ฝ่ามืออบอุ่นที่อยู่บนศีรษะเหมือนกับมีเวทมนตร์ อวี๋กานกานรู้สึกว่าในใจเธอก็อบอุ่นเช่นกัน
เธอจ้องมองแผ่นหลังของฟังจือหัน นัยน์ตาเจือไว้ด้วยความสับสน อารมณ์สลับซับซ้อน เธอแอบอยากถามฟังจือหัน เธอไปหาหยางเทียนโย่ว ทำไมเข้าต้องไม่พอใจด้วย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
อวี๋กานกานหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า มองดูเบอร์โทรเข้าบนหน้าจอ สีหน้าค่อยๆ ดำทะมึน กดรับสาย “ค่ะลุงใหญ่”
ฟังจือหันเข้าครัวรินน้ำมาหนึ่งแก้ว เมื่อออกมาก็เห็นอวี๋กานกานหน้านิ่วคิ้วขมวด ใบหน้าเนียนใสเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูด เขาเดินมานั่งลงตรงที่เดิม สบตาเธอกลับเป็นเชิงว่ามีอะไรก็พูดเถอะ
“ลุงใหญ่โทรศัพท์มาให้ฉันบอกว่า ในเมื่อฉันกับนายแต่งงานกันแล้ว ต้องมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันสักมือ ฉันไม่ได้ปฏิเสธไป” อวี๋กานกานไม่ได้อยากปฏิเสธอยู่แล้ว
ไม่เข้าทำเสือ มีหรือจะได้ลูกเสือ
การหายตัวไปอย่างแปลกประหลาดของอาจารย์คนสวย หนทางเดียวที่เธอจะสืบหาได้มีเพียงบ้านลุงใหญ่
ฟังจือหันจิบน้ำ ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อยแต่เป็นยิ้มที่เย็นยะเยือก “กินข้าวกับผมราคาสูงมากนะ”
อวี๋กานกานกะพริบตาปริบๆ “…”
ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกประหม่าและตื่นเต้นหน่อยๆ ขึ้นมา
ลุงใหญ่เรียกพวกเขาให้ไปกินข้าว น่าจะมีเจตนาร้าย
แต่ฟังจือหันก็ไม่ใช่พวกกินมังสวิรัติ[1] ไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อไรเขาเปรียบเสมือนนายพรานที่วางกับดักไว้เรียบร้อยหมดแล้ว
เฒ่าสารพัดพิษอย่างลุงใหญ่และคนอ่านเกมขาดอย่างฟังจือหัน
อดทนรอไม่ไหวแล้ว!
วันที่นัดกินข้าวคือสองวันจากนี้ อวี๋กานกานเป็นคนเลือกวันเอง เพราะว่าเธอได้รับสายจากหลินจยาอวี่ว่าเธอยอมรับการรักษาแล้ว แต่ทว่าเธอหวังว่าอวี๋กานกานจะมารักษาให้เธอที่บ้าน
แม้ว่าจะยังไม่ยอมออกจากบ้าน แต่ยอมรับการรักษาแล้วก็ถือเป็นเรื่องดี อีกทั้งบ้านใหม่ของหลินจยาอวี่ก็อยู่แค่ข้างห้องของอวี๋กานกาน ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่ออวี๋กานกาน
อวี๋กานกานดีใจแทนประธานหลินและหลินฮูหยิน
หลินจยาอวี่เป็นเด็กผู้หญิงที่หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี แต่ก็เป็นเด็กที่มีจิตใจงดงามกตัญญูกตเวที
หลินจยาอวี่ถอดหน้ากากออก หลับตาปี๋ ท่าทางเหมือนกับผู้กล้าที่พลีชีพเพื่อความยุติธรรม อวี๋กานกานรู้สึกขบขันเป็นอย่างยิ่ง “ดีกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลย วางใจเถอะ ฉันจะทำให้คุณกลับมาสวยดังเดิม”
“จะ จริงเหรอ” หลินจยาอวี่ลืมตาขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“อือ”
เมื่อเห็นอวี๋กานกานหยิบเข็มเล็กเรียวและยาวออกมาจากกล่องอุปกรณ์ หลินจยาอวี่กลืนน้ำลายตามสัญชาตญาณ “คุณจะใช้สิ่งนี้ทิ่มลงบนหน้าฉันเหรอ”
เข็มที่อวี๋กานกานจะใช้กับหลินจยาอวี๋ไม่ใช่เข็มเงิน แต่เป็นเข็มทอง ความยาวสามชุ่น ด้านหนึ่งเรียวเล็กอีกด้านหนึ่งใหญ่ ด้านเรียวค่อนข้างยาวมีไว้ใช้ฝังลงบนร่างกาย
เธอหมุนเข็มจากก็ดีด เสียงเข็มสั่นดังหวึ่งๆ “เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่จะใช้เข็มเงิน หนึ่งเข็มต่อหนึ่งจุด เข็มทิ่มลงจุดฝังเพียงตื้นๆ เท่านั้น แต่…”
หลินจยาอวี๋พูดขัดขึ้นมา “ฉันเชื่อใจคุณ”
อวี๋กานกานยิ้ม “ดีค่ะ งั้นฉันจะเริ่มแล้วนะ คุณมีสมาธิอยู่กับการหลับตาก็พอ ไม่ต้องกลัว ริมฝีปากของคุณจะต้องกลับมาสมมาตรแน่ อีกทั้งการฝังเข็มจะไม่ทิ้งรูเข็มหรือรอยช้ำไว้บนหน้าสวยๆ ของคุณอย่างแน่นอน…”
น้ำเสียงอบอุ่นราวกับสายลมของหญิงสาว สีหน้าสงบนิ่งเป็นธรรมชาติ ทำให้หลินจยาอวี่รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมากในทันที
เธอค่อยๆ หลับตา แต่ก็ยังมีความกลัวอยู่บ้าง สองมือกำแน่น
อวี๋กานกานพูด “ผ่อนคลาย” มือจับใบหน้าหลินจยาอวี่กดลงไปเบาๆ สองสามครั้ง จากนั้นฝังเข็มลงไปที่จุดจย๋าเชอ[2] “รู้สึกยังไงบ้าง”
“เหมือนว่าจะเจ็บนิดหน่อย”
“เจ็บก็ดีแล้ว”
ตอนที่ฝังเข็มหากไม่มีความรู้สึกเจ็บ นั้นเท่ากับว่าอาการหนัก
มีความรู้สึกเจ็บตั้งแต่ฝังเข็มครั้งแรก เห็นได้ชัดว่าอาการไม่หนัก หรืออาจเป็นเพราะใบหน้าของหลินจยาอวี่อาจจะหายไวกว่าที่เธอคาดการไว้
——
[1] กินมังสวิรัติ หมายถึง คนที่ไม่ยอมให้ถูกกลั่นแกล้งได้ง่ายๆ คนที่เคี้ยวไม่ง่าย เปรียบประมาณว่า ฉันเป็นสัตว์กินเนื้อ ไม่ได้อ่อนแอเหมือนสัตว์กินพืช
[2] จย๋าเชอ เป็นจุดฝังเข็มบนใบหน้า จากมุมขากรรไกรเฉียงขึ้นไป 45 องศา ประมาณ 1 นิ้ว ใช้รักษาอาการปากเบี้ยว แก้มบวม ปวดฟัน ขากรรไกรค้าง