ตอนที่ 11 ศึกบนท้องถนน
ขณะกำลังขับรถแล่นไปตามท้องถนนหล่อนสังเกตเห็นอะไรบางสิ่งอย่างเข้ามันคือขบวนรถหรูหราราคาแพง
แน่นอนว่าหากเป็นเพียงขบวนรถปรกติธรรมดาหล่อนคงปล่อยผ่านไม่คิดเหลือบมองให้เป็นครั้งที่สอง
ติดตรงขบวนรถตรงหน้ามันดันผิดแปลกไปจากปรกติผิดแปลกไปจากสิ่งที่ควรจะเป็น
หากมองด้วยสายตาไม่ครุ่นคิดอะไรให้มากความคงเห็นพวกมันขับไปตามทัองถนนเหมือนรถคันอื่น
แต่สำหรับหล่อนผู้ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์กร้านโลกมากมายย่อมมองออกถึงเส้นสนกลในทั้งหมด
สายตาแหลมคมหรี่ลงหลายระดับ
…‘ทำไมต้องเวลานี้ด้วย!’
“…” ไอรีนขบฟันแน่น
และแล้วสิ่งที่หล่อนคาดการณ์เอาไว้ก็เกิดขึ้นเมื่อเหล่ารถหรูตรงหน้าเริ่มแสดงธาตุแท้สันดานแท้จริงออกมา
พวกมันเริ่มขยับทำตัวเป็นอันธพาลคุมท้องถนนไม่มีเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองเลือกทำตามใจตัวเองเป็นหลัก
หากจะให้อธิบายแบบง่ายดายถึงเหตุผลที่ทำให้หล่อนเดือดดาลจนแทบอยากฆ่าพวกมันให้ตายคามือ
ย่อมสามารถอธิบายได้ในประโยคเดียว
…‘พวกมันต้องการให้ฉันจอดรถ!’
“…”
แน่นอนว่าด้วยกระบวนการปรกติธรรมดาคงไม่ทำให้หล่อนเดือดดาลขนาดนี้ติดตรงวิธีการที่พวกมันใช้
ค่อนข้างเป็นอะไรที่บ้าป่าเถื่อนยิ่งนัก
กว่าจะตัดสินใจเลือกหนทางแก้ไขปัญหาเหล่าเศษเดนขับรถหรูทั้งหลายก็เริ่มปิดกั้นเส้นทางหลบหนีเรียบร้อย
ปิดซ้ายขวาหน้าหลัง
ปิดกั้นทุกเส้นทางที่หลบหนีได้
“…” บรรยากาศหนักหน่วงหนักแน่นเป็นที่สุดหนักหน่วงจนชายหนุ่มสวมแว่นนั่งนิ่งมาตลอดยังสัมผัสรู้สึกได้
หัวคิ้วเขาขมวดแน่นเป็นปม
“ไอรีน?”
“…ระวังกัดลิ้นตัวเองค่ะ”
“หะ?”
ช่วงพริบตาต่อมาหลังจากที่ชายหนุ่มสวมแว่นร้องอุทานเสียงหลงทั่วทั้งตัวรถเกิดสั่นไหวอย่างรุนแรง
แน่นอนว่าต้นสายปลายเหตุล้วนมาจากรถอีกคันขยับขับกระแทกเข้าหาด้วยความพาลขั้นสุด
ตึง!
“…”
“เห้ย!”
ด้วยแรงกระแทกบุกเข้ามากระทันหัน
ร่างนั่งนิ่งมาตลอดถึงกับล้มกลิ้งนอนไม่เป็นท่าความเจ็บปวดไหลลามอาบไปทั่วทั้งร่างกาย
อีกทั้งด้วยเพราะสวมถุงดำเอาไว้แนบแน่น
เขาจึงไม่อาจขยับร่างเนื้อไปตามใจต้องการ
“…” สุดท้ายปลายทางทำได้แค่นอนแน่นิ่งปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยให้สถานการณ์มันดำเนินหน้าต่อเท่านั้น
ไอรีนกล่าวถามขณะสายตายังจับจ้องมองถนน
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
“…มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะ”
“…”
“ถ้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ฟังเอาเองละกันค่ะ” หน้าต่างถูกเปิดออกปล่อยให้เสียงด่าทอมากมายไหลเข้ามาในรถ
ซึ่งต้นเสียงทั้งหลายล้วนเป็นเหล่าอันธพาลเดรัจฉานที่กำลังเมามันกับการขับรถไล่บี้อีกฝ่าย
“น้องสาวจอดรถ”
“พี่ชายคนนี้อยากจะพูดคุยสักหน่อย”
“…ลงมาจากรถเถอะ”
“ก็บอกให้ลงมาจากรถพูดไม่รู้เรื่องเหรอ?!”
“…”
ทราเวียร์ขมวดคิัวพลางถอนหายใจเหนื่อยหน่ายเหมือนเขาพอจะเข้าใจสถานการณ์บ้างแล้ว
เข้าใจว่ามันกำลังเกิดบ้าอะไรขึ้น
“คนพวกนี้มัน”
“หรือจะเป็นพวกเมื่อเช้า”
“…” ไอรีนนิ่งเงียบ
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาแม้จะไม่ตอบกลับด้วยคำพูดหรือด้วยเสียงแต่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาในตอนนี้
ทราเวียร์เลือกเปิดปากถามกลับไปอีกครั้ง
“ตอนเธอกระทืบเล่นงานเกือบตายพวกมันได้พูดรึเปล่า?”
“พูดอะไรคะ?”
“ก็ประมาณว่าอย่ายุ่งกับฉันนะ”
“ฉันเป็นลูกเป็นพ่อเป็นเพื่อนกับคนโน้นคนนี่น่ะ”
ลองพวกมันกล้าบุกเข้ามาประชิดตัวลงมือกันให้เห็นเต็มสองตาย่อมต้องไม่ใช่การลงมือแบบปรกติธรรมดาสามัญ
อาจมีเบื้องลึกเบื้องหลังคอยขับเคลื่อนให้อีก
“…” ไอรีนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
ก่อนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“พูดค่ะ”
“แต่ฉันไม่ฟัง”
“…”
“งั้นเธอก็จัดการเองละกัน”
“เรื่องนี้ฉันไม่เกี่ยว” เอาเถอะในเมื่อมันบานปลายมาถึงขนาดนี้แล้วจะมาตักเตือนว่ากล่าวก็คงเปล่าประโยชน์
เพราะฉะนั้นปล่อยเลยตามเลยเถอะ
“…รับทราบค่ะ”
แววตาหล่อนเปล่งประกายมากไปด้วยอารมณ์เพียงเท่านี้หลายสิ่งอย่างที่ดำเนินอยู่ก็จะแปรเปลี่ยนไป
แปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ตึง!
“…” ไอรีนฉีกยิ้มกว้าง
พอได้รับคำแนะนำจากชายหนุ่มหล่อนไม่รอช้าเปิดฉากเล่นงานกลับทันทีไม่ปล่อยให้ขาดตอน
รถหรูกระแทกสวนกลับไปไม่มียั้ง
“พี่ใหญ่ระวัง!”
“สู้วะ”
“มันสู้กลับวะ”
“ตัองแบบนี้สิถึงจะมัน”
“เล่นมันเลย!” อารมณ์คนในรถเดือดดาลพุ่งทะยานไม่มีที่สิ้นสุดแววตาพวกมันบ้าคลั่งยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น
หวังเพียงเอาชนะเหตุผลการกระทำไม่ต้อง
ตึง!
“…” เป็นอีกทั้งที่หล่อนกระแทกอีกฝ่ายด้วยรถหรูต่างฝ่ายต่างปะทะกันท่ามกลางรถเยอะแยะมากมาย
ทราเวียร์ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย
“แบบนี้ไม่มีจบแน่นอน”
“…” และเป็นอย่างที่เขาครุ่นคิดเอาไว้ไม่มีผิดในเมื่อต่างฝ่ายต่างมีทิฐิเป็นของตัวย่อมยากจะหาทางลง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไอรีนในตอนนี้
“เสียเวลา…” แววตาเดือดดาลมือไม้สั่นสะท้านไปหมดหัวสมองหล่อนตอนนี้ผุดแนวคิดอันตรายขึ้นมา
หวังใช้วิธีการสุดโต้งจบเรื่องราวทั้งหมด
…‘กล้ามากที่มายุ่งเรื่องของฉัน!’
“…”
“ฉันยิ่งมีเวลาน้อยอยู่ด้วย”
“บัดซบ” ใบหน้างดงามปกคลุมไปด้วยร่องรอยมืดมนกระทั่งทราเวียร์ที่มองไม่เห็นยังสัมผัสรู้สึกได้
รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันตรายหนักหน่วงขั้นสุดที่หล่อนปลดปล่อยออกมา
ทราเวียร์เลิกคิ้วขมวดเป็นปม
“ไอรีน?”
“…” ไร้ซึ่งเสียงตอบรับกลับมาก่อนทุกสิ่งอย่างมันจะระเบิดปะทุต่อหน้าต่อตาชายหนุ่มสวมแว่น
ไอรีนร้องตะโกนเสียงแหลม
“พวกขยะไร้ทางเยี่ยวยา!”
“พวกสารเลว!”
“สมควรตาย!”
รวดเร็วเกินกว่าตอบสนองได้ทันมือหล่อนยื่นเข้าไปด้านหลัวเบาะหวังหยิบจับของบางสิ่งอย่าง
ซึ่งทราเวียร์จับข้อมือเอาไว้ได้ทัน
แม้ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ในมือหล่อนแต่มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแน่นอนหากปล่อยให้หล่อนทำตามใจตัวเองต้องการ
“…” ทราเวียร์บีบข้อมือหญิงสาวเอาไว้แน่น
หวังไม่ปล่อยให้หลุดรอดไปไหน
“จะ ใจเย็นก่อน”
“ปล่อยค่ะ”
“ปล่อยกะผีสิ!”
“ถ้าปล่อยเธอตอนนี้ขึ้นมาอะไรจะเกิดขึ้น” ไม่เสียเวลาครุ่นคิดทบทวนตัวเลือกของตัวเอง
ไอรีนตอบกลับมาทันทีไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า
“…ฉันจะส่งมันลงนรก—”
“ไม่ได้!”
“อย่าก่อเรื่องให้มันมากนัก”
“…”
“แต่—”
“ไม่มีแต่”
“ห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด”
“…อย่างน้อยที่สุดก็ตอนนี้” ขอแค่ตอนนี้เท่านั้นรอให้หล่อนใจเย็นเรียกสติตัวเองกลับมาก่อน
หากยืนยันว่าต้องการลงมือต่อ
มันก็ยังไม่สาย
“…” สายตาหล่อนคมกร้าวขั้นสุดคล้ายต้องการเล่นงานพวกมันให้ถึงตายแต่ด้วยคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า
ไม่อาจฝ่าฝืนได้สุดท้ายปลายทาง
“ก็ได้ค่ะ” หล่อนจำต้องยอมไปตามระเบียบ