ตอนที่ 191 คนผีทะเล หยอดเธออีกแล้ว
ฟังจือหันพูดช้าๆ ค่อยๆ ย่างเท้าเข้าใกล้อวี๋กานกานทีละก้าว บีบจนอวี๋กานกานไม่เหลือที่ให้ถอยต่อไปได้อีก จากนั้นเอียงศีรษะ ริมฝีปากแนบชิดกับใบหู ทั้งยังจงใจถูไถไปมา
อวี๋กานกานสั่นสะท้าน กัดปากอย่างไม่รู้ตัว หัวใจของเธอสั่นระรัวอย่างบ้าคลั่ง เธอข่มความเขินอายไว้ในใจ ออกแรงผลักฟังจือหัน ตวาดลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว “ฉันไม่อยากจะคุยกับนายแล้ว…” จากนั้นรีบเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ปิดประตู อวี๋กานกานตบหน้าอกออกตนเอง ครุ่นคิดด้วยใบหน้าที่แดงแจ๋และหัวใจที่สั่นไหว หมอนี่หยอดเธออีกแล้ว แต่ว่าเขาก็หล่อจริงๆ นั่นแหละ
“คุณหมออวี๋ตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ” ผู้อำนวยการเดินเข้ามาถามอวี๋กานกานด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มจนตาหยี
อวี๋กานกานเก็บอาการ ตอบกลับอย่างปกติ “ตรวจเสร็จแล้วค่ะ” เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเองคิดเมื่อครู่นี้ เธอมีความรู้สึกเหมือนกับกำลังทำเรื่องไม่ดีแล้วถูกคนอื่นจับได้ เธอเพิ่มระดับเสียงขึ้น พูดเน้น “ป่วยหนักด้วยค่ะ วิชาแพทย์ของฉันไม่สามารถรักษาเขาได้ ผู้อำนวยการหาหมอท่านอื่นมาลองตรวจดูดีกว่าค่ะ”
พูดจบทิ้งไว้เพียงผู้อำนวยที่ช็อกไปเรียบร้อย “…”
…
ระหว่างทางที่อวี๋กานกานเดินกลับหอพัก เธอพบกับซูจิ่วซานและแพทย์อีกสองคน นั่นคือเซียวเสี่ยวอิงและซย่าเฉิงโจว อวี๋กานกานเห็นว่าพวกเขาทั้งสามล้วนมีสีหน้าเย็นชา ไม่มีทีท่าว่าจะทักทาย ถ้างั้นเธอก็จะถือว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้าเช่นกัน จึงเดินเฉียดไหล่ผ่านไปเฉยๆ
เซียวเสี่ยวอิงและซูจิ่วซานพวกเขาสองคนสนิทสนมกันมาก เธอจ้องมองแผ่นหลังของอวี๋กานกาน พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ยัยอวี๋กานกานนี่มีแบ็คอัพจริงๆ ด้วย ยังวัยรุ่นอยู่กลับได้มาเข้าร่วมงานสัมมนาระดับผู้อาวุโส ทั้งยังไปนั่งข้างสปอนเซอร์ เป็นจิ้งจอกสาวเจ้าเล่ห์ไม่ผิดแน่ หลังงานจบยังออกไปกับผู้อำนวยการอีก ตกลงยัยนั่นมาศึกษาหาความรู้หรือมาอ่อยผู้ชายกันแน่”
“เขาอาจจะมีพรสวรรค์จริงๆ ก็ได้นะ” ซูจิ่วซานพูดพร้อมกับคลี่ยิ้มบาง ดูกิริยามารยาทงดงาม ทั้งยังหันหน้าไปมองซย่าเฉิงโจวที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยปากถามอย่างมีมารยาท “รุ่นพี่ซย่า พี่ว่าจริงไหมคะ”
ซย่าเฉิงโจวเป็นคนที่มีนิสัยอบอุ่น กิริยามารยาทสง่างาม เป็นแพทย์หนุ่มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตั้งแต่อายุยังน้อยของปีนี้
เซียวเสี่ยวอิงหัวเราะเสียงเย็นแทรกขึ้นมา “เหอะ มีพรสวรรค์อะไรกัน ฉันไปได้ยินมาว่า ยัยนั่นเป็นลูกคนรวย ยัดเงินใต้โต๊ะซื้อสิทธิ์เข้าร่วมการสัมมนา เธอรู้อะไรไหม นามบัตรที่ยัยนั่นแจกเป็นทองเลี่ยมด้วยกรอบหยก กลัวคนอื่นเขาไม่รู้มั้งว่าตัวเองรวย ทำกับยังกับพวกถูกหวยรวยข้ามคืน อีกอย่างจิ่วซาน เธอใจดีเกินไปแล้วนะ เมื่อกี้ยัยนั่นทั้งไร้เหตุผล ทั้งไม่ไว้หน้าเธอ เธอกลับไม่โกรธ…”
ซูจิ่วซานฟังแล้วรู้สึกสะใจอยู่ในอก เธอหลุบสายตาลงต่ำ นัยน์ตาฉายประกายแสงเย็นยะเยือก ทันใดนั้นหางตาของเธอเหลือบไปเห็นว่าซย่าเฉิงโจวมีสีหน้าตึงเครียด นี่เป็นชายหนุ่มที่เธอชอบ ชายหนุ่มที่ติดตามมาโดยตลอด เธอรู้ดีว่าเขาไม่ชอบฟังการนินทาคนอื่นลับหลัง ซูจิ่วซานไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของตัวเองพังทลายลง รีบปรามเซียวเสี่ยวอิง “เสี่ยวอิง พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว นี่เป็นงานดีเบตเรื่องวิชาการ ย่อมต้องมีความเห็นที่แตกต่างออกไปอยู่แล้ว”
เซียวเสี่ยวอิงยังอยากจะพูดอะไรต่ออีก แต่ครั้งนี้ถูกซย่าเฉิงโจวชิงชิงพูดขึ้นมาก่อน “ขอโทษนะครับ พอดีผมยังมีเรื่องต้องไปจัดการ ขอตัวก่อนนะครับ”
ซูจิ่วซานยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับซย่าเฉิงโจว “ค่ะ เดินทางดีๆ นะคะรุ่นพี่ซย่า”
รุ่นพี่ซย่าไม่พอใจเพราะนินทาคนอื่นลับหลังหรือเปล่า ซูจิ่วซานรู้สึกไม่สบายใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมา รอยยิ้มยังคงไว้ซึ่งความงดงาม แต่นัยน์ตากลับแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นอย่างควบคุมไม่ได้
เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะนังเด็กเส้นอวี๋กานกานนั่น! เธอจะทำให้อวี๋กานกานสำนึกให้ได้ว่าวงการแพทย์ไม่ต้องใช้การยั่วยวนผู้ชายหรืออาศัยเส้นสายเพื่อไต่เต้า แพทย์ทุกคนล้วนต้องใช้ความสามารถในการพิสูจน์ตนเอง!
ตอนที่ 192 ปลาเค็มน้อยถูกทับจนจะแบนแต๊ดแต๋อยู่แล้ว
หิมะสีขาวบริสุทธิ์ราวกับขนนกและปุยของเมล็ดหลิวโปรยปรายลงสู่พื้นดินประหนึ่งดอกสาลี่ ทัศนียภาพอันสวยสดงดงามของปักกิ่งทุกส่วนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว อวี๋กานกานไม่ชอบหิมะ เธอไม่อยากออกจากบ้านในวันที่หิมะตก แต่ถ้าหิมะตกต่อเนื่องแบบนี้ เธอก็ไม่สามารถจะเก็บตัวเอาแต่อยู่ในห้องได้
แพทย์ที่อาศัยอยู่ในเมืองปักกิ่งส่วนใหญ่ล้วนกลับบ้านของตนเอง ห้องพักจึงเงียบสงัด ส่วนแพทย์ที่มาจากเมืองอื่นๆ ก็ต่างนัดเพื่อนฝูงออกไปสังสรรค์ อวี๋กานกานเองก็นัดรุ่นพี่ไว้เช่นกัน
เมื่อพวกเขารู้ว่าเธอจะมาปักกิ่งก็ได้เตรียมการนัดแนะไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าจะเลี้ยงต้อนรับเธอ ตอนที่อวี๋กานกานออกจากหอพัก เธอบังเอิญเจอหวังไอ้เจินและซย่าเฉิงโจว เหมือนว่าทั้งคู่เองก็นัดไปเจอใครสักคนเช่นกัน หวังไอ้เจินแนะนำซย่าเฉิงโจวให้อวี๋กานกานรู้จัก เธอเพิ่งรู้ว่าที่แท้ซย่าเฉิงโจวก็เป็นแพทย์อยู่เมืองไป๋หยางเหมือนกันกับพวกเธอ
แพทย์สองคนที่ผู้อำนวยการเฉินเป็นคนแนะนำให้มาร่วมงานสัมมนาก็คือหวังไอ้เจินและซย่าเฉิงโจวนี่เอง อวี๋กานกานยิ้มและกล่าวทักทายอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท “สวัสดีค่ะ คุณหมอซย่า”
ซย่าเฉิงโจวมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบกลับโดยที่ไม่กล่าวอะไรสักคำ มีแต่หวังไอ้เจินที่พูดคุยกับเธอ อวี๋กานกานจับสังเกตได้ว่าซย่าเฉิงโจวดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเธอเท่าไรนัก
อวี๋กานกานจำไม่ได้ว่าตัวเองกับซย่าเฉิงโจวเคยเจอกันมาก่อนไหม ครั้งแรกและครั้งเดียวที่จำได้คือหลังจบงานสัมมนาเมื่อวานตอนบ่าย เธอบังเอิญเจอเขาและซูจิ่วซานอยู่ด้วยกัน
แม้ว่าซย่าเฉิงโจวจะไม่ได้เป็นผู้ชายประเภทหน้าตาดีสมบูรณ์แบบ แต่เขาก็มีหน้าผากที่นูนสวย จมูกโด่งเป็นสัน รูปร่างสูงใหญ่ ดูแล้วมาดแมนสมชายชาตรี
หากงานสัมมนาครั้งนี้ไม่มีอวี๋กานกาน ในบรรดาแพทย์หญิงทั้งหมด ซูจิ่วซานจะเป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุด ราศีจับ เพียบพร้อมทั้งด้านความสามารถและรูปลักษณ์ และในบรรดาแพทย์ชาย ซย่าเฉิงโจวจะเป็นแพทย์หนุ่มอายุน้อยที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุด มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ หนักแน่นมั่นคง
หรือว่าซย่าเฉิงโจวจะเป็นแฟนของซูจิ่วซาน? ถ้าเป็นแบบนั้น การที่ซย่าเฉิงโจวไม่ชอบขี้หน้าเธอก็ถือเป็นเรื่องปกติ
หิมะยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ลมกระโชกแรง อวี๋กานกานหดลำคอเข้าไปในเสื้อหนาวขนเป็ดตามปฏิกิริยาตอบโต้ของร่างกาย หลังจากที่แยกกันกับหวังไอ้เจินและซย่าเฉิงโจวแล้ว อวี๋กานกานเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปยังร้านอาหาร เพิ่งลงจากรถแท็กซี่ได้หมาดๆ ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งโถมกอดเข้ามาสวมกอดเธอ “ปลาเค็มน้อย”
อวี๋กานกานไม่ทันได้ตั้งตัว จู่ๆ ก็ถูกกระโจมเข้าสวมกอด ทำให้เธอเซถอยหลังไปหลายก้าวจนเกือบจะหงายหลัง แต่มีคนยื่นมือมาจากด้านหลัง ประคองหัวไหล่ของอวี๋กานกานเอาไว้ “จังซ่า ให้มันเหมือนคนปกติหน่อยได้ไหม ปลาเค็มน้อยจะถูกทับจนแบนแต๊ดแต๋อยู่แล้ว”
คนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบเจ็บยี่สิบแปดปี สวมเสื้อโค้ตขนเป็ดสีดำ น้ำเสียงอบอุ่นราวกับสายลมในวสันตฤดู ภายใต้สีหน้าที่ดูสบายๆ แฝงไว้ด้วยความดื้อรั้นไม่ยอมตกอยู่ภายใต้การถูกบังคับ
อวี๋กานกานพยุงคนที่โถมเข้ามาสวมกอดเธอให้ยืนกลับมาในท่าปกติ กล่าว “สวัสดีค่ะรุ่นพี่” จากนั้นหันศีรษะไปทางชายหนุ่มที่ช่วยประคองเธอไว้ ยิ้มแล้วกล่าวทักทาย “สวัสดีค่ะรุ่นพี่”
ตอนที่ยังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย เมื่อตอนปิดเทอมฤดูร้อนรุ่นพี่ทั้งสองคนนี้เคยมาศึกษาเล่าเรียนศาสตร์แพทย์แผนจีนจากคุณปู่ ผู้หญิงชื่อจังซ่า ส่วนผู้ชายชื่อเฉินฝูหลี
ปัจจุบันจังซ่าเป็นแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน มีความรู้ทั้งด้านแพทย์แผนตะวันตกและแพทย์แผนจีน ส่วนเฉินฝูหลียังหนุ่มยังแน่น แต่กลับได้เป็นถึงแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมประสาทที่มีชื่อเสียงของปักกิ่ง
“เรียกอาจารย์อา” เฉินฝูหลีเชิดใบหน้าอันหล่อเหลาขึ้น ออกคำสั่งบังคับให้อวี๋กานกานเรียกให้ถูกต้อง
เฉินฝูหลีเคยศึกษาเล่าเรียนกับคุณปู่เหอ ซึ่งเขาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับเหอสือกุย ดังนั้นเขาจึงไม่ชอบให้อวี๋กานกานเรียกเขาว่ารุ่นพี่
อวี๋กานกานเม้มปากยิ้ม “เรียกพี่ว่าอาจารย์อา มันจะไม่ทำให้พี่ดูแก่เกินไปเหรอคะ”
เฉินฝูหลีถลกแขนเสื้อโค้ตขนเป็ดขึ้น จากนั้นสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋ากางเกง กล่าว “ไม่…”