานกานเข้ามา
อวี๋กานกานสวมชุดปลอดเชื้อแล้วเดินตามพยาบาลเข้ามา
ทันทีที่เข้ามาก็เห็นหลินจยาอวี่นอนหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียงคนไข้และเหงื่อท่วมทั้งร่าง เส้นผมเปียกเหมือนแช่น้ำมา ส่วนมือทั้งสองก็จิกผ้าปูที่นอนอย่างไร้เรี่ยวแรง
เมื่อลู่เสวี่ยเฉินเห็นเธอจึงรีบเข้าไปหา “เสี่ยวอวี๋กาน เร็วเข้า หมอบอกว่าเด็กผิดท่าคลอดเองไม่ได้ต้องผ่าคลอด เธอดูสิว่าพอจะมีวิธีไหนบ้าง”
ไม่ใช่ว่าอวี๋กานกานไม่เคยรักษาคนท้อง แต่เธอพึ่งมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตามตอนนี้การรักษาก็พัฒนาก้าวไกลแล้ว การคลอดลูกไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแพทย์แผนจีน เพราะแพทย์แผนตะวันตกสามารถทำได้ดีกว่า
นี่เรียกเธอมาเพื่อถามหาวิธีรักษา เธอมีวิธีแก้ปัญหาแน่นอน มีบันทึกในหนังสือทางการแพทย์ว่าหากตำแหน่งของทารกในครรภ์ไม่ถูกต้องเช่นตำแหน่งแนวนอนหรือก้น สามารถใช้เทคนิคการฝังเข็มและการนวดเพื่อช่วยในการคลอดได้
แต่เธอยังไม่ได้นำไปใช้ ท้ายที่สุดหากทารกไม่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องสามารถผ่าคลอดได้โดยตรง
อวี๋กานกานบังคับให้ตัวเองใจเย็นๆ
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นเธอนั่งยองลงข้างๆ หลินจยาอวี่ก่อนจะจับชีพจรให้ครู่หนึ่ง เธอยิ้มให้กับหลินจยาอวี่ “วางใจเถอะ เธอต้องไม่เป็นอะไร มีฉันอยู่ตรงนี้ เธอกับลูกจะต้องปลอดภัยแน่นอน”
หลินจยาอวี่บีบมือของอวี๋กานกานก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนแรง
อวี๋กานกานดูอัลตร้าซาวด์อีกครั้ง เด็กไม่ได้อันตรายมาก เพียงแค่เคลื่อนตำแหน่งนิดหน่อยก็ได้แล้ว เธอหยิบกล่องฝังเข็มที่พกติดตัวออกมาวางไว้ข้างๆ
“เด็กไม่ได้มีอันตรายอะไร เธอฟังคำชี้นำของฉันนะ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนคลาย…” อวี๋กานกานพูดพลางถูมือให้ร้อนแล้ววางลงบนท้องของเธอ
ตอนที่หลินจยาอวี่ผ่อนลมหายใจออกมา มือของอวี๋กานกานขยับไปตามจุดฝังเข็มที่หน้าท้องของหลินจยาอวี่ เธอเคยเห็นวิธีนี้แค่ในหนังสือทางการแพทย์เท่านั้น
แต่กลับพึ่งเคยทำเป็นครั้งแรก หากไม่ได้ผลก็จำเป็นต้องผ่าคลอด โชคดีที่ลู่เสวี่ยเฉินออกโทรศัพท์เพื่อเรียกคนที่มีกรุ๊ปเลือดอาร์เอชอีกคนให้รีบตามมา
ใช้วีธีการทุยนะร่วมกับการฝังเข็มช่วยให้ทารกในครรภ์เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ในร่างกาย หากเป็นคนหมอธรรมดาคงไม่ได้ผล ต้องขอบคุณรากฐานการฝังเข็มของกานกาน
คุณหมอดูปากมดลูกอยู่ตลอด หลังจากนั้นไม่นานดวงตาของเขาก็ประกายแววดีใจ “ขยับแล้วๆ อีกนิดเดียวก็ได้แล้ว…”
แต่ทว่าผ่านไปสองสามนาที อวี๋กานกานก็เหนื่อยจนเหงื่อซึมตามใบหน้า เธอหันไปมองพยาบาลที่อยู่ข้างๆ พยาบาลจึงรีบก้าวมาข้างหน้าเพื่อซับเหงื่อให้เธอ
พยาบาลมีสีหน้าตื่นตระหนก
เคยได้ยินมาว่าการฝังเข็มนั้นมีมนต์ขลังมากและมีวิธีการ “เผาภูเขา” และ “ทะลวงฟ้าให้เย็น” ซึ่งวิธีการฝังเข็มอันน่าทึ่งจำเป็นต้องใช้ฉีเพื่อขัดขวางการฝังเข็มต่างๆ
คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เห็นวิธีการฝังเข็มอันน่าทึ่งเป็นบุญตา
อีกทั้งยังเป็นคุณหมอสาวที่อายุยังน้อยอีกด้วย
แทบไม่อยากจะเชื่อ
ผ่านไปอีกหลายนาที ในที่สุดคุณหมอก็ตะโกนร้องเสียงดังอย่างดีใจ “ได้แล้วๆ ออกแรงเบ่งนะครับ…”
“ฮืบบบ!” หลินจยาอวี่ร้องทุรนทุรายเพื่อออกแรงเบ่ง แต่ลมหายใจยังไม่สิ้นสุดและหมดแรงแล้ว
เธอพยายามหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลว เธอร้องไห้และส่ายหัวบอกว่าเธอไม่มีแรงแล้วจริงๆ…