ตอนที่ 811 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (31)
ดวงตาพร่ามัวเห็นฟังจือหัน ความง่วงหายไปอย่างรวดเร็ว เธอลุกขึ้นนั่งบนโซฟา “ประชุมเสร็จแล้ว?”
“อืม คุณง่วงแล้ว ผมให้คนขับรถไปส่งคุณกลับไปพักที่บ้าน” คืนนี้เขายังมีเรื่องสำคัญมากที่ต้องจัดการ ไม่อาจกลับไปพร้อมกับเธอได้
“คืนนี้คุณก็ไม่กลับอีก?” ในน้ำเสียงของอวี๋กานกานเต็มไปด้วยความผิดหวัง ตอนที่กำลังคิดจะอ้อนเพื่อลักพาตัวคนกลับไป ประตูห้องทำงานโดนคนเคาะ ต่อมาผู้ช่วยคนหนึ่งเดินเข้ามา
เขามองฟังจือหันอย่างดีใจ ชูซองใส่เอกสารในมือ “ประธานหัน ในที่สุดก็หาเบาะแสของหมอเฉียนเจอแล้ว นี่เป็นข้อมูลหลายปีนี้ของเขา”
“ตามหาต่อไป” ฟังจือหันให้เขาวางข้อมูลไว้บนโต๊ะทำงาน
อวี๋กานกานถามอย่างแปลกใจ “จะหาหมอเฉียนเจอแล้วใช่ไหม”
เธออยากให้ฟังจือหันไปอ่านข้อมูลดู แต่ว่าฟังจือหันกลับนิ่งไม่ขยับ แค่พูดกับอวี๋กานกานเท่านั้น “ไม่รีบ อีกเดี๋ยวยังมีประชุม คุณกลับไปก่อน ผมทำงานเสร็จแล้วก็จะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
อวี๋กานกานมองเขาด้วยความสงสาร “เมื่อกี้คุณเพิ่งจะประชุมเสร็จไปก็จะประชุมอีกแล้ว แต่ว่าต่อให้ยุ่งแค่ไหนก็ต้องกินข้าว งั้นเราไปกินอะไรหน่อยเถอะ กินเสร็จฉันก็จะกลับ”
ฟังจือหันมองเวลา มองเธอแล้วพยักหน้าด้วยแววตาฉายรอยยิ้ม “ได้ คุณอยากกินอะไร”
ดวงตาทั้งสองข้างของอวี๋กานกานเป็นประกาย เธอเสนออย่างรวดเร็ว “กินหม้อไฟเป็นไง”
“ไม่มีปัญหา”
“งั้นก็กินใกล้ๆ บริษัทเถอะ จะได้สะดวกกับคุณหน่อย” อวี๋กานกานกระโดดจากโซฟาทันที แขนทั้งสองข้างโอบรอบคอเขาแล้วขยิบตาให้เขาอย่างซุกซน
แรงกระแทกโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้ฟังจือหันรับมือไม่ทัน โชคดีที่เคยฝึกมาแล้ว ไม่อย่างนั้นจะต้องล้มไปข้างหลังแน่ ช่างเป็นความรับผิดชอบที่หวานเสียจริง
ดวงตาของฟังจือหันอาบไปด้วยรอยยิ้ม นิ้วเรียวยาวถูไปกับจมูกของเธอครู่เดียว “ได้”
หลินเซินเพิ่งจะจัดเอกสารการประชุมเสร็จ เดินเข้ามา “คุณชายหัน จัดเรียบร้อยแล้วครับ”
ฟังจือหันพยักหน้า
ทั้งสามคนแทบจะออกมาพร้อมกัน อวี๋กานกานยังชวนหลินเซินไปกินหม้อไฟด้วยกันอีกด้วย
หลินเซินยิ้มพร้อมกับโบกมือ หมายความว่าเขายังมีงาน
อวี๋กานกานกับฟังจือหันสองคนสุดท้ายก็ไม่ได้กินหม้อไฟ พวกเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าข้างๆ ห้างแห่งนี้ไม่มีร้านหม้อไฟ ทั้งคู่เลือกร้านอาหารตะวันตกร้านหนึ่งแล้วสั่งสเต๊กเนื้อมาสองที่
“บอกตามตรง ฉันสงสัยเกี่ยวกับเรื่องหมอเฉียนมาก ทำไมคุณไม่สงสัยอะไรเลยสักนิด ไม่ลองอ่านข้อมูลหน่อยแล้วค่อยออกมากินข้าว” นี่เป็นสิ่งที่อวี๋กานกานอดกลั้นเอาไว้ในใจมาตลอด เธออยากจะถามนานแล้ว
ฟังจือหันแค่ส่งยิ้มที่มีความหมายแฝงอยู่ลึกๆ มา
อวี๋กานกานจับสังเกตได้อย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมฉันรู้สึกเหมือนว่าคุณกำลังวางแผนอะไรอยู่?”
คบกันมานานขนาดนั้นแล้ว ถือว่าเธอรู้จักฟังจือหันค่อนข้างดี
ในตอนนี้โทรศัพท์ของฟังจือหันดังขึ้นมา เขาวางมีดกับส้อมลง จากนั้นหยิบโทรศัพท์มารับสาย ดวงตาของอวี๋กานกานมองเขาอย่างเป็นประกาย แต่กลับเห็นเพียงสายตาเย็นชาของฟังจือหัน ใบหน้าหล่อสงบเยือกเย็น
อีกฝ่ายพูดอะไร
เธอเม้มปาก สายตาค่อยๆ จริงจังขึ้น
หลังจากวางสาย เธอรีบถามอย่างรวดเร็ว “เป็นยังไง เกิดอะไรขึ้น?”
เห็นฟังจือหันกำลังจะอ้าปาก เธอก็เสริมอีกหนึ่งประโยคอย่างรวดเร็ว “อย่าบอกฉันว่าไม่มีเรื่องอะไร ถ้าคุณไม่มีเรื่องอะไร ฉันก็จะเขียนชื่อตัวเองกลับด้านเลย”
ฟังจือหันหยิบส้อมจิ้มเนื้อวัวที่เธอหั่นเสร็จแล้วเข้าปากตนเอง “งั้นคุณก็เขียนกลับหัวมาให้ผมดูหน่อย”
เนื้อของตัวเองโดนกินไปแล้ว อวี๋กานกานก็จะแย่งอาหารในจานของเขาแน่นอน “คุณไม่อยากบอกฉัน”
ตอนที่ 812 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (32)
ฟังจือหันเอ่ยชมมาหนึ่งประโยค “ฉลาดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
อวี๋กานกานเบิกตาโต “คุณ…คุณ…”
พูดคำว่าคุณอยู่นาน ค่อนข้างโมโหจนพูดไม่ออก เธอวางมีดกับส้อมลง “ฟังจือหัน วันนี้คุณทำฉันโมโหแล้ว นี่ยังไม่ได้แต่งงานเลยนะ คุณก็เริ่มทำแบบนี้กับฉันแล้ว แบบนี้แต่งงานไปแล้วคุณห้ามทำตัวแย่กว่านี้กับฉัน ตอนนี้ฉันจำเป็นต้องคิดให้ดีสักหน่อยว่างานแต่งครั้งนี้จะแต่งหรือไม่!”
ฟังจือหันจิ้มเนื้อมาชิ้นหนึ่งแล้วป้อนไปที่ปากของอวี๋กานกาน
อวี๋กานกานเบือนหน้าทันที สื่อว่ากำลังโกรธอยู่และไม่อยากกิน ฟังจือหันจึงพูดอย่างยอมแพ้ “เมื่อกี้ที่ห้องทำงาน ไม่ใช่ว่าคุณอ่านข้อมูลของหมอเฉียนที่ผู้ช่วยเอามาให้ผมแล้วเหรอ”
“ดังนั้น…” อวี๋กานกานเดาออกมาด้วยความประหลาดใจ “หาหมอเฉียนเจอแล้ว?”
“ไม่ใช่หมอเฉียน”
“ไม่ใช่หมอเฉียน งั้นหาใครเจอ ฉันไปดูหน่อยได้ไหม”
ฟังจือหันลังเลครู่เดียว
อวี๋กานกานยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำเป็นท่าสาบาน “ฉันรับประกันว่าฉันจะไม่เข้าไปวุ่นวายเด็ดขาด จะมองเงียบๆ อยู่ด้านข้าง”
ขณะที่สบกับสายตาที่คาดหวังของเธอ ฟังจือหันคิดดูก็ไม่ได้เป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายอะไร อีกอย่างให้เธอรู้ก็ดี จึงพยักหน้าลง
อวี๋กานกานยิ้มกว้างออกมาในทันที จากนั้นก็รีบกินเป็นพิเศษ เกรงว่าช้าไปนิดฟังจือหันจะกลับคำ
กลับกันด้านฟังจือหันไม่ได้รีบไม่ได้ร้อน ทำตัวตามสบาย
ตอนที่กลับไปบริษัทอีกรอบ อวี๋กานกานพบว่ามีผู้ชายหลายคนใส่ชุดสีดำ สวมหมวกแก๊ปกับแว่นตาดำยืนอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์กับด้านหน้าของบันได เห็นได้ชัดว่าชั้นนี้ทั้งชั้นถูกปิดล้อมเอาไว้ ไม่อนุญาตให้เข้าและไม่อนุญาตให้ออก
อวี๋กานกานมองไปรอบหนึ่ง ไม่พบคนแปลกหน้าสักคน ดังนั้นคนที่พวกเขาหาตัวเจอเป็นใคร
เธอเผลอมองไปทางหลินเซินซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ “คนไหน ไม่ใช่ว่าจะพาเขามาเหรอ คนที่พวกคุณพามาล่ะ”
หลินเซินหลุบตาลงและไม่ตอบอวี๋กานกาน
อวี๋กานกานมองไปทางฟังจือหันด้วยความมึนงง เห็นเพียงฟังจือหันที่ลากเก้าอี้ตรงข้ามหลินเซินออกมาและนั่งลงโดยมีโต๊ะคั่น
เธองงเป็นไก่ตาแตก!
อึ้งไปครู่หนึ่งถึงได้เข้าใจขึ้นมา และตกใจไปชั่วขณะ!
คนที่ฟังจือหันบอกว่าหาเจอคือหลินเซิน?
ตามหาหลินเซินทำไม?
หรือว่าเมื่อกี้ตอนที่พวกเขาออกไป ผู้ช่วยเอาข้อมูลที่ว่าหาหมอเฉียนเจอมาให้แท้ที่จริงล้วนเป็นเรื่องโกหก เป็นฟังจือหันที่สร้างสถานการณ์ไว้แต่แรก
วันนี้ต่อให้เธอไม่มาปรากฏตัว ฟังจือหันก็จะหาข้ออ้างออกไปข้างนอกจากนั้นก็หยั่งเชิงหลินเซิน
เพียงแต่หลินเซินกับหมอเฉียนเกี่ยวข้องอะไรกัน…อวี๋กานกานแทบไม่อยากจะเชื่อ จังหวะก้าวเดินเผลอก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
เสียงของฟังจือหันดังขึ้นมาอย่างใจเย็น “หมอเฉียนอยู่ไหน”
ผมที่ถูกจัดแต่งด้วยสเปรย์แต่งผมค่อนข้างยุ่ง ไม่ปรากฏท่าทางจริงใจและซื่อสัตย์เหมือนเคยเลยสักนิด ดูชั่วร้ายไปหมดเป็นพิเศษ เสียงทุ้มเอ่ยถาม “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมกับหมอเฉียนรู้จักกัน ใช้ข้อมูลของหมอเฉียนมาทดสอบผม?”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดที่จะปฏิเสธทุกอย่าง แต่ว่าติดตามอยู่ข้างตัวฟังจือหันมาหลายปีขนาดนั้น แต่รู้จักฟังจือหันดี รู้ว่าถ้าไม่ได้มีความมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ฟังจือหันไม่มีทางเผยทุกอย่างออกมา
แต่ว่าฟังจือหันสืบจนรู้ได้อย่างไร เขาปิดบังเอาไว้อย่างดีขนาดนั้นแล้วชัดๆ
ต้องโทษที่ในมือของฟังจือหันมีคนที่มีความสามารถมากเกินไป
และต่อให้ติดตามข้างกายเขามาหลายปี ก็ยังคงไม่อาจเห็นเล่ห์เหลี่ยมกับไหวพริบจากผู้ชายคนนี้จนหมด ยิ่งไม่มั่นใจว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่
ฟังจือหันพูดเสียงเย็น “ขอแค่เคยทำอะไรไว้จะต้องทิ้งร่องรอย ขอแค่ต้องการสืบก็ไม่มีทางที่จะสืบไม่ได้เรื่องอะไร!”
หลินเซินหัวเราะเหอะออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นทำไมคุณต้องมาถามผมว่าหมอเฉียนอยู่ที่ไหนอีก คุณชายหัน คุณไปสืบเองได้นี่”