ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 179 ฝันในวสันตฤดู ไม่เหลือรอยอยู่ให้อาวรณ์ / ตอนที่ 180 นี่คือกลอุบายของพวกผู้ชาย

ตอนที่ 179 ฝันในวสันตฤดู ไม่เหลือรอยอยู่ให้อาวรณ์[1]

 

 

นัยน์ตาคู่สวยสีดำสนิทลึกล้ำของฟังจือหัน แฝงไว้ด้วยความรู้สึกขบขัน เขาปลดเข็มขัดนิรภัยของตนออกก่อน จากนั้นจึงโน้มตัวไปช่วยอวี๋กานกาน กลิ่นฟีโรโมนรุนแรงล้อมรอบไปทั่วทั้งตัวของเธออย่างฉับพลัน หลังจากที่ฟังจือหันช่วยเธอปลดเข็มขัดนิรภัยแล้ว เขาเอียงศีรษะเหลือบมามองเธอเล็กน้อย

 

 

ท่วงท่านี้ทำให้ลมหายใจของทั้งคู่สอดประสานรวมเป็นหนึ่ง เพียงขยับเข้าใกล้อีกนิดเดียวริมฝีปากก็จะชนกัน อวี๋กานกานใจเต้นโครมคราม ทั่วทั้งร่างกายสั่นไหวราวกับถูกไฟฟ้าดูด ทั้งเขินและอาย ทันใดนั้นเองจู่ๆ ก็มีภาพเหตุการณ์คลับคล้ายคลับคลาปรากฏขึ้นอยู่ในหัว ราวกับว่ามีสายฟ้าจากท้องนภาฟาดเปรี้ยงลงมาตรงกลางหัวใจของอวี๋กานกาน อวี๋กานกานแข็งทื่อไปทั่วทั้งตัว สติหลุดลอย นิ่งค้างอยู่ในท่าเดิมไม่กระดิกกระเดี้ยไปไหน จนกระทั่งได้ยินเสียงปิดประตูรถทางฝั่งฟังจือหัน เธอถึงสะดุ้งหลุดออกจากห้วงภวังค์

 

 

หลังจากที่ลงจากรถยนต์แล้วเธอก็ไม่กล้าสบตาฟังจือหันตลอดทั้งทางเดิน เธอทั้งรู้สึกอึดอัดและประหม่าเป็นอย่างมาก หลังจากที่เธอเข้าไปในห้องนอนของตัวเองแล้ว จู่ๆ เธอก็ยกมือขึ้นมาอุดปากพร้อมกับเบิกตาโตด้วยความตื่นตกใจ งานเลี้ยงคืนนั้นที่เธอดื่มจนเมา เหมือนว่าเธอจะจูบกับฟังจือหัน อวี๋กานกานค่อนข้างกระวนกระวาย หรือว่าพอเธอเมา เธอจะมีอาการประหลาดไล่จูบคนอื่น? ก่อนหน้านี้เธอเองก็ไม่เคยเมาเสียด้วย ไม่รู้ว่าหลังจากที่เมาแล้วจะมีพฤติกรรมอะไรประหลาดๆ หรือเปล่า

 

 

พระเจ้าช่วย!

 

 

หากเธอเมาแล้วเป็นฝ่ายเริ่มจูบฟังจือหันก่อน เธอได้เอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ แน่ อวี๋กานกานนอนหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืน เธอฝันวสันตฤดู ในความฝันมีแต่ฟังจือหันเต็มไปหมด เธอฝันว่าพวกเขากำลังพูดคุย เดินเล่น ดูหนัง ไม่ว่าจะฉากไหนๆ ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร ตอนสุดท้ายของทุกฉากล้วนจบลงที่พวกเขาจูบกัน

 

 

เมื่อตื่นขึ้นจากความฝัน อวี๋กานกานรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว สัมผัสของเนื้อแนบเนื้อ ตลอดจนกระทั่งเสียงเต้นหัวใจของกันและกันในตอนที่พวกเขากอดกัน แม้ว่าจะเลือนราง ราวกับไม่ใช่เรื่องจริง แต่ความรู้สึกนี้เมื่อนึกย้อนกลับไป กลับยังคงเร่าร้อน อบอุ่นและนุ่มละมุน

 

 

อวี๋กานกานรู้สึกว่าตัวเองต้องป่วยแล้วแน่ๆ เธอเป็นหมอ เธอรู้ดีว่าเวลานี้ควรจะหาใครสักคนมาคุยเป็นเพื่อน และตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือซ่งฉาไป๋

 

 

เธอไม่กล้าที่จะบอกซ่งฉาไป๋ไปตรงๆ ว่าเธอดื่มจนเมาแล้วเหมือนว่าจะจูบกับฟังจือหัน ในตอนที่เล่าให้ซ่งฉาไป๋ฟังจึงบอกแค่ว่าดื่มจนเมา หลังจากนั้นก็ฝันวสันตฤดู ในฝันได้จูบกับฟังจือหัน           

 

 

 ซ่งฉาไป๋ส่งเสียงดัง ‘โอ้ว’ ท่าทางตื่นเต้นราวกับอวี๋กานกานได้หลับนอนกับชายหนุ่มรูปงาม

 

 

อวี๋กานกานจิกกัดซ่งฉาไป๋ผ่านทางโทรศัพท์ “ให้มันน้อยหน่อยเถอะ ก็แค่ความฝัน เธอก็เวอร์ซะ”

 

 

ซ่งฉาไป๋หัวเราะชอบใจ ถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “ในฝันนอกจากจูบแล้ว พวกเธอได้ทำอะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่า อย่างเช่นอากาศร้อนเกินไปถอดซงถอดเสื้อ จากนั้นก็ตับ ตับ ตับ ป้าบ ป้าบ ป้าบ…”

 

 

อวี๋กานกานรีบพูดขัดความคิดอันหื่นกามของซ่งฉาไป๋ “ไม่มี แค่จูบกันแป๊บเดียวเท่านั้น”

 

 

ซ่งฉาไป๋ถามต่อ “แล้วเขาจูบเก่งไหม สามารถทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับกำลังล่องลอยเข้าไปอยู่ท่ามกลางหมู่มวลก้อนเมฆได้หรือเปล่า”

 

 

เหมือนว่าในความฝันจะมีความรู้สึกแบบนั้นอยู่ อย่างไรเสียนั้นก็เป็นเพียงแค่ความฝัน คืนนั้นที่เมาอวี๋กานกานจำได้อย่างเลือนรางว่าเธอโอบคอของฟังจือหัน จากนั้นริมฝีปากของพวกเขาทั้งคู่สัมผัสกัน ส่วนเรื่องรู้สึกอย่างไร เธอจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

 

 

อวี๋กานกานกระแอมออกมาเบาๆ กล่าว “เธอคิดอะไรบ้าอะไรอยู่เนี่ย แค่ความฝัน จะไปมีความรู้สึกอะไรได้ ต้องเป็นเพราะฟังจือหันชอบหยอด ชอบหยอกล้อฉันบ่อยแน่ๆ ทำให้ฉันเก็บไปคิดมาก”

 

 

 

 

——

 

 

[1] ฝันในวสันตฤดู ไม่เหลือรอยอยู่ให้อาวรณ์ หมายถึง ความฝันอันสวยงามมักสั้นและผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ อุปมาถึง ทุกสรรพสิ่งล้วนอนิจจัง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 180 นี่คือกลอุบายของพวกผู้ชาย

 

 

มุมปากของซ่งฉาไป๋คว่ำลง พยายามกลั้นไม่ให้เสียงหัวเราะหลุดเล็ดลอดออกมา “จะมีแค่จูบได้ยังไง จูบแค่ทีเดียวนับว่าเป็นฝันวสันตฤดูได้ที่ไหนกัน น่าเสียดายจริงจริ๊ง พูดได้แค่ว่าฟังจือหันยังยั่วยวนเธอไม่มากพอ”

 

 

อวี๋กานกานทอนหายใจยาวเหยียด น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยคำเตือนอันตราย “ซ่งฉาไป๋ เธอควรจะดีใจนะที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ตรงหน้าฉัน ไม่อย่างนั้นเธออาจจะได้เรียกรถพยาบาล”

 

 

ซ่งฉาไป๋รีบร้องขอชีวิต “กานกานของฉัน ตั้งแต่ที่เธอมีสามี ฉันสังเกตเห็นว่าเธอโหดขึ้นเยอะเลยนะ ผู้หญิงที่มีแฟนหนุ่มคอยหนุนหลังให้เนี่ยแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไปจริงๆ”

 

 

น้ำอันเจ็บใจของซ่งฉาไป๋ ทำให้อวี๋กานกานเกือบหลุดหัวเราะออกมา อวี๋กานกานพูดแซว “ฉันว่านะเธอคงของขาดจริงๆ นั่นแหละ ต้องหาใครสักคนมาช่วยระบายหน่อยแล้ว!”

 

 

ซ่งฉาไป๋หัวเราะร่า “ถ้าพูดถึงเรื่องของขาดละก็ฉันว่าน่าจะเป็นเธอมากกว่า ดูเธอตอนนี้สิอดอยากปากแห้งจนเก็บไปฝันเป็นตุเป็นตะ”

 

 

“ซ่งฉาไป๋เธอเชื่อไหมว่าฉันจะโบกรถแท็กซี่ไปหาเธอเดี๋ยวนี้ ฉันจะทำให้เธอนอนโรงพยาบาลไปสักครึ่งเดือน…”

 

 

ฟังจือหันเป็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง รูปร่างสัดส่วนก็สุดยอด เรียกได้ว่าหล่อสะเทือนไปทั้งสามภพ โดนผู้ชายที่มีลักษณะแบบนี้หยอดใส่ทุกวัน เธอแค่เก็บเอาไปฝัน นับได้ว่าเธอทั้งหนักแน่นและมีสติสุดๆ แล้ว

 

 

“โอเค ฉันตัวคนเดียว ฉันสู้พวกเธอสองสามีภรรยาไม่ได้”

 

 

“ฉันกับเขาเราไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ” สายตาของอวี๋กานกานกลอกไปมาอย่างเคอะเขิน “เขาบอกว่าเขาเป็นสามีของฉัน แต่ไม่ได้บอกว่าชอบฉันสักหน่อย”

 

 

“นี่เขาเรียกว่ากลอุบายรู้หรือเปล่า ผู้ชายจีบผู้หญิงชอบใช้อุบายหลอกให้ตายใจแล้วค่อยเผด็จศึก อันดับแรกหยอดมุกให้รู้สึกคันหยุบหยิบทั้งหัวใจ จากนั้นน้ำมาคลองเกิด[1] แล้วค่อยรวบหัวรวบหางทีเดียว” ซ่งฉาไป๋วิเคราะห์ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเป็นมืออาชีพ ประหนึ่งเชอร์ล็อกโฮมส์

 

 

อวี๋กานกานฟังแล้ว รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้

 

 

ซ่งฉาไป๋หัวเราะชอบใจ “ถ้าเป็นฉันละก็ ฉันจะซ้อนแผน”

 

 

“พรื่ด!” อวี๋กานกานหลุดขำออกมา “หากเปลี่ยนเป็นเธอ เธอคงได้เสียกับเขาไปเรียบร้อยแล้ว แถมยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เสียเปรียบอะไรอีกต่างหากใช่ไหมล่ะ”

 

 

อวี๋กานกานรู้ดีว่าซ่งฉาไป๋ก็แค่ชอบพูดจาลามก แต่ความจริงขี้ขลาดจะตายไป หาผู้ชายให้สักคน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหลับนอน แค่มองหน้ายังไม่กล้ามองด้วยซ้ำ

 

 

ซ่งฉาไป๋หัวเราะเหอะๆ “เธอก็ไม่ได้ต่างอะไรจากฉันนักหรอก ดูสิ เธอฝันวสันตฤดู ต้องรู้ตัวแล้วนะว่าถ้าฝันถึงฉากจูบกัน นั่นหมายถึงความรัก ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน เธอฝันว่าจูบกับฟังจือหัน นั่นก็หมายความว่าเธอชอบเขาเข้าให้แล้ว”

 

 

แก้มของอวี๋กานกานร้อนผ่าว รีบปฏิเสธทันควัน “จะเป็นไปได้ได้ยังไง เธออย่ามาพูดจาเหลวไหลไปหน่อยเลย ฉันจะไปชอบหมอนั้นได้ไง ตอนแรกฉันเหม็นหน้าหมอนั้นจะตายไป แต่เขาช่วยฉันไว้ไม่น้อย ตอนนี้นับได้ว่าฉันเห็นเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง”

 

 

ซ่งฉาไป๋ถาม “เพื่อน? เธอมีเพื่อนเยอะแยะไปหมด แต่ทำไมคนในฝันวสันตฤดูถึงเป็นฟังจือหัน ทำไมไม่เป็นคนเพื่อนคนอื่นๆ”

 

 

“นั้นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ฉันดื่มจนเมา แล้วเผลอไปจูบเขา…” เมื่อตระหนักได้ถึงว่าตนเองได้พูดอะไรออกไป อวี๋กานกานรีบปิดปากของตนเองทันที แต่ทว่าก็สายไปเสียแล้ว

 

 

ซ่งฉาไป๋กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ “อะไรนะ ที่แท้ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นเธอกับฟังจือหันจูบกันแล้วจริงๆ ยัยปลาเค็ม กล้าโกหกฉันเหรอ”

 

 

อวี๋กานกานอธิบาย “เอ่อคือ…คือก่อนหน้านี้ฉันยังจำเรื่องนี้ไม่ได้ เพิ่งจะนึกออกเมื่อคืนเอง หลังจากที่นึกออกแล้วฉันก็ไม่แน่ใจเลยว่าตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มก่อนหรือเปล่า ฉันดื่มหนักไปหน่อย จากนั้นพอตกดึกฉันก็ฝันเห็นตัวเองจูบกับหมอนั้น ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

 

 

ซ่งฉาไป๋นิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างฉับพลัน เธอหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จนน้ำหูน้ำตาแทบจะไหลออกมา

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] น้ำมาคลองเกิด อุปมาถึง เมื่อเงื่อนไขต่างๆ สุกงอม เรื่องต่างๆ ก็จะบรรลุผลสำเร็จ 

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset