ตอนที่ 40 เมื่อไหร่จะได้เล่นสักที
“…” สีหน้าของลูกพี่ใหญ่เข้าขั้นดำมืด
พร้อมปลดปล่อยบรรยากาศหนักหน่วงหนักแน่นขั้นสุดออกมาตลอดเวลาทั้งยังไม่มีท่าทีจะแผ่วเบากับเพิ่มเติมเพิ่มขยายมากขึ้นไม่มีหยุดหย่อน
เหล่าบรรดาลูกนัองตัวเล็กตัวน้อยทั้งหลายต่างหวาดหวั่นหวาดกลัวไม่มีใครกล้าเหลือบมองหรือเข้าใกล้แม้แต่คนเดียวทุกคนต่างต้องการถอยห่างเป็นหลัก
แน่นอนว่าเจ้าตัวหาได้สนใจสิ่งที่มันมอบความสนใจให้มากที่สุดในเวลานี้ย่อมเป็นเรื่องอื่นเป็นเหตุการณ์อื่นมากกว่า
“หาให้เจอ!”
“ตรงนั้นมีไหม?!”
“หาเร็วเข้า!”
ผ่านพ้นไปหลายนาที
“…” และแล้วช่วงเวลาที่มันรอคอยก็มาถึง
เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้พร้อมรายงานข่าวสารสำคัญข่าวสารเกี่ยวกับกลุ่มคนที่พวกมันกำลังตามหา
แววตากรอกไปมาเนื้อตัวสั่นสะท้าน
“ละ ลูกพี่”
“อะไร?!”
“เจอแล้วครับ”
“…” ลูกพี่ใหญ่หันหน้ามองตาแข็ง
ประตูถูกเปิดออกด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลบ่งบอกให้รับรู้ว่าอีกฝ่ายรีบร้อนขนาดไหนสิ่งที่พบเห็นตรงหน้า
มีเพียงเศษซากมากมายจำนวนนับไม่ถ้วนมันกวาดสายตามองไปทั่วหวังพบเจอสิ่งที่มันกำลังตามหา
…‘อยู่ไหนกัน?!’
“…” ก่อนจะหันกลับมาสนใจแผ่นหลังชายหนุ่ม
คนที่จะพาเขาไปหาสิ่งที่ตนต้องการ
“ลูกพี่มาทางนี้ครับ!”
วิ่งไปได้ประมาณ 5 นาที ในที่สุดสิ่งที่รอคอยก็ปรากฏตรงหน้ารถหรูหลายคันจอดแน่นิ่งทั่วทั้งรถมีร่องรอยเสียหาย
แต่เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือปราศจากคน
ไม่มีคนอยู่แถวนั้นเลยแม้แต่คนเดียว
“รถอยู่ตรงนั้นครับ!”
“แล้วตัวคนละ?”
“…อยู่ด้านในครับ”
“…” มันไม่รอช้ารีบวิ่งหน้าตรงออกนำต่อไปทันที
ภายในโรงงานร้างมีแสงไฟสอดส่องเข้ามาเพียงเล็กน้อยทั้งยังมีกลิ่นเน่าเหม็นกลิ่นเหล็กกลิ่นสนิมล่องลอยเต็มไปหมด
ท่ามกลางซากเศษเหล็กมากมายเหล่าลูกน้องนับสิบต่างยืนสงบนิ่งแววตาของพวกมันล้วนสั่นไหวสั่นสะท้านไปหมด
ก่อนเจ้าลูกพี่ใหญ่จะเปิดปากถามผู้นำทางก็ชิงตัดบททั้งหมดพร้อมผายมือให้มันมองดูฉากหน้า
มองดูความชิบหายทั้งปวงที่เกิดขึ้น
“ตอนพวกเรามาเจอก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว”
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย?!”
“…” หัวสมองมันมึนงงไปหมด
เมื่อพบเจอเข้ากับร่างหนึ่งกำลังนอนแน่นิ่งอยู่ตรงพื้นเส้นผมสีแดงผ่านการย้อมเป็นเอกลักษณ์
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือใบหน้าใบหน้าที่มันคุ้นชินพบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันคนที่มันนับเป็นน้องชายสุดที่รัก
ตอนนี้กับมีสภาพน่าสมเพชเวทนาเหลือเกิน
“น้องพี่!”
“ไปดูอาการคนอื่น”
“ทางนี้ก็เจอคนเจ็บครับ”
“…ตรงนี้อาการเข้าขั้นสาหัส”
“รถพยาบาลจะมาอีกประมาณ 10 นาทีครับ”
“…” มือไม้มันสั่นสะท้านไปหมด
แม้มันจะปากร้ายด่าทออีกฝ่ายตลอดเวลาแต่ใจจริงก็รักและเป็นห่วงหัวหน้าผมแดงมาก
พอมาเห็นสภาพเจ็บปวดปานตายเนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลเต็มไปด้วยเลือดเนื้อโทสะมหาศาลก็พวยพุ่งออกมา
แววตาสั่นไหวเส้นเลือดหลายสิบเส้นปูดขึ้นตามหน้าผากกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างหดเกร็ง
…‘ไอ้สารเลวนั้น!’
“…”
“…ลูกพี่” ผู้นำทางยื่นมือค้างก่อนหดกลับเบี่ยงหน้าออก
ลูกพี่ใหญ่ยังคงนั่งกอดร่างอีกฝ่ายเอาไว้ไม่มีขยับเคลื่อนไหวไปไหนทั้งยังนิ่งเงียบอยู่นานหลายวินาที
แต่ก็ไม่มีใครกล่าวทักท้วงหรือทำอย่างอื่นนอกเหนือจากนั้นเนื่องจากพวกมันรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ
หลังจากผ่านพ้นไปร่วมนาที
“…” ในที่สุดลูกพี่ใหญ่ก็ได้สติกลับมาอีกครั้ง
ก่อนเริ่มเปิดปากเปิดประเด็น
“…คนที่เหลือละ?”
“…”
“สภาพเดียวกันครับ”
“โดนงานเข้าขั้นสาหัสแต่ไม่มีใครตาย”
ลูกพี่ใหญ่กวาดสายตามองประเมินด้วยตัวเองทั่วพื้นโรงงานร้างมีร่างนอนสลบแน่นิ่งเต็มไปหมด
สภาพล้วนหนักหน่วงเอาการโดนเล่นงานจนหมดสติเนื้อตัวมีร่องรอยการถูกทุบตีทั่วทั้งตัวต่อให้รอดกลับมาได้
ก็มีโอกาสพิการส่วนใดส่วนหนึ่ง
…‘ไอ้สารเลวนั้นมันเป็นใคร?!’
“…”
“ไอ้สารเลวนั้นมันเป็นใครมาจากไหน?”
“…” ไม่มีใครล่วงรู้ทุกคนต่างมืดแปดด้านหมด
ลูกพี่ใหญ่ตะโกนลั่น
“ไปหามาให้ได้!”
“ฉันต้องการตัวมัน!”
“ฉันต้องการฆ่ามันด้วยมือของฉันเอง!”
กลับคืนสู่บ้านหลังเดิม
กลับมาที่ทราเวียร์และพวกอีกครั้ง
ช่วงระยะเวลาอีกไม่กี่นาทีก่อนริเบเลียจะเปิดให้เข้าชมเปิดให้ผู้คนทั่วทั้งโลกเข้าไปสัมผัสประสบการณ์เหนือโลกโดยตรงจำต้องโหมกระหน่ำกระแสกันหน่อย
ผู้ประกาศข่าวสาธรยังคงทำหน้าที่ดำเนินรายการหลักตามเดิมทั้งยังเพิ่มเติมอีกหนึ่งท่านเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติมสีสัน
เขาหันไปหาผู้ประกาศข่าวอีกคน
“…” พร้อมกล่าวถามกลับไป
“รู้สึกยังไงบ้างครับคุณกิตติ?”
“ตื่นเต้นมากครับ”
“ตื่นเต้นจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกเลยครับ”
“อย่าว่าแต่คุณเลย”
“ผมเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน”
“…” ทั้งสองต่างแลกเปลี่ยนบทสนทนากันและกัน
ก่อนตัดเข้าประเด็นหลักปิดกั้นประเด็นเล็กน้อยทั้งหมดหากปล่อยผ่านควบคุมเวลาได้ไม่ดีพอ
อาจเสียมันให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่องและที่สำคัญที่สุดเวลาของริเบเลียกำลังนับถอยหลังตลอดเวลา
หากพวกเขาไม่สามารถเข้าเนื้อหาหลักไม่สามารถดึงดูดผู้คนเอาไว้ได้นั้นย่อมหมายถึงการสูญเสียผู้ดูอย่างมหาศาล
เพราะฉะนั้นตัดได้สมควรตัดให้ขาด
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเข้าประเด็นกันเลยดีกว่า”
“ในเมื่อคุณกิตมีความเชี่ยวชาญเรื่องเกมดีกว่าผม”
“ผมจะให้คุณกิตเปิดก่อนครับ”
“ขอบคุณสำหรับโอกาสครับ”
“…” กิตติยิ้มก่อนเริ่มทำหน้าที่ของตน
“จากข้อมูลที่พวกเราได้รับมา”
“ภายในโลกของริเบเลียจะมีแนวทางที่แตกต่างจากเกมเก็บเวลออนไลน์ทั่วไปค่อนข้างมากเลยทีเดียวครับ”
“ไม่ว่าจะเป็นระบบอัพสกิล”
“ระบบสายอาชีพ”
“ระบบเลเวล”
“ล้วนมีความแตกต่างมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและนอกจากระบบที่มีเอกลักษณ์ยังมีข้อสังเกตที่น่าสนใจอีกด้วยครับ”
“เป็นข้อสังเกตแบบไหนครับ?”
“จากเท่าที่ทราบมา”
“เหมือนว่าระบบภายในเกมเกือบทุกอย่างล้วนต้องอาศัยตัวของเราเองไปค้นหาเป็นหลักครับ”
“ค้นหาเองนี่หมายถึงยังไงเหรอครับ?”
“…” กิตติยิ้มก่อนกล่าวต่อ
“ยกตัวอย่าง”
“หากเป็นเกมเก็บเวลตามปรกติธรรมดาทั่วไปจะมีบอกชื่อตัวละครบอกชื่อของศัตรูบอกเวลของศัตรูบอกรายละเอียดของไอเท็มรวมถึงสกิลในแต่ละสาย”
“แต่ในริเบเลียมันไม่ใช่ครับ”
“…”
“ทุกสิ่งอย่างในริเบเลียล้วนต้องอาศัยตัวเองเป็นหลัก”
“หรือก็คือหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบอ่านหนังสือไม่ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม”
“การใช้ชีวิตในริเบเลียจะเป็นอะไรที่ยากลำบากมากถึงมากที่สุดเลยครับ”
ผู้ประกาศข่าวสาธรพยักหน้าเข้าใจในประเด็นที่อีกฝ่ายกำลังบอกกล่าวก่อนเสริมเพิ่มเติมให้
“ที่คุณกิตกำลังจะบอกก็คือ”
“ภายในริเบเลียไม่มีบอกรายละเอียดพวกนี้เลยแม้แต่นิดเดียวต้องอาศัยความพยายามของตนเป็นหลักใช่ไหม?”
“ครับ” กิตติพยักหน้ากล่าวต่อ
“ไม่มีตัวเลขแสดงความเสียหาย”
“ไม่มีบอกเลเวล”
“ไม่มีบอกรายละเอียดตัวละครหรือบอกรายละเอียดสกิล”
“ไม่มีอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว”
”ทุกสิ่งอย่างล้วนต้องอาศัยตัวเองเป็นหลัก”
“แทนที่จะบอกว่าริเบเลียคือเกมเสมือนจริงสู้บอกว่ามันคือต่างโลกเหมือนกับในนิยายอาจจะเหมาะกว่าก็ได้ครับ”
สิ้นเสียงบอกกล่าวจบสิ้นแววตาของสองสาวกับยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นผิดกับทราเวียร์
เขาเพียงหรี่ตามองพึมพำอยู่คนเดียว
…‘เอาจริงดิ’
“…”
“ต่างโลกงั้นเหรอ?”
“เหลือเวลาอีกเพียง 15 นาทีเท่านั้นครับในตอนนี้—”
ข่าวยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางบรรยากาศนิ่งเงียบปราศจากสุ้มเสียงพูดคุยทราเวียร์ลอบถอนหายใจ
ก่อนเงยหน้ามองขึ้นเพดาน
…‘เมื่อไหร่จะได้เล่นหะ?!’
“…”