ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 143 เจรจา อย่าทำให้วุ่นวายไปมากกว่านี้ / ตอนที่ 144 ถ้าเงินแก้ไขไม่ได้ก็เพิ่มไปอีกเท่าตัวซะสิ

ตอนที่ 143 เจรจา อย่าทำให้วุ่นวายไปมากกว่านี้

 

 

อวี๋กานกานไม่สนใจเหอหว่านซินและไม่อยากจะสนใจ “…”

 

 

เหอหว่านซินร้อนรนเหมือนหัวใจถูกลนไว้ด้วยเปลวเพลิง “แกไม่ขายคลินิก งั้นแกมีวิธีจัดการปัญหานี้งั้นเหรอ ถ้าแกไม่มีปัญญาจัดการปัญหานี้ทางเดียวคือขายคลินิกทิ้งซะ ไม่ใช่ปล่อยให้ชื่อเสียงของคุณปู่ของแกถูกทำลายจนป่นปี้ แกอย่าลืมสิ่งที่ตัวเองยึดถือมาตลอดสิ”

 

 

แววตาของอวี๋กานกานเย็นเยียบ ท่าทีเย็นชาเหมือนกับหิมะและน้ำค้างแข็ง เหอหว่านซินมองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ว่าอย่างไรอวี๋กานกานก็จะไม่ขายและจะไม่มีวันยอมขาย ซึ่งเหอหว่านซินต้องการให้รีบๆ ขายคลินิกไปซะ เรื่องจะได้จบได้สิ้นสักที

 

 

เหอหว่านซินมองลุงใหญ่ “พ่อคะ พ่อว่าตอนนี้จะทำยังไงกับคลินิกดีแล้วเรายังสามารถทำอะไรได้อีก มีแค่ทางเดียวคือขายทิ้งเท่านั้นที่จะไม่ทำให้ส่งผลเสียไปถึงชื่อเสียงและเกียรติยศของคุณปู่” เธอขอความช่วยเหลือจากลุงใหญ่ หวังว่าลุงใหญ่จะช่วยเธอพูดกล่อมอวี๋กานกานให้ยอมขายคลินิก

 

 

ลุงใหญ่นั่งอยู่ตรงโซฟามาโดยตลอดไม่ขยับเขยื้อนไปไหน หากไม่ใช่เป็นเพราะสีหน้าแย่ลงทุกขณะ ก็คงเข้าใจผิดคิดว่ามีรูปปั้นปูนปลาสเตอร์นั่งอยู่บนโซฟา เขามองหน้าอวี๋กานกานแล้วถาม “หนูไม่ขายตอนนี้แต่เห็นได้ชัดว่าพวกมันต้องการจะซื้อให้ได้ หนูจะสู้กับพวกมันด้วยวิธีไหน ทำอย่างไรถึงจะรักษาคลินิกไว้ได้ หนูอย่าลืมว่าพวกเราไม่มีทั้งอำนาจและอิทธิพล ไม่มีทางที่จะสู้ชนะพวกเขาตั้งแต่แรก มั่นใจแล้วเหรอว่าตัวเองไม่ต้องการทั้งชื่อเสียงและเงินทอง ต้องการเลือกเดินไปในทางที่ลำบากยากเข็ญ?”

 

 

“ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอว่าจะรักษาไว้ได้หรือไม่ได้” อวี๋กานกานคลี่ยิ้มบาง เธอปรายตาไปมองเหอหว่านซินจากนั้นกล่าว “พี่ไม่รู้ แต่ลุงใหญ่น่าจะรู้ดีนะคะ ตอนนี้ถ้าหนูขายคลินิกไปโดยที่พินัยกรรมฉบับเสริมของคุณปู่ยังไม่ได้ถูกเปิดอ่าน ไม่ว่าคลินิกนี้จะขายได้กี่สตางค์ พวกลุงก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรทั้งนั้น”

 

 

เหอหว่านซินช็อก “จริงเหรอพ่อ”

 

 

สีหน้าของลุงใหญ่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จ้องอวี๋กานกานเขม็ง “…”

 

 

เหอหว่านซินเห็นปุ๊บก็รู้คำตอบได้ในทันที เธอขมวดคิ้วแน่นเป็นปม ขายไปตอนนี้ก็ไม่ได้ส่วนแบ่งสักสตางค์แดงเดียว แต่ถ้าไม่ขายแล้วปล่อยให้เรื่องใหญ่โตไปมากกว่านี้ ใบสั่งยาเธอเป็นคนเขียน อวี๋กานกานจะโยนเรื่องทั้งหมดมาให้เธอรับผิดชอบไหมนะ คนตายทั้งคน เธอจะถูกจับเข้าคุกเข้าตารางหรือเปล่า ในระหว่างนั้นเธอลนลานจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี

 

 

ทันใดนั้นประตูคลินิกก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ฟังจือหันสวมชุดสูทสีดำ ย่างเท้าก้าวเข้ามาอย่างสง่างาม จังหวะการเดินไม่ช้าไม่เร็ว รูปร่างสูงใหญ่บึกบึนแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดที่ทำให้ผู้พบเห็นต่างต้องพากันหวาดหวั่น

 

 

ข้างๆ ยังมีลู่เสวี่ยเฉินที่สูงยาวเข่าดีหน้าตาหล่อเหลาไม่แพ้กัน สีหน้าชั่วร้ายของเขาดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน ลู่เสวี่ยเฉินปรายตาไปมองลุงใหญ่และเหอหว่านซิน จากนั้นหันกลับมามองอวี๋กานกาน พูดอย่างประหลาดใจ “โอ้ว นี่คุณยังมีคนไข้อีกเหรอ”

 

 

อวี๋กานกานแค่ฟังจากน้ำเสียงของเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้รีบร้อนอธิบาย ยังคงจ้องไปที่ลุงใหญ่ “ครั้งนี้ลุงใหญ่ควรจะยืนอยู่ข้างหนูนะคะ” เวลาแบบนี้เธอไม่ต้องการให้ลุงใหญ่และเหอหว่านซินมาทำเรื่องให้วุ่นวายไปมากกว่านี้

 

 

เมื่อลุงใหญ่และเหอหว่านซินเห็นฟังจือหันก็มีอาการลุกลี้ลุกลนทันที ตัวหดเล็กลงในทันตา เดิมทีลุงใหญ่อยากจะพูดอะไรบางอย่างกับอวี๋กานกาน แต่เมื่อเห็นฟังจือหันคำพูดทั้งหมดก็กระจุกอยู่ในลำคอทันที เขาลุกขึ้นพรึบ พูดกับอวี๋กานกาน “แน่นอนอยู่แล้ว” เมื่อพูดจบเขาก็พาเหอหว่านซินเดินออกไปทันที

 

 

ในตอนที่เหอหว่านซินเดินตามหลังลุงใหญ่ เธอเหลือบมองลู่เสวี่ยเฉินอย่างละเอียด ทำไมถึงมีผู้ชายหน้าตาดีเพิ่มมาอีกคน ทำไมยัยอวี๋กานกานพอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ปุ๊บเหมือนกับว่ามีโชคเรื่องความรักขึ้นมาทันที รอบกายมีแต่ผู้ชายเกรดพรีเมียม

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 144 ถ้าเงินแก้ไขไม่ได้ก็เพิ่มไปอีกเท่าตัวซะสิ

 

 

อวี๋กานกานตะลึงกับท่าทีของลุงใหญ่ที่แสดงออกมาจนอ้าปากค้างดวงตาถลนออกจากเบ้า เธอมองฟังจือหัน “ทำไมลุงใหญ่ถึงได้กลัวคุณขนาดนี้ วันนั้นก่อนออกมาคุณพูดอะไรกับลุงใหญ่กันแน่”

 

 

ฟังจือหันมองมาที่เธอ นัยน์ตาลึกล้ำมองไม่เห็นก้นบึ้ง “ตอนนี้สิ่งที่คุณกังวลควรจะเป็นคลินิกของคุณไม่ใช่เหรอ”

 

 

อวี๋กานกานทอดถอนหายใจ “ฉันกังวลไปแล้วได้อะไรขึ้นมา กังวลไปก็ไม่ได้ช่วยทำให้เรื่องจบ”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา กล่าว “ผมสืบข้อมูลได้มานิดหน่อย คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมเรื่องมันถึงได้วุ่นวายใหญ่โตไปได้ถึงขนาดนี้”

 

 

อวี๋กานกานพยักหน้า “รู้ เป็นเพราะว่าตระกูลเฉียวต้องการที่จะซื้อคลินิกของฉัน แต่ฉันไม่ยอมขาย พวกเขาจึงเตรียมบีบบังคับให้ฉันยอมขาย เมื่อครู่นี้ก่อนที่พวกนายจะมา เฉียวพั่นเอ๋อร์ก็ส่งคนมาที่นี่บอกให้ฉันรู้จักหัดประเมินสถานการณ์!”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินถามต่อ “งั้นคุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมตระกูลเฉียวถึงได้เจาะจงว่าต้องเป็นคลินิกนี้เท่านั้น”

 

 

“เพราะอะไร” อวี๋กานกานเองก็อยากรู้

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินกล่าว “เมืองไป๋หยางของพวกคุณต้องการที่จะสร้างศูนย์บ้านพักคนชราแบบสมัยใหม่ขึ้นที่หนึ่ง ทั้งเมืองไป๋หยางมีเพียงถนนหนานเจิ้นเท่านั้นที่ยังคงความเป็นเมืองเก่าเอาไว้ นายกเทศมนตรีจึงเลือกให้สร้างศูนย์บ้านพักคนชราที่ถนนหนานเจิ้น หนึ่งเป็นเพราะถนนหนานเจิ้นมีทิวทัศน์ที่งดงามล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ อีกทั้งการจราจรก็ยังโปร่งโล่ง สองคือสามารถปฏิรูปผังเมืองเก่าควบคู่ไปด้วยได้เลย”

 

 

“ปฏิรูปถนนหนานเจิ้น สร้างศูนย์บ้านพักคนชรา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ตระกูลเฉียวต้องการซื้อคลินิกของฉัน” อวี๋กานกานไม่เข้าใจ ในเมื่อถ้าต้องปฏิรูปไม่ช้าหรือเร็วยังไงคลินิกก็ต้องถูกรื้อถอน[1]อยู่ดี

 

 

ฟังจือหันที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเสียงเรียบ “เพราะว่าตำแหน่งที่ตั้งของศูนย์บ้านพักคนชราคืออวี้หมิงถาง”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินพูดเสริม “โครงการปฏิรูปผังเมืองเก่าถนนหนานเจิ้น ผู้ที่รับผิดชอบโครงการนี้คือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไป๋หยางหลินซื่อคอร์ปอเรชั่น พวกเขาน่าจะบอกข้อมูลเรื่องศูนย์กลางของเขตบ้านพักคนชราคืออวี้หมิงถางให้กับตระกูลเฉียว หากอวี้หมิงถางตกเป็นของตระกูลเฉียว ตระกูลเฉียวก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ร่วมมือกับเบื้องบนสานต่อโครงการศูนย์บ้านพักคนชรา”

 

 

นัยน์ตาของอวี๋กานกานฉายแววความตึงเครียด “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะจู่ๆ พวกเขาถึงต้องการซื้อคลินิกขึ้นมา ดูท่าปัญหาครั้งนี้คงจะจัดการไม่ง่ายแล้วละ…”

 

 

ตระกูลเฉียวเป็นตระกูลที่เห็นแก่ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อเงินทองแล้วพวกเขาไม่สนใจศีลธรรมอะไรทั้งนั้น ทำนาบนหลังคนมาแล้วนับไม่ถ้วน ศูนย์บ้านพักคนชราอะไรนั้นแค่ฟังดูก็เห็นภาพได้ในทันทีว่าต้องยิ่งใหญ่โอ่อ่าแน่นอน โอกาสวางอยู่ตรงหน้าตระกูลเฉียวแล้ว พวกเขาย่อมไม่สนวิธีการไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินคลี่ยิ้มบาง กล่าว “จัดการยงจัดการยากอะไร บนโลกนี้ไม่มีปัญหาไหนที่เงินไม่สามารถแก้ไขได้ ถ้ามีก็ให้เพิ่มไปอีกเท่าหนึ่ง”

 

 

อวี๋กานกานมองลู่เสวี่ยเฉินอย่างเหนื่อยหน่าย จะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ไม่ออก ถ้าเธอมีเงิน ตอนนี้ก็คงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรองแบบนี้ “ปัญหาอยู่ที่ฉันไม่มีเงิน ฉันก็แค่หมอจนๆ คนหนึ่ง” อวี๋กานกานแบมือยักไหล่ พูดอยู่ในใจ ถ้าอาจารย์อยู่ก็ดี เขาต้องจัดการปัญหาทั้งหมดนี้ได้แน่

 

 

“หมอจนๆ? คุณ…ถึงแม้คุณจะเป็นหมอจนๆ แต่คนของคุณคนนี้ไม่ใช่นะครับผม คุณต้องปลดปล่อยเสน่ห์ของผู้หญิงออกมา ตอนอยู่บนเตียงก็ออดอ้อนเขาหน่อย ขอให้เขาช่วยคุณ…” ลู่เสวี่ยเฉินยิ้มอย่างชั่วร้าย

 

 

อวี๋กานกานความรู้สึกช้า ผ่านไปครู่หนึ่งเธอเพิ่งจะเข้าใจความหมายของลู่เสวี่ยเฉิน ทั้งช็อกและเขินอาย ใบหน้าจิ้มลิ้มขึ้นสีเล็กน้อย เธอพูดอย่างตะกุกตะกักด้วยความโกรธใส่ฟังจือหัน “นะ นะ นายไม่ได้บอกเขาเหรอ”

 

 

“บอกอะไร” ฟังจือหันมองเธอสีหน้างุนงง

 

 

อวี๋กานกานกัดริมฝีปาก “ก็ ก็ที่นาย…เป็นอะไรกับฉันไง”

 

 

มุมปากของฟังจือหันยกยิ้มขึ้น พูดโดยที่ไม่ต้องคิด “สามีของคุณไง”

 

 

 

 

——

 

 

[1] ประเทศจีนปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งสิทธิ์ในการถือครองที่ดินเป็นของรัฐบาล ประชาชนมีสิทธิ์ถือครองแค่เพียงตัวอาคารเท่านั้น เมื่อมีคำสั่งให้ปฏิรูปผังเมืองจึงสามารถดำเนินการได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งนี้ทั้งนั้นทางรัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยหรือหาที่อยู่ใหม่ให้กับผู้ถือครองอาคารที่ถูกรื้อถอน  

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset