ตอนที่ 25 เรื่องที่ต้องการจะบอก
สีหน้าผู้กระทำผิดยังคงราบเรียบมากถึงมากที่สุดไม่มีร่องรอยสำนึกผิดหรือสำนึกเสียใจให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
ยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่เหมือนเดิม
…‘ปิดได้ก็ดีจะได้ไม่มีอะไรมากวนใจ’
“…”
“เผลอหรือว่าตั้งใจ?”
“เผลอสิ”
“ฉันเผลอจริง ๆ นะ”
“เผลอก็เผลอ” ไอรีนส่ายหน้าเหนื่อยหน่าย
เสียงกล่าวตัดรำคาญดึงให้ชายหนุ่มสวมแว่นกลับมาสนใจประเด็นเดิมอีกครั้งเขาแปลกใจมากที่เห็นหล่อนยอมตาม
แปลกใจจนต้องถามกลับไปอีกครั้ง
“เธอยอมเชื่อด้วย?”
“…” ไอรีนที่ได้ยินเพียงแค่นเสียงเย้ยหยัน
“ก็ต้องยอมสิ”
“แต่ถัานายอยากจะคุยต่อก็ได้นะฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“…คือไม่ดีกว่า”
“ฉันไม่สงสัยละ” ชายหนุ่มสวมแว่นยิ้มแห้ง
เกิดพูดคุยประเด็นเดิมต่อคงไม่พ้นต้องโดนชักถามยืดยาวน่ารำคาญเพราะฉะนั้นจบได้สมควรจบให้เร็วที่สุด
ไอรีนที่ได้ยินคำตอบถึงกับแค่นเสียงออกมา
…‘ต่อได้นะฉันพร้อมเสมอ!’
“…”
ผ่านพ้นไปหลายต่อหลายนาที
หลังจากที่เขาปิดวิทยุไม่ต้องการได้ยินเสียงผู้ประกาศข่าวไม่ต้องการได้ยินอะไรที่เกี่ยวข้องกับริเบเลีย
ก็ไม่มีใครหน้าไหนกล่าวเปิดประเด็นขึ้นมาอีกเลย
“…” ทั้งสองต่างนิ่งเงียบไม่คิดพูดจา
และด้วยความเงียบงันบวกกับบรรยากาศในรถสองสิ่งอย่างถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันแปรเปลี่ยนกลายเป็นแรงกดดัน
แรงกดดันที่มากพอทำให้คนผู้หนึ่งเสียสติได้เลย
…‘อึดอัดวะ’
“…” ทราเวียร์ขมวดแน่น
ก่อนเริ่มเปิดบทสนทนาอีกครั้ง
“นิ…”
“…” ไร้ซึ่งเสียงตอบรับกลับมา
กระทั่งเหลือบสายตามองยังไม่คิดจะทำใบหน้าหล่อนตั้งตรงตามองแต่ถนนหนทาง
เรียกได้ว่าทำตัวเฉยเมยขั้นสุด
…‘โกรธอยู่รึเปล่า?’
“…”
“…จะทำยังไงดี”
…‘เหมือนจะไม่ได้โกรธแหะ’
“…” ทราเวียร์ยังคงแอบมองต่อ
ที่หล่อนไม่เปิดปากพูดคุยกับเขาเป็นเพราะหล่อนกำลังครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่างไม่ใช่เพราะโมโหโกรธเคือง
สังเกตได้จากริมฝีปากขยับเสียงเบางึมงัมไม่ขาดสายเบาจนจับหลักใหญ่ใจความสำคัญไม่ได้
…‘ไม่รู้ว่าพูดอะไรหรอกนะแต่น่ากลัวเป็นบ้าเลย’
“…”
“…มองอะไร?”
“…จะว่ายังไงดีละ”
“ถ้ามีเรื่องอะไรไม่ชอบใจก็บอกได้นะ”
“หะ?”
“เห็นเธอเอาแต่พูดคนเดียว”
“…มันค่อนข้างน่าขนลุกยังไงก็ไม่รู้”
เกิดปล่อยให้หล่อนพูดคุยคนเดียวต่อไปเขาอาจอดกลั้นต่อไปไม่ไหวยอมกระโดดออกจากรถแล้วเดินกลับบ้านเอง
ไอรีนขมวดคิ้วแน่นพร้อมเอียงคอสงสัยขั้นสุด
…‘ขนาดนั้นเลยเหรอ?’
“…”
“ได้จริงนะ”
“ฉันพูดได้จริง ๆ นะ”
“พูดมาเถอะ” ทราเวียร์พยักหน้าบอกให้หล่อนพูด
โอกาสล่วงหล่นมากะทันหันมันมาเร็วจนหล่อนไม่ทันได้ตั้งตัวทั้งยังมาแบบไม่บอกกล่าวอีกด้วย
…‘จะบอกดีหรือไม่บอก?’
“…” หัวคิ้วหล่อนขมวดคิ้วเข้าหากัน
ริมฝีปากบางขบกันแน่นคล้ายต้องการเปิดปากพูดบางสิ่งบางอย่างออกไปติดตรงยังไม่มีความกล้ามากพอ
สุดท้ายปลายทางหล่อนก็กลั้นใจพูด
“นาย—”
“ใช่เกือบลืมไป”
“ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับริเบเลียไม่ต้องพูดนะ”
“ฉันไม่อยากฟัง”
“…หะ?!” ถึงกับร้องเสียงหลง
ดับฝันกันกลางอากาศสิ่งที่หล่อนเตรียมมาพูดคุยเตรียมมาเปิดประเด็นเป็นอันต้องยุติล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
ไอรีนนิ่งเงียบไปทันที
…‘แล้วนายจะให้ฉันพูดทำไมหะในเมื่อนายรู้อยู่แล้ว?’
“…”
“หรือว่าเกี่ยวกับริเบเลียอีก?”
“…ฉันยังไม่ทันได้อะไรพูดเลยนะ” หล่อนส่ายหน้าปฏิเสธ
ทั้งที่บอกปัดปฏิเสธไปแล้วแต่สายตาอีกฝ่ายก็ยังคงจับจ้องมองกดดันไม่เลิกราไม่มีปล่อยผ่าน
มองจนหยดเหงื่อใสเริ่มปรากฏบนหน้าผากของหล่อนมองจนสายตาหญิงสาวดูลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุข
เรียกได้ว่าตอนนี้บทบาทระหว่างทั้งสองกำลังสลับสับเปลี่ยนจากคนดุกลายเป็นถูกดุเสียแทน
…‘ปากแข็งสินะ’
“…”
“บอกมาเถอะฉันพร้อมฟังถ้ามันไม่เกี่ยวกับริเบเลีย?”
“…”
“เธอเงียบแบบนี้ฉันหนักใจนะ”
“…” ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
กลยุทธ์แปลกประหลาดถูกหยิบยกมาใช้งานใช้การหล่อนเลือกเงียบซื้อเวลาเตรียมหาแนวทางอื่นในการบอกกล่าว
ติดตรงอีกฝ่ายไม่คิดปล่อยผ่านง่ายดาย
…‘จะเล่นแบบนี้ใช่ไหมได้’
“…”
“พอเถอะ” ทราเวียร์ถอนหายใจ
“หน้าเธอมันออกอาการขนาดนั้นต่อให้เธอไม่พูดไม่อยากจะเอ่ยถึงมันไอัฉันมันก็พอเดาได้”
“ไม่ใช่—”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้แล้วจะเป็นเรื่องอะไรได้?”
“…” หญิงสาวนิ่งแข็งค้าง
เอาเข้าจริงมันไม่ได้เดายากเย็นอะไรเลยกล่าวสำหรับหล่อนแล้วมันมีอยู่ไม่กี่เรื่องเท่านั้น
ที่จะทำให้ไอรีนตื่นตาตื่นใจได้มากมายขนาดนี้ยิ่งมีสิ่งกระตุ้นอยู่ก่อนหน้าแล้วด้วยยิ่งคาดเดาได้ง่ายดายมากขึ้นเข้าไปใหญ่
เรียกได้ว่าสภาพของหล่อนในตอนนี้ต่อให้ปิดตาทายเขาก็เชื่อมั่นสุดหัวใจเลยว่าต้องเดาถูกได้แน่นอน
และมันก็เป็นจริง
“…” ไอรีนเบี่ยงสายตาหลบ
“เป็นเรื่อง”
“เรื่อง…”
“ไหนลองบอกให้ฉันหน่อย?”
“…” ยิ่งเจอบีบคั้นแบบนี้ด้วย
หล่อนยิ่งรนรานหนักหน่วงหนักแน่นเข้าไปใหญ่จนสุดท้ายปลายทางในที่สุดหล่อนก็ยิ้มออกมา
ยิ้มแห้งเลือกบ่ายเบี่ยงไปในตอนท้าย
“…เรื่อง”
“คือไม่รู้เหมือนกัน” สิ้นเสียงหญิงสาว
บรรยากาศกลับมาเงียบงันอีกครั้งไม่มีเปิดปากพูดคุยหรือว่าส่งเสียงออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
มันเงียบมากเงียบจนน่ากลัว
…‘ให้ตายสิ’
“…” ในเมื่อไม่ยอมพูดเปิดประเด็น
งั้นเขาจะเปิดมันเอง
“วันนี้ใช่ไหม?”
“วันเริ่มทดสอบระบบเสมือนจริง”
“วันที่เปิดให้เข้าริเบเลียได้”
สิ้นเสียงบอกกล่าวของชายหนุ่มเนื้อตัวหญิงสาวแสนสวยสั่นสะท้านขึ้นมาทันทีแน่นอนว่าอาการของหล่อน
ล้วนอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา
“…” ทราเวียร์ยิ้มเริ่มเดินหน้ารุกต่อ
“นะ นายพูดเรื่องอะไร?”
“ดูจากแววตาเปล่งประกายน่ารำคาญของเธอแล้ว”
“ฉันก็รู้ว่าเธอต้องการจะพูดเรื่องอะไร”
“ไม่ต้องมาบ่ายเบี่ยงหรอก”
“…”
“อาจจะไม่เกี่ยวกับริเบเลียก็ได้นะ”
“…ใช่มันอาจไม่เกี่ยวกัน”
“ถ้าเธอไม่ร้องตะโกนลั่นตอนเห็นป้ายโฆษณาใหญ่โต”
“…” นิ่งเงียบไปเลย
แม้จะนิ่งเงียบไปแต่เขาเห็นแววตาของหล่อนมันสั่นสะท้านหวาดหวั่นหวั่นไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ดูท่าจะจี้ใจดำไม่น้อย
…‘เป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอ?’
“…” ไอรีนกัดริมฝีปากล่าง
“…นายแกล้งฉัน”