ตอนที่ 173 จะทำให้คุณเรียกผมว่าสามีทั้งน้ำตา!
แววตาของตู้ซูเหนียนถมึงทึงอย่างฉับพลัน รู้สึกว่าบนศีรษะของตนเองถูกสวมไว้ด้วยหมวกเขียว
ผู้หญิงสำส่อนอย่างหลินจยาอวี่ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีแฟนมาแล้วหนึ่งคน เขาอุตส่าห์ไม่ถือสา เต็มใจยอมสวมรองเท้าขาดๆ ของเธอ[1] นึกไม่ถึงว่าหลินจยาอวี่จะยังกล้าจู๋จี๋ดู๋ดี๋กับผู้ชายคนอื่นอีก หากไม่ใช่เพราะฐานะของหลินฮูหยิน มีหรือที่ตระกูลตู้จะหมายตาหลินจยาอวี่
“หลินจยาอวี่เป็นคนดีมากนะคะ แต่แค่ใสซื่อไปหน่อย อีกอย่างพวกผู้ชายประเภทปีนกิ่งสูง[2] เอาอกเอาใจผู้หญิงเก่งจะตายไปค่ะ ไม่แปลกหรอกค่ะที่หลินจยาอวี่จะตกหลุมพราง อ้อยังมีอีกเรื่อง…”
เฉียวพั่นเอ๋อร์เหลือบไปมองสีหน้าอันย่ำแย่ของตู้ซูเหนียน ตัดสินใจเอาความอัดอั้นตันใจที่เพิ่งได้รับมาหมาดๆ โยนใส่ตู้ซูเหนียน จะดีมากถ้าตู้ซูเหนียนออกไปคิดบัญชีกับไอ้เวรฟังจือหันตั้งแต่ตอนนี้ ให้มันกระจ่างเสียบ้างว่าอะไรคือฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ “เหมือนว่าวันนี้ฉันจะเห็นผู้ชายคนนั้นที่งานเลี้ยงนี้ด้วยนะคะ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะกล้ามาปนอยู่ในงานนี้ด้วย คุณชายตู้ คุณควรจะสั่งสอนแมงดาที่เกาะผู้หญิงกินอย่างหมอนั้นสักหน่อยนะคะ ให้มันรู้แจ้งเห็นชัดว่ามันเหมาะแค่เป็นคนถือรองเท้าให้คุณชายเท่านั้น”
“ไอแมงดานั้นมันอยู่ที่ไหน”
“เหมือนว่าจะนั่งอยู่กับอวี๋กานกาน คนที่เป็นหมอรักษาหลินจยาอวี่น่ะค่ะ ตรงโซฟาทางห้องโถงฝั่งตะวันออก”
“มารดามัน ไอ้เวร กล้าดียังไงมาแย่งผู้หญิงกับข้า”
…
ชายหนุ่มรูปงาม หน้าตาหล่อเหลา มองอวี๋กานกานด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก “มีคนมาแย่งสามีของคุณ คุณไม่ไล่ผมไม่ถือ แต่ทำไมคุณถึงเอาแต่มองดูด้วยสีหน้าสนุกสนาน นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่”
อวี๋กานกานกัดขนมเข้าไปหนึ่งคำ “สำหรับนายฉันให้มากที่สุดคือสามีกำมะลอ”
ฟังจือหันโน้มตัวมาใกล้ๆ ใบหูของเธอ พูดข่มขู่ “เชื่อไหมว่าคืนนี้ผมจะทำให้คุณเรียกผมว่าสามีทั้งน้ำตา!”
ลมหายใจร้อนผ่าวรดลงตรงใบหูอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว อวี๋กานกานรู้สึกจั๊กจี้ หดตัวตามสัญชาตญาณ เมื่อตั้งสติได้แล้วเพิ่งจะตระหนักได้ว่าฟังจือหันพูดอะไรออกมา ใบหน้าของเธอแดงซ่าน มองค้อนใส่ฟังจือหันด้วยความขุ่นเคืองใจ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากว่าอะไร
ฟังจือหันลูบศีรษะของเธอ แววตาเจ้าเล่ห์มองไปยังด้านหน้า เอ่ยเสียงเรียบ “สายตาที่ผู้หญิงคนนั้นมองคุณมีแต่ความเกลียดชัง คราวหน้าพยายามอย่าไปคุยกับคนพรรค์นี้อีก”
ริมฝีปากของอวี๋กานกานงับช้อนเข้าไปเล็กน้อย พูดเสียงอู้อี้ “เอื่ออี้เหมือนว่าจะเป็นเพราะเสน่ห์อองอายอากอว่านะที่อึงอูดเขามา อายไม่สนใจเขา เขานั่นแหละจะมาหาเรื่องอั๋น”
“ถ้าไม่อยากให้มาวุ่นวายกับคุณ งั้นก่อนที่เขาจะเข้ามาหาเรื่องคุณ คุณก็ชิงถีบเขาให้กระเด็นไปซะเลย”
“แล้วทำไมฉันต้องถีบ ทำไมนายไม่ถีบเองเล่า”
“เขาเป็นผู้หญิง” ผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาจะลงมือได้อย่างไร
อวี๋กานกานกำลังกินขนม เธอพยายามกลั้นขำ เขากำลังจะบอกว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษ? หรือชายชาตรีอกสามศอก?
ขนมเลอะอยู่ตรงบริเวณมุมปากเล็กน้อย อวี๋กานกานแลบลิ้นออกมาเลียเบาๆ จากนั้นเม้มริมฝีปากอันสวยสดอวบอิ่ม ก่อนจะรับประทานต่อ งานเลี้ยงค่อนข้างน่าเบื่อ แต่ขนมอร่อยมากจริงๆ อวี๋กานกานกินเข้าไปอีกคำ พร่ำพรรณนาถึงความเอร็ดอร่อย ในตอนที่กลืนลงไปยังไม่วายหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
นัยน์ตาล้ำลึกของฟังจือหันจ้องมองอวี๋กานกาน ก็แค่ขนมชนิดหนึ่ง แต่เธอกลับทำเหมือนกำลังได้กินอาหารอะไรสักอย่างที่มีรสชาติล้ำเลิศที่สุดในโลกมนุษย์ ทำให้รู้สึกถึงความหวานหอมที่ไม่สามารถพรรณนาออกมาได้ ท่าทีที่เอร็ดอร่อยแบบนั้น ชวนให้อดใจไม่ไหวอยากลองชิมดูบ้าง
ในตอนที่อวี๋กานกานจิ้มขนมเตรียมกำลังจะใส่เข้าปาก จู่ๆ ฟังจือหันก็พูดกับเธอว่า “ดูทางนู้นสิ”
อวี๋กานกานหันไปทางด้านซ้ายตามที่ฟังจือหันบอก แต่กลับไม่เห็นอะไร ในขณะที่กำลังสงสัยและไม่เข้าใจ ฟังจือหันจับมือของเธอ ส่งขนมเข้าปากของตนเองแล้วกลืนลงไป
อวี๋กานกาน “…”
——
[1] รองเท้าขาด อุปมาถึง ผู้หญิงหรือผู้ชายที่ประพฤติตัวไม่ดี
[2] ปีนกิ่งสูง หมายถึง คบหากับคนที่ฐานะทางสังคมสูงกว่าตน
ตอนที่ 174 เธอกำลังตั้งครรภ์!
อวี๋กานกานวางจานขนมในมือลง จากนั้นก็วิ่งหนีออกมาทันที มือแตะใบหน้าจิ้มลิ้มที่ค่อนข้างร้อนผ่าวของตนเอง ต้องโทษฟังจือหันคนเดียว ทำไมถึงต้องกินขนมของเธอโดยใช้ส้อมอันเดียวกันด้วย รู้หรือเปล่าว่านี่เป็นการจูบทางอ้อม!
ผู้ชายคนนี้ชอบทำอะไรมีเลศนัย ทั้งยังเหมือนมีประสบการณ์มาแล้วโชกโชน ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีแบบนี้จีบหญิงมาแล้วกี่ราย
อวี๋กานกานสติเตลิดเปิดเปิงเป็นที่เรียบร้อย เธอวิ่งไปหาหลินจยาอวี่ ถาม “ประธานหลินอยู่ที่ไหนเหรอ”
“คุณพ่ออยู่ห้องรับรองน่ะ” หลินจยาอวี่เห็นตู้ซูเหนียนกำลังเดินมา เธออยากจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขา จึงพาอวี๋กานกานไปหาหลินกั๋วเฟิงที่ห้องรับรอง “เธอตามหาพ่อของฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ขอบคุณเขาที่มอบของขวัญเป็นนามบัตรล้ำค่าให้ฉันกล่องหนึ่ง”
“…”
ภายในห้องรับรอง ประธานตู้ปลีกตัวออกไปแล้ว เมื่อหลินกั๋วเฟิงเห็นหน้าหลินจยาอวี่เขาก็เอ่ยปากหวังจะอบรมสั่งสอนทันที “จยาอวี่ ลูก…” ทำไมไม่ปฏิเสธให้มันอ้อมค้อมกว่านี้สักหน่อย ถ้าลูกนิสัยยังเป็นแบบนี้ อนาคตมันจะไม่เป็นผลดีต่อลูกนะ หลินกั๋วเฟิงเตรียมจะกล่าวตักเตือนด้วยความหนักใจ แต่เมื่อเห็นอวี๋กานกานเดินตามหลังหลินจยาอวี่เข้ามา เขาก็รีบหยุดกลางคั่นทันที คลี่ยิ้ม “คุณหมออวี๋”
อวี่กานกานคลี่ยิ้มบางๆ กล่าว “ประธานหลินเรียกหนูว่ากานกานเถอะค่ะ หนูกับจยาอวี่ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้ว ประธานหลินอย่าเรียกหนูเป็นทางการอย่างงั้นเลยค่ะ”
หลินกั๋วเฟิงยิ้มแป้น “ได้สิ งั้นหนูก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าประธานหลินแล้ว จะเรียกลุงหรืออาก็ได้ แล้วแต่หนูเลย”
“ค่ะ คุณลุงหลิน ขอบคุณสำหรับของขวัญนะคะ หนูชอบมาก วันนี้เป็นวันเกิดของคุณลุง หนูเตรียมของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณลุงไว้อย่างหนึ่ง หวังว่าคุณลุงจะชอบ”
อวี๋กานกานหยิบขวดกระเบื้องเคลือบออกมาหนึ่งขวดมอบให้หลินกั๋วเฟิง เธอเคยตรวจชีพจรให้หลินกั๋วเฟิงมาก่อน พบว่าความดันโลหิตของเขาสูงมาก นี่เป็นของขวัญที่เธอทำขึ้นมาเองหลังจากที่ได้รับจดหมายเชิญ “นี่เป็นยาลูกกลอนบำรุงร่างกายที่หนูปรุงขึ้นเพื่อสุขภาพร่างกายของคุณลุงโดยเฉพาะ สามารถสงบตับลดความดัน บำรุงเส้นเอ็นและกระดูก ปรับสมดุลร่างกาย”
หลินกั๋วเฟิงรู้สึกแปลกใจและดีใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่พิธีรีตอง ยื่นมือออกมารับของขวัญทันที “ขอบคุณหนูมากนะ หนูกานกาน”
อวี๋กานกานเกาศีรษะอย่างเหนียมอาย “หนูเป็นหมอ ทำได้แค่มอบยาเนี่ยแหละค่ะ หวังว่าคุณลุงจะไม่ถือสา”
“ไม่เลย ไม่เลย นี่มันยาธรรมดาๆ ซะที่ไหนกันละ นี่คือยาวิเศษเชียวนะ!” หลินกั๋วเฟิงรับมาด้วยความเต็มใจ จากนั้นหันไปพูดกับหลินจยาอวี่ “จยาอวี่ หลังงานเลี้ยงเลิก พากานกานไปนั่งเล่นที่บ้านเราให้ได้นะ”
“ค่ะ พ่อ”
วันนี้หลินกั๋วเฟิงเป็นเจ้าภาพผู้เฒ่าอายุยืน จะมัวเอาแต่อยู่ในห้องรับรองตลอดไม่ได้ เขาให้หลินจยาอวี่คอยดูแลอวี๋กานกาน จากนั้นตนเองก็ปลีกตัวออกไป
อวี๋กานกานรู้สึกอิจฉาหลินจยาอวี่เป็นอย่างมากที่มีพ่อที่น่ารักแบบนี้
สีหน้าของหลินจยาอวี่เฉยชาไร้อารมณ์ ถามอวี๋กานกาน “ฉันหายดีแล้วจริงเหรอ”
อวี๋กานกานพยักหน้า “ที่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หายดี เพราะเธอรู้สึกว่ายิ้มไม่ออกใช่ไหม ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเธอยิ้มไม่ออกนะ แต่เป็นตัวเธอเองต่างหากที่ไม่อยากยิ้ม…”
หลินจยาอวี่ส่ายศีรษะ กล่าว “ไม่ใช่เรื่องยิ้ม คือ…ช่วงนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยอยากอาหารเลย”
อวี๋กานกานประหลาดใจ โรคใบหน้าพิการไม่ว่าจะรักษาอย่างไร ยังไงก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหาร เธอยื่นนิ้วมือไปตรงจุดชีพจรบนแขนของหลินจยาอวี่เพื่อตรวจอาการให้เธอทันที เมื่อตรวจไปได้ครู่หนึ่งแล้ว สายตาของอวี๋กานกานมองหน้าหลินจยาอวี่อย่างตกตะลึง ร่างกายของเธอแข็งทื่อไปทั้งตัว
หลินจยาอวี่เห็นสีหน้าที่ตึงเครียดของอวี๋กานกาน ผนวกกับการที่อวี๋กานกานเปลี่ยนไปตรวจชีพจรเพิ่มที่แขนอีกข้าง ทำให้บังเกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างฉับพลัน “มีอะไรเหรอ”
อวี๋กานกานตรวจชีพจรให้เธอทั้งแขนข้างซ้ายและขวา ระยะเวลาในการตรวจก็นานมาก ตรวจนานกว่าตอนครั้งแรกที่เจอเธอเสียอีก นานจนหลินจยาอวี่เองก็เริ่มเป็นกังวล ในที่สุดเสียงของอวี๋กานกานก็ดังขึ้น “เธอกำลังตั้งครรภ์!”