ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 243 ฉวยโอกาสแต๊ะอั๋ง / ตอนที่ 244 ราบรื่นสมบูรณ์แบบ

ตอนที่ 243 ฉวยโอกาสแต๊ะอั๋ง

 

 

หลินจยาอวี่ตัดสินใจเก็บเด็กไว้ ถึงแม้จะเป็นเรื่องดี แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเท่าไรนัก หากพ่อของเด็กปรากฏตัวแล้วสามารถเข้ากันได้กับหลินจยาอวี่ ถึงขั้นดอกรักผลิบานก็คงวิเศษไปเลย

 

 

อวี๋กานกานสองจิตสองใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “จยาอวี่ เหตุการณ์ครั้งนั้นมันเกิดขึ้นที่โรงแรมอะไรในปักกิ่งเหรอ ลองให้คนสืบหาพ่อของเด็กดูไหม บางที…”

 

 

หลินจยาอวี๋พูดขัดทันควัน “ไม่! ลูกฉันฉันเลี้ยงคนเดียวได้”

 

 

หน้าตาของผู้ชายคนนั้นเธอเห็นไม่ชัด นิสัยเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ เช้าวันต่อมาก็หายตัวไป ไม่มีแม้แต่ข้อความทิ้งไว้ เห็นได้ชัดว่าคนคนนั้นเป็นผู้ชายที่ไร้ความรับผิดชอบ หากหาตัวจนเจอเป็นไปได้ที่จากหาพ่อให้ลูกจะกลับกลายมาเป็นหาตัวปัญหาให้เธอและลูก

 

 

ถูกผู้ชายเอาเปรียบแค่ครั้งเดียวก็มากเกินพอแล้ว

 

 

 

 

อวี๋กานกานไม่ได้อยู่กินข้าวเย็นกับหลินจยาอวี่ เธอไปบ้านฟังจือหันเพื่อเล่นกับยาจุดกันยุง

 

 

ยาจุดกันยุงชอบอวี๋กานกานมาก ทันทีที่อวี๋กานกานเดินเข้าบ้าน มันก็รีบวิ่งมาคลอเคลียเรียวขาอวี๋กานกาน อ้อนให้ลูบ

 

 

ฟังจือหันสั่งคนดูแลไว้ว่าให้อาบน้ำยาจุดกันยุงอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นตัวมันจึงสะอาดเป็นพิเศษ กอดเจ้าเหมี้ยวไว้ในอ้อมอกตอนฤดูหนาวก็เหมือนกับกอดเตาผิงขนาดจิ๋วอุ่นๆ

 

 

อวี๋กานกานเกาท้องยาจุดกันยุงอย่างเบามือ เจ้าเหมี้ยวยืดขาข้างหนึ่งออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อยและสุขสบาย ใจกลางดวงตาสีเหลืองดุจอำพันมีสีเขียวอ่อนผสมอยู่ ยาจุดกันยุงจ้องมองอวี๋กานกานตาไม่กระพริบ หางส่ายไปทางซ้ายทีขวาที ดูมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ใครๆ ต่างก็ว่าแมวทั้งเย่อหยิ่งและเย็นชาแล้วทำไมยาจุดกันยุงถึงได้น่ารักขี้อ้อนแบบนี้ อวี๋กานกานหันไปมองฟังจือหันที่นั่งอยู่ข้างๆ เจ้าของแกก็เป็นผู้ชายเย่อหยิ่งเย็นชานี่นา ไหนว่าสัตว์เลี้ยงจะเหมือนเจ้าของ ตรงข้ามกันสุดๆ

 

 

“แมวนายหน้าตาดีนะเนี่ย”

 

 

อวี๋กานกานลูบหัวยาจุดกันยุง ส่วนฟังจือหันลูบหัวอวี๋กานกาน พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “เพราะเจ้าของหน้าตาดี”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวี๋กานกานถึงกับหลุดขำออกมา “นี่นายกำลังแอบชมตัวเองเหรอ”

 

 

“เจ้าของคือคุณต่างหาก”

 

 

ฟังจือหันกำลังบอกว่าเขาชมเธออยู่

 

 

อวี๋กานกานขำหนักกว่าเก่าจนดวงตาเป็นพระจันทร์เสี้ยว นัยน์ตาเป็นประกายประหนึ่งดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรี ผิวขาวเนียนละเอียดขึ้นสีชมพูระเรื่อราวกับดอกท้อ “จะชมฉันสวยถึงกับต้องเอาแมวมาอ้างเลยเหรอ”

 

 

“ยาจุดกันยุงเป็นแมวของคุณตั้งแต่แรกแล้ว” มุมปากของฟังจือหันยกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นหันไปกำชับยาจุดกันยุง “ยังไม่เรียกแม่อีก”

 

 

ยาจุดกันยุงส่งเสียร้อง “เมี๊ยว~” ทันที

 

 

“ยาจุดกันยุงเป็นแมวที่ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่านายเลี้ยงมันแบบสุนัข”

 

 

“ผมไม่ได้เลี้ยงยาจุดกันยุงแบบสุนัข แต่คุณเคยบอกกับผมว่าแมวก็เฝ้าบ้านได้เหมือนกับสุนัข”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

เธอเคยมีความคิดแบบนี้อยู่จริงๆ แต่เหมือนว่าจะไม่เคยเล่าให้ฟังจือหันฟังนี่นา ทันใดนั้นจู่ๆ ฟังจือหันก็โอบบ่าของเธอ…

 

 

อวี๋กานกานเหมือนโดนไฟดูด เขยิบถอยหลังนั่งห่างออกไปไกลหลายเมตร ใบหน้าจิ้มลิ้มขึ้นสี ราวกับถูกทาด้วยชาดบางๆ หนึ่งชั้น พูดติดอ่าง “นะ นายจะทำอะไร”

 

 

ฟังจือหันพูดอย่างจำใจ “พรุ่งนี้คุณมีเคสผ่าตัดนี่ ให้กำลังใจไง”

 

 

“เมื่อก่อนฉันเคยช่วยอาจารย์ฝังเข็มเชิงวิสัญญีในการผ่าตัด” ให้กำลังใจอะไรกัน อวี๋กานกานรู้สึกว่าฟังจือหันคิดจะหลอกแต๊ะอั๋งเธอ ปัญหาอยู่ที่ฟังจือหันยังมีหน้าพูดออกมาได้อย่างมั่นใจเต็มปากเต็มคำ อวี๋กานกานเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้ว “อย่าคิดฉวยโอกาสแต๊ะอั๋ง”

 

 

ฟังจือหันแบมือทั้งสองออกไปด้านข้างเป็นไม้กางแขน “ถ้าคุณรู้สึกเสียเปรียบ งั้นก็กอดผมกลับซะสิ”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

 

 

 

 

 ตอนที่ 244 ราบรื่นสมบูรณ์แบบ

 

 

วันรุ่งขึ้นอวี๋กานกานต้องวุ่นอยู่กับเคสผ่าตัด คนไข้ไม่ใช่ใครไหนแม่เฒ่าตระกูลเยี่ยนั่นเอง

 

 

ไมเคิลเป็นหมอจากต่างประเทศที่เยี่ยซีเชิญมา หลังจากที่ตรวจดูอาการของแม่เฒ่าแล้ว เขาเองก็แนะนำให้ใช้วิธีฝังเข็มเชิงวิสัญญี ซึ่งทำให้เยี่ยซีรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

 

 

การฝังเข็มเป็นที่ยอมรับในยุโรปและอเมริกา ประเทศอเมริกาเคยทุ่มลงทุนโฆษณาวิทยาลัยฝังเข็ม รัฐบาลเคยออกประกาศรับรองว่าการฝังเข็มปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจริง

 

 

แม้ว่าการฝังเข็มจะเผยแพร่จากประเทศจีนสู่ประเทศอเมริกา แต่ปัจจุบันบทความวิชาการเกี่ยวกับการฝังเข็มส่วนใหญ่ล้วนมาจากประเทศอเมริกา ปัจจุบันมาตรฐานคุณภาพการฝังเข็มของประเทศอเมริกาจัดอยู่ในเกณฑ์สูง ทว่ามาตรฐานในประเทศจีนกลับตกต่ำลงทุกวัน

 

 

ก่อนทำการผ่าตัด อวี๋กานกานและไมเคิลจำเป็นต้องปรึกษาหารือวิเคราะห์อาการและประวัติของผู้ป่วยร่วมกันเพื่อวางแผนการผ่าตัด รวมถึงคาดเดาภาวะที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการผ่าตัด ตระเตรียมขั้นตอนรับมือให้พร้อม

 

 

ตอนที่ไมเคิลเห็นอวี๋กานกาน แววตาของเขาปรากฏความประหลาดใจ เนื่องจากอายุของอวี๋กานกานทำให้การผ่าตัดครั้งนี้ของเขาเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ แต่เขาก็ไม่ได้ขอให้ตระกูลเยี่ยเปลี่ยนตัวอวี๋กานกาน เพียงแต่ให้ตระกูลเยี่ยเชิญแพทย์แผนจีนอาวุโสที่มีประสบการณ์เพิ่มอีกคนมาเป็นผู้ช่วยอวี๋กานกาน

 

 

เยี่ยจยาเซิงและเยี่ยซีได้เห็นฝีมือการฝังเข็มของอวี๋กานกานมากับตาแล้ว จึงเชื่อมั่นในความสามารถของอวี๋กานกาน พวกเขาพยายามพูดกับผู้จัดการหลี่ว์อย่างบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นว่าจะเชิญแพทย์อีกคนมาเป็นผู้ช่วย หลังจากที่ปรึกษากันแล้ว พวกเขาไม่ได้เชิญไท่โต่ว[1]แห่งวงการแพทย์แผนจีน แต่เชิญซย่าเฉิงโจวมาแทน  

 

 

ซย่าเฉิงโจวนับได้ว่าเป็นแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง อีกทั้งยังยินดีที่จะเป็นผู้ช่วยอวี๋กานกาน

 

 

ปัจจุบันการผ่าตัดไส้ติ่งทั่วไป แพทย์มักจะแนะนำให้ผู้ป่วยใช้วิธีผ่าตัดส่องกล้อง การผ่าตัดส่องกล้องปากแผลเล็ก ผลกระทบหลังการผ่าตัดน้อย ทั้งยังฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่การผ่าตัดส่องกล้องจำเป็นต้องดมยาสลบเท่านั้น หากเป็นการผ่าตัดเปิดช่องท้องแบบปกติ สามารถเลือกได้ระหว่างบล็อกหลังแบบ Spinal[2] หรือ Epidural[3]

 

 

ด้วยข้อจำกัดทางด้านร่างกายของแม่เฒ่า จึงเลือกใช้ได้เพียงวิธีผ่าตัดเปิดช่องท้องตามปกติเท่านั้น ตอนทำการผ่าตัดคนไข้จะอยู่ในภาวะที่มีสติตลอดเวลา ฉะนั้นแพทย์จำเป็นต้องอธิบายให้ละเอียด เพื่อให้คนไข้เตรียมได้ใจและยอมให้ความร่วมมือ

 

 

ก่อนทำการผ่าตัด อวี๋กานกานยังต้องเลือกจุดฝังเข็มบนร่างกายของแม่เฒ่า จากนั้นทดลองฝังเข็ม เพื่อทำความเข้าใจกับเต๋อชี่[4] และขีดความอดทนของคนไข้ อีกทั้งตอนทำการผ่าตัดจริงจะได้เลือกใช้วิธีและระดับความแรงในกระตุ้นเข็มที่เหมาะสมกับคนไข้[5]

 

 

เมื่อเต๋อชี่ง่าย คนไข้ก็จะสบาย ไม่เจ็บปวด แพทย์ก็สามารถทำการผ่าตัดได้อย่างไร้อุปสรรค

 

 

บนเตียงผ่าตัด แม่เฒ่าเยี่ยนอนหันข้างคดตัวกอดหัวเข่า อวี๋กานกานใช้เข็มที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วเริ่มทำการฝังเข็มเชิงวิสัญญี

 

 

ตลอดทั้งขั้นตอนการผ่าตัด แม่เฒ่าเยี่ยมีสติอยู่ตลอด ยาชาเมื่อฉีดในปริมาณที่น้อยก็อาจเกิดความรู้สึกเจ็บขึ้นมาได้ การฝังเข็มเชิงวิสัญญีก็เช่นกันอาจมีความรู้สึกเจ็บเกิดขึ้นในบางช่วงได้

 

 

อวี๋กานกานถามแม่เฒ่าเยี่ยว่าอดทนไหวไหม แม่เฒ่าเยี่ยกระพริบตาตอบกลับเธอทุกครั้งเชิงว่ายังทนไหว ตลอดทั้งการผ่าตัดเป็นได้อย่างราบรื่น

 

 

หลังจากทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว อวี๋กานกานและไมเคิลออกจากห้องผ่าตัดพร้อมกัน เยี่ยซีที่ยืนรออยู่ด้านนอกตลอด รีบพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว มองหน้าแพทย์ทั้งสองแล้วถาม “ยะ ย่าผมอาการเป็นไงบ้างครับ”

 

 

เยี่ยซีกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ไมเคิลคลี่ยิ้มพร้อมกับแจ้งว่าการผ่าตัดสำเร็จไปได้ด้วยดี อีกสักครู่จะเข็นไปที่ห้องพักผู้ป่วยแล้ว

 

 

พ่อลูกตระเยี่ยดีใจจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำอีก

 

 

อวี๋กานกานเอ่ยอย่างนุ่มนวล “การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นค่ะ แต่การพักฟื้นหลังผ่าตัดต่างหากที่สำคัญที่สุด ห้ามขยับร่างกายหกชั่วโมง งดอาหารและน้ำ อาจจะมีความรู้สึกเจ็บบ้าง พวกคุณสามารถอยู่คุยเป็นเพื่อนแม่เฒ่าได้ค่ะ”

 

 

“รับทราบครับผม” เยี่ยซีตอบกลับอย่างเชื่อฟัง

 

 

บรรยากาศของฤดูหนาว หยาดเหงื่อที่ผุดออกมาจากหน้าผากของหญิงสาว ราวกับดวงดาวและทางช้างเผือกที่ล่องลอยอยู่ทั่วจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ท่อประกายแสงแวววาวงดงาม

 

 

 

 

——

 

 

[1] ไท่โต่ว  หมายถึง ภูเขาไท่ซานและดาวเหนือ อุปมาถึง ผู้เชี่ยวชาญหรือสุดยอดนักวิชาการที่ทุกคนต่างเคารพยกย่อง

 

 

[2] Spina l เป็นการฉีดยาชาเข้ากระดูกไขสันหลังทันที ยาจะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วภายใน 1-2 นาที คนไข้จะรู้สึกชาตั้งแต่ช่วงเอวลงไป

 

 

[3] Epidural  เป็นการฉีดยาชาโดยใช้เข็มที่มีหลอดนำยาขนาดเล็กเข้าไปในกระดูกไขสันหลัง โดยหลอดนำยาจะค้างอยู่ข้างในแล้วค่อยๆ ปล่อยยาชาออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

 

[4] เต๋อชี่  คือ ความรู้สึกถึงการออกฤทธิ์ของเข็มเมื่อแทงเข็มลงไปถึงจุด โดยผู้ป่วยอาจรู้สึกปวด ชา พองแน่น หรือรู้สึกหน่วงบริเวณรอบจุดที่ฝังเข็ม หรืออาจรู้สึกมีบางอย่างแล่นกระจายขึ้นหรือลงไปตามแนวเส้นลมปราณ

 

 

[5]  การฝังเข็มเชิงวิสัญญีจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเข็มเพื่อให้เกิดเต๋อชี่อยู่ตลอด การกระตุ้นเข็มทำได้โดยการปั่นเข็มหรือกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset