ตอนที่ 23 เปล่างอนสักหน่อย
หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาหนักหน่วงหนักแน่นเป็นที่สุดมาได้สภาพของหัวหน้าผมแดงก็เข้าขั้นอนาถเวทนาน่าสงสาร
ไม่มีหลงเหลือความห้าวหาญในตอนแรกเลยแม้แต่น้อยเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลเสื้อผ้าล้วนถูกฉีกกระชาก
กระทั่งแววตายังเหม่อลอยแทบไม่ได้สติมีเพียงเสียงเล็กน้อยเบาบางที่ดังตอบสนองกลับมา
“…ขะ ขอโทษ”
“ขอโทษ”
“จะไม่ทำอีกแล้ว”
“…” ทราเวียร์ยกฝ่าเท้าขึ้น
สิ่งที่อยู่ใต้รองเท้าของเขามันคือเศษซากโทรศัพท์หรูหราที่ลูกพี่ของมันใช้โทรหาลูกน้องสุดที่รัก
น่าเสียดายที่ตอนนี้มันพังทลายไม่เป็นท่า
…‘นับว่ามีประโยชน์ไม่น้อยเลย’
“…”
“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งอย่างครับ”
“ผมจะไม่ลืมพวกคุณเลย”
“…ไม่ลืมพวกคุณทุกคน”
หมดสิ้นธุระต้องจัดการข้อมูลที่ต้องการอยากได้ก็ได้มาเป็นที่เรียบร้อยแล้วไม่มีความจำเป็นต้องรั้งอยู่ต่อ
ทราเวียร์หันหน้าเตรียมก้าวเท้าเดินออกไปทางประตูใหญ่
“…” หัวหน้าผมแดงยื่นมือค้างเอาไว้
“พาฉันไปด้วย”
“ขอร้องละ”
“ฉันยังไม่อยากตาย”
“…น่าเสียดายที่ผมทำไม่ได้”
“ข้อตกลงของผมกับลูกพี่ของคุณสำเร็จเรียบร้อยแล้ว”
“เขามอบข้อมูลที่ผมต้องการให้”
“ส่วนผมก็ปล่อยให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อ”
“…”
“นอกเหนือจากนั้นผมไม่สามารถทำได้”
“ดะ เดี๋ยวก่อน” ถ้อยคำสุดท้ายไม่อาจรั้งเขาเอาไว้ได้
ร่างสวมแว่นเดินจากไปปล่อยให้เจ้าผมแดงนอนแน่นิ่งอยู่ตรงพื้นนอนแน่นิ่งปล่อยให้เลือดไหลต่อไป
สติของมันเลือนลางเหลือเกิน
“…” ก่อนจะหมดสตินิ่งค้างอยู่ตรงนั้น
ด้านนอกโรงงานร้างตรงที่จอดรถของตนหญิงสาวนางหนึ่งกำลังยืนรอคอยเขาอยู่
หล่อนคือไอรีนนั้นเอง
“…” รอยยิ้มปรากฎขึ้นใบหน้า
ก่อนจะเปิดปากถามด้วยน้ำเสียงหวานจับใจ
“จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอคะ?”
“เสร็จแล้วถึงจะเละเทะไปหน่อยก็เถอะ”
“…คุณฆ่าเขา?”
“เปล่าไม่ได้ฆ่า”
“ฆ่าไปก็เปล่าประโยชน์”
“…”
“แล้วลูกพี่ใหญ่ของมันละคะ?”
“สติแตก”
“ตอนที่มันเห็นเจ้าหัวแดงผ่านกล้องโทรศัพท์ค่อนข้างสุดยอดเลยละจะบอกให้”
เสียงเดือดดาลกรีดร้องไม่เป็นภาษาทั้งยังสาปส่งให้เขาไปตายทั้งยังพยายามจะลากพาคนรอบกายของเขาไปด้วย
มันยังสลักอยู่ในหัวสมองไม่มีเปลี่ยนแปลง
…‘รู้งี้น่ากลับไปเล่นต่อ’
“…”
“เรื่องรสนิยมของคุณฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย”
”ฉันอยากฟังเรื่องอื่นมากกว่าค่ะ”
“…” หัวคิ้วชายหนุ่มเลิกขึ้น
“เรื่องอื่นเหรอ?”
“ถ้าเป็นเรื่องที่เธอมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงฉันพอมีอยู่แต่มันไม่ได้มากมายนักหรอกอาจน้อยกว่าของเธอด้วยซ้ำ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ฉันอยากเอาข้อมูลของคุณมาเปรียบเทียบกับข้อมูลของฉันถ้าตรงกันก็ดีไปแต่ถ้าไม่ตรงกันเมื่อไหร่”
“คงต้องย้อนกลับไปอีกรอบ”
“กลับไปพูดคุยกับพวกเขาอีกครั้ง”
”ยังจะกลับไปรีดไถพวกมันอีกเหรอ?”
“จำเป็นฉันก็จะทำ”
“…น่าสงสารแท้” ทราเวียร์ถอนหายใจ
เกิดปล่อยให้หล่อนกลับเข้าไปด้านในอีกครั้งรับรองได้เลยว่าไม่จบที่พูดคุยเหมือนกับที่หล่อนบอกกล่าวแน่นอน
ดีไม่ดีอาจถึงขั้นนองเลือดตกตายกลายเป็นศพ
…‘ภาวนาอย่าให้เกิดเรื่องแบบนั้นละกัน’
“…” เขาเริ่มกล่าวต่อ
“จากข้อมูลที่ฉันได้มาจากพวกมันทั้งสองคนไม่ว่าจะเป็นตัวของหัวหน้าผมแดงหรือว่าตัวของลูกพี่ใหญ่”
“พวกมันต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันหมดถึงสิ่งที่พวกมันต้องการจากพวกเราทั้งสองคน”
“…เรื่องผู้หญิงสินะคะ”
“ใช่”
“เป็นคนสวยก็เหนื่อยหน่อยละนะ”
“…” ไอรีนคิ้วกระตุกเบ้ปากไม่พอใจเป็นที่สุดทั้งที่เกิดเรื่องมากมายติดต่อกันยังจะมาหยอกล้อแบบนี้อีก
ริมฝีปากบางกัดแน่น
“ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงที่ไม่จำเป็นค่ะ”
“อย่างอนสิ” ทราเวียร์ยิ้มหัวเราะ
นี่ยิ่งทำให้หล่อนเดือดดาลมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวสายตาแหลมคมจดจ้องมองสวนกลับไป
ก่อนเบี่ยงออกเมื่ออีกฝ่ายสบสายตา
“…เปล่างอนสักหน่อย”
หลังจากหยอกล้อไปตามอารมณ์ชายหนุ่มสวมแว่นก็กลับมาเป็นงานเป็นการอีกครั้ง
ขณะรถหรูคนเดิมก็ขับออกจากโรงงานร้าง
แน่นอนว่าคนขับก็ยังเป็นคนเดิมไม่มีเปลี่ยน
“กลับเข้าเรื่องต่อนะ”
“เชิญค่ะ”
“เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ตอนที่เธอไปยืนรอฉันหน้าบ้านเอริ”
หลังจากที่ไปยืนรอเขาที่หน้าบ้านของเอริหล่อนก็พบเจอเข้ากับอันธพาลหนุ่มทั้งสองพอไล่ไม่ไปพูดคุยไม่รู้เรื่อง
ก็กระทืบพวกมันจนหมดสภาพก่อนออกไล่ตามทราเวียร์ปล่อยให้พวกมันนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น
พอโดนกระทืบเละพวกมันก็รู้ว่าลำพังกำลังของพวกมันเองไม่มีปัญญาไม่สามารถเอาหญิงสาวคนนี้อยู่ได้
เลยหันไปขอความช่วยเหลือจากพรรคพวกที่เหลือ
ซึ่งพอไอ้หัวหน้าผมแดงเห็นภาพของไอรีนในตอนแรกมันก็ส่งให้ทุกคนออกติดตามเป้าหมายในทันที
ก่อนเหตุการณ์จะบานปลายมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงช่วงสุดท้ายที่ลากพามาถึงโรงงานร้างแห่งนี้
ไอรีนสบถออกมาขณะจดจ้องมองไปที่ทราเวียร์
“พวกผู้ชายน่ารังเกียจ”
“พูดแล้วอย่ามองมาทางนี้ได้ไหม?”
“…” หล่อนแค่นเสียงไม่พอใจ
ก่อนหันไปมองถนนแทน
…‘เจ็บปวดแท้’
“…”
“สรุปก็คือที่เรื่องราวมันบานปลายใหญ่โตขนาดนี้นั่นก็เป็นเพราะพวกมันต้องการพาเธอไปหาใครสักคน”
“คนที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าเจ้าตัวหัวแดงกับเจ้าตัวที่อยู่ปลายสายคนที่คอยหนุนหลังพวกมัน”
“คนที่พวกมันเรียกอีกฝ่ายว่านายน้อย”
“นายน้อย?”
“เป็นพวกมีชาติตระกูล?”
“อันนี้ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
พอลองถามเจ้าตัวลูกพี่ไปมันก็ไม่ยอมบอกกล่าวต้องเสียเวลาเจรจาอยู่นานถึงจะได้ร่องรอยกลับมาบ้าง
แต่ร่องรอยที่ได้ก็เป็นเพียงแค่ข้อมูลพื้นฐานไม่มีลงลึกเจาะจงไม่มีระบุต้นสายปลายกำเนิดของอีกฝ่าย
แต่เอาเถอะขอแค่ไม่เข้ามายุ่งกันอีกก็พอ
…‘ฉันเบื่อต้องมานั่งเล่นแบบนี้แล้วด้วย’
“…”
“ให้ฉันส่งคนไปจับตามองไหม?”
“ไม่ต้องหรอก”
“ถ้ามันจะมาเดี๋ยวมันก็โผล่หน้ามาเอง”
ทราเวียร์เอนเบาะนอนยืดตัวขั้นสุดใครจะไปคิดละเพียงแค่ก้าวเท้าออกจากบ้านก้าวแบบปรกติธรรมดา
จะนำพาเรื่องราวชวนปวดหัวมากมายขนาดนี้มาให้
…‘ปีชงรึเปล่าเนี่ย?’
“…” เจ้าตัวเผยรอยยิ้มแห้ง
ก่อนยิ้มหัวเราะให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“ใครจะไปคิดละ”
“ออกนอกบ้านยังไม่ทันไรก็ต้องมาเจอปัญหาอีกแถมปัญหาที่เจอยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันอีกด้วย”
“ใหัตายสิ”
“ทำงานฟรีอีกแล้ว~”
“…” หัวคิ้วหล่อนกระตุกทั้งสองข้าง
ก่อนเผยรอยยิ้มแดกดันให้
“นั้นสิค่ะ”
“…ใช่ไหมละ?”
“ค่ะ”
“คุณคงไม่เจอเรื่องพวกนี้หรอกหากอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหนไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับผู้หญิงอื่น” มือทั้งสองข้างบีบพวงมาลัยแนบแน่นเหลือเกิน
“โดยเฉพาะกับนังนั่นด้วย”
“…” ทราเวียร์ยิ้มแห้ง
“…น่าจะใช่ละมั้ง”
“บางครั้งเราก็ห้ามมันไม่ได้”
“เรื่องที่จะเกิดยังไงมันก็ต้องเกิด”
“…” หล่อนเหลือบมองเขาด้วยหางตา
แม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวแต่เขาสัมผัสได้ถึงความนัยที่แอบแฝงซ่อนเร้นอยู่ในนั้น
ทราเวียร์ยิ้มถามกลับไป
“โทษฉันเหรอ?”
“…เปล่านิคะ”
“ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย”
…‘โทษฉันแน่ ๆ ฉันมั่นใจ’
“…”