ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 127 เกลียดที่สุดคือผู้ชายชาติชั่วแบบนี้ / ตอนที่ 128 อีกด้านมุมของสังคม

ตอนที่ 127 เกลียดที่สุดคือผู้ชายชาติชั่วแบบนี้

 

 

หลินจยาอวี่สัมผัสได้ถึงสายตาแปลกๆ ของลู่เสวี่ยเฉิน เธอปรายตาไปมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินได้สติคืนกลับมา นี่เขาคิดอะไรอยู่เนี่ย แม้ว่าแสงไฟในผับคืนนั้นจะมีดสลัว คละคลุ้งไปด้วยควันบุหรี่ ผู้หญิงคนนั้นมีหุ่นที่เซ็กซี่ยั่วยวน เขาถึงได้…แต่ผู้หญิงคนนั้นเหมือนกับหลินจยาอวี่ตรงที่รูปร่างเท่านั้น ใบหน้าของพวกเขาสองคนไม่มีจุดไหนที่เหมือนกันสักนิด

 

 

คนหนึ่งสวยปานนางฟ้าอีกคนอัปลักษณ์เหมือนอสูรกาย ลู่เสวี่ยเฉินหลบสายตาไปจ้องที่หน้าจอตัวเลขในลิฟต์แทน

 

 

ถึงชั้นของหลินจยาอวี่แล้ว หลังจากที่ประตูลิฟต์เปิดหลินจยาอวี่ก้าวเท้าออกมา ตู้ซูเหนียนก็รีบตามมาติดๆ เช่นกัน “จยาอวี่ ผม…”

 

 

หลินจยาอวี่ที่เดินอยู่ด้านหน้าหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหันพร้อมทั้งกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้านายยังตามมาอีก หลังจากนี้ฉันจะสั่งพนักงานห้ามให้นายเข้าออกโรงแรมหลินซื่อ”

 

 

ตู้ซูเหนียนหยุดอยู่กับที่ทันที ทว่ายังคงรอยยิ้มอันประจบประแจงไว้ มองแผ่นหลังของหลินจยาอวี่ที่ค่อยๆ ไกลออกไป เขายืนขวางอยู่ตรงประตูลิฟต์พอดีลิฟต์จึงไม่ปิด

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินเม้มปาก ภายในดวงตามืดมิดเต็มไปด้วยความรำคาญและความเอือมระอา

 

 

เมื่อแผ่นหลังของหลินจยาอวี่หายลับไปแล้ว สีหน้าของตู้ซูเหนียนก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เขาถ่มน้ำลายลงพื้นดังถุย “ทำท่าทำทางเหมือนคนตายไม่มีผิด คงหลงคิดว่าตัวเองเป็นยอดพธูแห่งยุค[1] ไปแล้วจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าหักหน้าฉัน! ถุย! ไม่รู้จักหัดส่องกระจกดูเงาตัวเองซะบ้าง นังผู้หญิงตายด้านทางเพศ มองแวบเดียวก็รู้ว่าถ้าพาขึ้นเตียงก็คงนอนแน่นิ่งเหมือนผัก ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ฐานะของแม่แก ฉันก็ไม่อยากจะสนใจแกหรอก”

 

 

พูดยังไม่ทันจบดี ตู้ซูเหนียนถูกคนถีบเข้าไปที่ก้นอย่างแรงหนึ่งที เขาเสียหลักพุ่งออกมาล้มคะมำหน้าทิ่มลงกับพื้น อยู่ในท่าสุนัขรับประทานอุจจาระ ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด “โอ้ย! ใครเตะ ใครวะ…”

 

 

ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมาประตูลิฟต์ก็ปิดสนิทเสียแล้ว ลู่เสวี่ยเฉินอยู่ในลิฟต์แววตาชั่วร้ายเอ่ยเสียงเย็น “ไอ้ขยะ” เขาไม่ชอบผู้หญิงเย็นชาอย่างหลินจยาอวี่ รู้สึกว่าผู้หญิงนิสัยแบบนี้ไม่มีอะไรน่าค้นหา แต่ว่าเขาเกลียดผู้ชายชาติชั่วไร้ประโยชน์แบบนี้มากกว่า ถีบไปแค่ทีเดียวถือว่าปรานีมากแล้ว เพียงแต่ว่ารองเท้าของเขาติดเชื้อสกปรกซะได้ เห็นทีต้องเปลี่ยนคู่ใหม่เสียแล้ว…

 

 

 

 

ฟังจือหันไม่ได้กลับขึ้นห้องพร้อมกันกับอวี๋กานกาน เขามาส่งเธอแค่ที่ล็อบบี้แล้วบอกว่ามีธุระต้องจัดการ จากนั้นก็ขับรถออกไปทันที

 

 

อวี๋กานกานเมื่อกลับมาถึงห้องเธองีบหลับไปพักหนึ่ง พอตกเย็นก็รับประทานอาหาร เธอนึกถึงเรื่องกล่องเมื่อวานที่ตกลงมาจากตู้ขึ้นมาได้ จำได้ว่าเมื่อคืนก่อนฟังจือหันหยิบกล่องนั้นติดมือออกไปด้วย ทำไมฟังจือหันต้องเอากล่องใบนั้นไปด้วย หรือกล่องใบนั้นมีความลับอะไร

 

 

อวี๋กานกานเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของฟังจือหัน แต่กลับหากล่องใบนั้นไม่เจอ วันนี้ก่อนที่ฟังจือหันจะออกไป เขาให้เบอร์ติดต่อกับเธอไว้ ในตอนที่อวี๋กานกานกำลังจะไปหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อโทรหาฟังจือหัน เธอเหลือบไปเห็นกล่องใบนั้นถูกวางไว้อยู่บนตู้ห้องรับแขกพอดี

 

 

เธอน่าจะคาดเดาผิดไปเอง ที่ฟังจือหันหยิบกล่องนั้นออกมาคงเป็นเพราะว่าเขาไม่อยากเธอคิดมาก อยากให้เธอนอนหลับได้อย่างสบายใจ อวี๋กานกานเปิดกล่องออก หยิบประวัติคนไข้ทั้งกองออกมา จากนั้นวางเรียงทีละใบบนโต๊ะ เธอไม่ได้จำผิดจริงๆ ด้วย ในบรรดาประวัติคนไข้เหล่านี้ มีโรงพยาบาลของตระกูลเฉียวอยู่ด้วยจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด อาจารย์เก็บสะสมประวัติคนไข้เหล่านี้เพื่ออะไรกันแน่ อวี๋กานกานครุ่นคิดอยู่นาน แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก

 

 

พลบค่ำเมื่อหลินจยาอวี่กลับมาแล้ว เธอเคาะประตูห้องของอวี๋กานกาน ในมือถือขวดไวน์สองขวด หวังว่าอวี๋กานกานจะช่วยดื่มเป็นเพื่อนเธอสักแก้วสองแก้ว

 

 

อวี๋กานกานยิ้ม รับขวดไวน์ที่อยู่ในมือหลินจยาอวี่ “ป่วยอยู่ยังจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีก? แล้วอีกอย่างฉันก็เพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นานยังดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้”

 

 

 

 

——

 

 

[1] ยอดพธูแห่งยุค หมายถึง สุดยอดสาวงาม

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 128 อีกด้านมุมของสังคม

 

 

“โทษที งั้นพวกเราไม่ดื่มแต่มานั่งคุยกันสักหน่อยดีกว่า” นัยน์ตาของหลินจยาอวี่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด หญิงสาวตรงหน้ายิ้มแล้วหวานมากจริงๆ เหมือนกับชื่อกานกานของเธอไม่มีผิด

 

 

“ดื่มน้ำอุ่นสักหน่อย” อวี๋กานกานรินน้ำให้เธอหนึ่งแก้ว

 

 

“ขอบคุณ” หลินจยาอวี่รับแก้วน้ำมาดื่มเข้าไปหนึ่งอึก จากนั้นถามออกมาลอยๆ “สามีของคุณไม่อยู่เหรอ”

 

 

ฟังจือหันไม่ได้เป็นสามีจริงๆ ของเธอเสียหน่อย ใบหูของอวี๋กานกานร้อนวูบวาบ “ที่จริง…” อวี๋กานกานอยากจะอธิบายอย่างเปิดใจให้ชัดเจนไปเลยว่าพวกเขาไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน แต่หลินจยาอวี่พูดขัดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงเสียก่อน “ไม่ใช่ว่าพวกคุณทะเลาะกันอีกแล้วหรอกนะ”

 

 

อวี๋กานกานรีบส่ายมือปฏิเสธ “เปล่า”

 

 

“ดูพวกคุณรักกันดี…” หลินจยาอวี่นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาป้อนอาหารกันอย่างอบอุ่นลึกซึ้ง เธอไม่จำเป็นต้องไปกังวลแทนให้มากความ

 

 

อวี๋กานกานชะงักไปเล็กน้อย เธอและฟังจือหันดูรักกันดี? ไม่ใช่ดูห่างเหิน ดูไม่เหมือนคู่สามีภรรยาหรอกเรอะ?

 

 

หลินจยาอวี่ไม่ถามเรื่องของอวี๋กานกานกับฟังจือหันอีก เธอกล่าว “วันนี้ฉันไปเยี่ยมน้าซูมา น้าซูให้ฉันมาบอกคุณว่าตระกูลเฉียวหมายตาคลินิกของคุณไว้แล้ว”

 

 

อวี๋กานกานขมวดคิ้ว “ตระกูลเฉียว?”

 

 

หลินจยาอวี่ตอบ “ตระกูลของเฉียวพั่นเอ๋อร์ที่เจอกันตอนกินข้าววันนี้ไง ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกัน ทำไมพวกเขาถึงได้หมายตาคลินิกของคุณ อาจจะเป็นเพราะว่าสองปีมานี้หย่างเซิง[1]ได้รับความนิยมมาก พวกเขาอาจจะอยากเปิดโรงพยาบาลที่เกี่ยวกับหย่างเซิงโดยเฉพาะ คุณจะขายไหม”

 

 

อวี๋กานกานตอบกลับทันควัน “ไม่ขายเด็ดขาด!”

 

 

หลินจยาอวี่กล่าวเตือน “งั้นคุณก็ต้องระวังพวกเขาให้มาก”

 

 

อวี๋กานกานหลุดขำออกมา ถาม “ฉันไม่ขายซะอย่าง พวกเขายังจะบังคับให้ฉันขายให้ได้งั้นเหรอ”

 

 

หลินจยาอวี่ถามกลับ “คุณรู้ไหมว่าตระกูลเฉียวก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาได้อย่างไร”

 

 

อวี๋กานกานส่ายศีรษะ

 

 

“พ่อของเฉียวพั่นเอ๋อร์อาศัยตำรับยาสมุนไพรพื้นเมืองของหมอเท้าเปล่า[2]ในการก่อร่างสร้างตัว แรกเริ่มเดิมทีเขาเปิดแค่คลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่งจำหน่ายยาทารักษาโรคหิด หลายปีก่อนโรงพยาบาลเอกชนผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด พ่อของเฉียวพั่นเอ๋อร์อยากจะขยายคลินิกแต่เขาไม่มีเงิน งั้นจะทำอย่างไรดีละ เขาก็เลยคิดวิธีหนึ่งออกมาได้ เขาย้ายคลินิกไปแถวเขตที่มีการค้าประเวณี ทั้งยังจงใจส่งคนไปแพร่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เหล่าคนที่ติดโรคไปที่คลินิกของเขาเพื่อให้เขารักษา พวกเขาไม่สนใจว่าจะรักษาได้หรือไม่ สนใจแค่เพียงว่าจ่ายยาที่แพงที่สุดไว้ก่อน ในที่สุดพวกเขาก็มีต้นทุน ขยายคลินิกจนเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก จากนั้นระดมทำโฆษณาทุกรูปแบบ พวกเขาเริ่มจากรักษาโรคทางผิวหนังขยับขยายมาเป็นรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จากรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ขยับขยายครอบคลุมหลายร้อยโรค หากเข้าไปใช้บริการของโรงพยาบาลตระกูลนี้ พวกเขาจะจ่ายยาที่แพงที่สุดโดยที่ไม่สนว่าป่วยเป็นอะไร รักษาได้หรือไม่ ใช้กลอุบายไร้ยางอายทุกวิถีที่จะสามารถดูดเงินจากคนไข้ได้ ด้วยวิธีการเหล่านี้พวกเขาถึงได้มีโรงพยาบาลในเครือมากมายอย่างทุกวันนี้”

 

 

อวี๋กานกานฟังแล้วดวงตาเบิกโตอ้าปากหวอ เสียวสันหลัง “ไม่ใช่มั้ง? นี่ไม่เท่ากับว่าพวกเขากำลังทำนาบนหลังคนหรอกเหรอ”

 

 

หลินจยาอวี่เอ่ยเสียงเย็น “ใช่ เงินทุกบาททุกสตางค์ของตระกูลเฉียวล้วนได้มาจากการทำนาบนหลังคนทั้งสิ้น พูดได้ว่าเพื่อผลประโยชน์พวกเขาไม่สนใจวิธีการ” เธอเว้นจังหวะไปช่วงหนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “คุณเรียนแพทย์ไม่ใช่เหรอ หมออย่างพวกคุณไม่มีใครรู้เรื่องของตระกูลเฉียวเลยเหรอ”

 

 

อวี๋กานกานส่ายหน้า “ฉันไม่รู้จริงๆ พวกเรานักศึกษาแพทย์ วันๆ ก็คิดแต่เรื่องวิจัยค้นคว้าทางด้านแพทยศาสตร์ มีเหรอจะไปสนใจเรื่องพวกนี้ อีกอย่างเรื่องพวกนี้คนธรรมดาทั่วไปไม่น่าจะรู้หรอก”

 

 

การหาสถานที่ทำงานในสายอาชีพนี้ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ให้ความสำคัญว่าโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลรัฐวิสาหกิจหรือโรงพยาบาลเอกชน เงินเดือนดีไหม มีอนาคตหรือเปล่า อาจารย์ที่ปรึกษาเป็นใคร

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ฟังประวัติที่ถูกเก็บซ่อนไว้ พลันรู้สึกว่าตัวเองได้รับรู้ถึงอีกมุมหนึ่งของสังคม

 

 

ช่างน่าประหลาดใจ

 

 

ช่างมืดมน

 

 

ช่างน่าสยดสยอง

 

 

 

 

——

 

 

[1] หย่างเซิง หมายถึง เป็นวิธีการรักษาสุขภาพตามหลักแพทย์แผนจีน ให้ความสำคัญการดูแลรักษาเลือดและพลังชี่ เพราะบริเวณไหนที่ชี่ไหลเวียนสะดวก เลือดก็จะไหลเวียนสะดวกด้วยเช่นกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่ก่อให้เกิดโรคภัย การรักษาเลือดและพลังชี่ให้สมดุลนั้น ทำได้โดยปรับเปลี่ยนวิธีการหายใจให้ถูกต้องตามหลัก การทำอารมณ์ให้ปลอดโปร่ง สูดอากาศที่สดชื่น รับประทานอาหารที่ดีต่อเลือดและพลังชี่ เป็นต้น

 

 

[2] หมอเท้าเปล่า หมายถึง เกษตรกรในสมัยก่อนที่ได้รับการฝึกวิชาแพทย์ให้เป็นผู้ช่วยแพทย์ขั้นพื้นฐานเพื่อทำงานในหมู่บ้านชนบทในประเทศจีน ชื่อนี้ได้มาจากเกษตรกรทางภาคใต้ ซึ่งมักทำงานเท้าเปล่าในนาข้าว ระบบหมอเท้าเปล่าได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset