ตอนที่ 161 ฉันรู้แล้ว นายชอบฉัน
ในใจของฟังจือหันมีความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างเกิดขึ้น เขานั่งลงข้างๆ อวี๋กานกาน จากนั้นใช้แขนข้างหนึ่งโอบผ่านทางด้านหลัง ออกแรงเบาๆ ให้อวี๋กานกานซบลงมาตรงบริเวณหน้าอก จากนั้นยื่นแก้วนมไปตรงปากของเธอและเริ่มทำการป้อน
อวี๋กานกานยอมดื่มอย่างว่าง่าย เธอเลียคราบนมบริเวณมุมปาก จากนั้นถามด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจารย์คนสวย อาจารย์ไปไหนมา อาจารย์รู้ไหมว่าหนูถูกคนอื่นกลั่นแกล้ง พวกเขาอยากได้คลินิก เพื่อคลินิกนี้พวกเขาใช้วิธีการต่ำช้าทุกรูปแบบข่มเหงหนู คุณปู่บอกว่าให้อาจารย์คอยดูแลหนู อาจารย์เป็นพ่อของหนู ต้องห้ามให้ใครมารังแกหนูได้สิ แต่อาจารย์ดูตัวเองสิเป็นพ่อประสาอะไร ไปไหนก็ไม่โทรมาบอก เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่บอกสักคำ โชคดีที่หนูรู้ว่าคนนิสัยไม่ดีอายุยืนยาวพันๆ ปี ไม่งั้นหนูคงนึกว่าอาจารย์ตายไปแล้ว อาจารย์เป็นคนนิสัยไม่ดี แต่หนูรู้ว่าอาจารย์ไม่ได้เป็นคนเลว ฟังจือหันบอกว่าอาจารย์อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม หนูมั่นใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ตอนที่อาจารย์ยังเรียนอยู่ ลูกชายของอาสามเสวี่ยมักจะทะเลาะกับอาจารย์อยู่บ่อยๆ แต่พอเขาป่วยอาจารย์ก็ยอมช่วยรักษาเขา…”
อวี๋กานกานบ่นนั้นนู้นนี้ไม่จบสักที ในที่สุดฟังจือหันก็เอ่ยปากแทรกขึ้นมา “ดูให้ดี ผมไม่ใช่อาจารย์ของคุณ หลังจากนี้ห้ามเรียกผิดอีก” น้ำเสียงเย็นยะเยือก ราวกับน้ำค้างแข็งในช่วงนับเก้าเหมันต์
อวี๋กานกานกะพริบตาปริบๆ จากนั้นเอียงศีรษะเล็กน้อย “…ฟังจือหัน”
“อืม” ฟังจือหันยื่นมือออกมาบีบแก้มของเธอ ช่างเป็นบทลงโทษที่หวานแวว
“ฟังจือหันคือใคร”
“สามีของคุณ”
“โกหกฉันอีกแล้ว…” อวี๋กานกานพูดไปสะอึกไป ค่อนข้างทรมาน เธอเอื้อมมือขึ้นมาตบๆ บริเวณหน้าอกของตนเอง
ฟังจือหันเองก็ยื่นมือออกมาตบไปที่หลังของเธอเบาๆ ช่วยเธอเคลียร์ช่องหลอดลมจะได้รู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อย “คุณบอกว่าคุณจะดื่มแค่แก้วเดียวไม่ใช่เหรอ รู้ตัวหรือเปล่าว่าวันนี้ดื่มไปทั้งหมดกี่แก้ว”
อวี๋กานกานคลี่ยิ้มบางเบา กล่าว “ไอหยา นานครั้งๆ จะได้สังสรรค์ที ตอนแรกฉันก็กะจะดื่มแค่แก้วเดียว แต่ว่าไวน์ขวดนั้นหวานใช้ได้เลย รสชาติไม่เลวเลย เหมือนว่าจะดื่มเพิ่มไปอีกแก้ว”
น้ำเสียงของเธอนุ่มละมุนราวกับถูกแช่ไว้ในไวน์ ทั้งยังมีกลิ่นหอมของฟองอากาศและแอลกอฮอล์บริสุทธิ์จากไวน์ ชวนให้คนที่ไม่ได้ดื่มรู้สึกเมามายไปด้วย
ฟังจือหันบีบใบหน้ารูปไข่ของอวี๋กานกาน “โรคจิตน้อย เสพติดแฮลกอฮอล์เป็นโรคชนิดหนึ่ง จำเป็นต้องรักษา!”
“ฉันจะเป็นพวกขี้เหล้าได้ยังไง จริงๆ ฉันไม่ได้ชอบดื่มเครื่องดื่มแฮลกอฮอล์” อวี๋กานกานเซไปทางอีกฝั่ง ฟุบลงบนโซฟา จากนั้นสะอึก “อีกอย่าง ทำไมนายต้องเรียกฉันว่าโรคจิตน้อยด้วย ฉันโรคจิตตรงไหน…อึก…”
“ผมชอบ” ฟังจือหันจ้องมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง ตอนกลับสองพยางค์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นายชอบบ้าอะไร นายชอบอะไร…” อวี๋กานกานยื่นมือออกมาฟาดลงไปที่แขนของฟังจือหัน ทันใดนั้นเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ เธอชะงักค้างไปเล็กน้อย ก่อนจะตวัดดวงตากลมโต โน้มตัวไปด้านหน้าเข้าใกล้ฟังจือหันเล็กน้อย จ้องไปที่ใบหน้าของเขา มุมปากแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มขบขัน “ฉันรู้แล้ว ที่นายมาปรากฏตัวอยู่ข้างฉัน บอกว่าเป็นสามีของฉัน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนายชอบฉันใช่ไหม”
ฟังจือหัน “…”
อวี๋กานกานกะพริบตาให้เขาอีกครั้ง “นายเคยเจอฉันเมื่อนานมาแล้วใช่ไหม ตกหลุมรักฉันตั้งแต่แรกเห็นละสิ แต่ไม่กล้าพูด ได้แต่แอบชอบฉันอย่างลับๆ ชอบฉันจนถึงขั้นที่นายแทบจะทนไม่ไหวแล้ว พอรู้ว่าป้าสะใภ้ใหญ่ต้องการจะใช้แผนหาว่าฉันความจำเสื่อม นายก็เลยตัดสินใจใช้โอกาสนี้แทรกตัวเข้ามา ดังนั้นนายเลยเรียกตัวเองว่าเป็นสามีของฉัน”
นัยน์ตาล้ำลึกดำขลับของฟังจือหัน จ้องมองไปที่อวี๋กานกานตรงๆ ราวกับต้องการมองเธอให้ทะลุปรุโปร่ง มองเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตวิญญาณ
ตอนที่ 162 ช่วยคุณให้หยุดสะอึก
ดีกรีความเข้มข้นสูงของแอลกอฮอล์พิสูจน์ผ่านอาการเมาทั้งหมดของอวี๋กานกาน นัยน์ตาของเธอเลื่อนลอย จึงไม่สามารถสังเกตเห็นถึงแววตาลึกซึ้งของชายหนุ่ม
เธอหัวเราะเบาๆ ออกมาสองที “ถ้านายชอบฉันจริง ที่จริงสามารถจีบฉันแบบเปิดเผยตรงไปตรงมาได้นะ ไม่ควรใช้วิธีพิเรนทร์แบบนี้ พอฟื้นขึ้นมาจู่ๆ ก็มีสามีเพิ่มมาหนึ่งคน ทั้งยังดื้อด้านจะพักอยู่กับฉันให้ได้ และสิ่งที่น่ากลัวคือนายยังรู้รหัสเข้าห้องฉันอีก ขนาดฉันเปลี่ยนแล้วนายก็ยังรู้ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่านายรู้รหัสเข้าห้องฉันได้ยังไง นายต่างหากที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นเหมือนพวกโรคจิต”
พูดไปพูดมา จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นมาได้ “อึก~ เหมือนจะเข้าใจขึ้นมาหน่อยแล้ว เป็นเพราะนายมีนิสัยโรคจิตมากอยู่แล้วใช่ไหม ดังนั้นเลยเรียกฉันว่าโรคจิตน้อย จะได้รู้สึกสนิทสนมกับฉันขึ้นมาหน่อย”
ฟังจือหันยังคงสบตากับอวี๋กานกานด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไร้คลื่นอารมณ์ บรรยากาศสงบเงียบอย่างน่าประหลาด
อวี๋กานกานสะอึกอีกหนึ่งครั้ง กล่าวต่อ “แต่ฉันไม่ใช่คนโรคจิตนะ นายจะเรียกฉันแบบนี้ไม่ได้…อึก… ถือโอกาสนี้พูดกับนายให้ชัดเจนไปเลยก็แล้วกัน พวกเราทั้งคู่อยู่กันคนละโลก ฉันว่าพวกเรา…เออะ…อึก เออะ…”
อวี๋กานกานสะอึกอย่างต่อเนื่องอีกหลายครั้ง ชวนให้รู้สึกทุกข์ทรมาน เธอนวดคลึงบริเวณหน้าอก “อืม ทรมานจังเลย…”
เนื่องจากอาการเมา แก้มทั้งสองข้างของหญิงสาวขึ้นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มเผยอออกเล็กน้อย มองฟังจือหันด้วยสายตาล่องลอย ราวกับว่าไม่สามารถจับจุดโฟกัสได้
ฟังจือหันเก็บปอยผมที่บริเวณข้างแก้มของอวี๋กานกาน “…”
ที่แท้ตอนคุณเมาเหล้าชอบบ่นจู้จี้นี่เอง ดวงตาล้ำลึกจ้องมองไปทุกส่วนบนใบหน้าของอวี๋กานกาน สุดท้ายมาหยุดที่ริมฝีปากที่กำลังขมุบขมิบ โชคดีที่น้ำเสียงตอนเมาของเธอนุ่มละมุน จึงไม่ทำให้รู้สึกว่าน่ารำคาญ ในทางตรงข้ามกลับเหมือนเป็นกรงเล็บของแมวที่ทำให้หัวใจอ่อนระทวย
ฟังจือหันยื่นแขนออกไปโอบเอวของอวี๋กานกานไว้ จากนั้นออกแรงเพียงเล็กน้อย ร่างกายของอวี๋กานกานค่อยๆ โถมมาทางด้านหน้า ร่างกายทุกสัดส่วนซบลงบนร่างของฟังจือหันอย่างอ่อนปวกเปียก ร่างกายของทั้งสองแนบชิดติดกัน ท่วงท่าล่อแหลม บรรยากาศพลันตลบอบอวลไปด้วยความอบอุ่นละมุนละไม
อวี๋กานกานเหลือบสายตาขึ้นมองฟังจือหัน ใบหน้าจิ้มลิ้มเผยให้เห็นถึงสติที่เลื่อนลอย เสี้ยววินาทีเดียวหลังจากที่ฟังจือหันสบตากับเธอ เขาใช้นิ้วมือยาวประคองใบหน้าของอวี๋กานกาน จากนั้นโน้มตัวลงไปจูบลงบนริมฝีปากสีแดงสดอวบอิ่มทันที ราวกับว่ากาลเวลาถูกหยุดเอาไว้ แต่ท้องฟ้าผืนแผ่นดินและสรรพสิ่งยังคงเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา มวลบุปผาบานสะพรั่ง หิมะที่เกาะอยู่บนต้นสนมลายลงอย่างช้าๆ แสงแดดอบอุ่นที่สาดส่องผ่านมวลเมฆตกกระทบลงบนตัวของพวกเขา
หัวใจเต้นอย่างระส่ำระสาย ทั้งสับสนและไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดี…
ดวงตาที่หยาดเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ของอวี๋กานกานค่อยๆ เบิกโต มองหน้าฟังจือหันอย่างงุนงงเล็กน้อย ในตอนที่ฟังจือหันผละริมฝีปากออก เธอยังคงสะลึมสะลืออยู่ นิ้วมือแตะไปยังริมฝีปากที่เพิ่งถูกจุมพิตมาหมาดๆ “นายทำอะไร”
ชายหนุ่มโอบกอดเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา ร่างกายแนบชิดติดกัน ลมหายใจไม่สม่ำเสมอ กล่าว “ช่วยคุณให้หยุดสะอึก”
“หา?”
“ตอนนี้คุณไม่สะอึกแล้วนี่”
อวี๋กานกานนิ่งเงียบ ริมฝีปากขยับเล็กน้อยแต่กลับไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา เหมือนว่าจะหายจากอาการสะอึกแล้วจริงๆ
จูบกันสามารถช่วยให้หยุดสะอึกได้ด้วยเหรอ เมื่อนึกถึงข้อสงสัยข้อนี้ ในวินาทีถัดมาเธอก็สะอึกออกมาทันที “อึก~”
สะอึกอีกแล้ว…
คิ้วของอวี๋กานกานมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “คนหลอกลวง สะอึกอีกแล้ว”
“นั่นเป็นเพราะว่าได้รับการรักษาไม่พอ”
“หืม”
“เบาไป”
“…”
“ระยะเวลาก็สั้นไป”
ฟังจือหันประทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ไม่เหมือนครั้งก่อนที่แตะเพียงเบาๆ ดุจแมลงปอบินระน้ำ ครั้งนี้ทั้งอุกอาจและแข็งกร้าว เป็นจูบที่หนักหน่วงราวกับขุนพลที่จู่โจมเมืองเพื่อปล้นสะดม กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งอยู่ในช่องปาก ราวกับเป็นยาเสน่ห์ที่ดึงดูดให้จมดิ่งลงไป