ตอนที่ 6 หนีสิครับ
อันธพาลหนุ่มนัอยทั้งสองต่างพยายามงัดเอาทุกกลเม็ดมาใช้งานใช้การตรงหน้าหวังพิชิตใจสาวงาม
น่าเสียดายที่มันช่างเปล่าประโยชน์เหลือเกิน
“อย่าไปสนใจมันเลย”
“มันเป็นแค่คนบ้าขี้ยา”
“แกหาว่าใครขี้ยาวะ”
“…” ไอรีนสาวงามนิ่งเงียบไม่มีเปิดปากพูดจาหล่อนเพียงเฝ้ารอคอยอย่างเดียวส่วนรออะไรอยู่นั้น
คงไม่มีใครสามารถตอบได้
เห็นท่าไม่ดีไม่มีแนวโน้มว่าจะสำเร็จพวกมันละความขัดแย้งพร้อมรวมมือกันปราบปรามอีกฝ่าย
หวังคว้าเอารางวัลตรงหน้า
“งั้นเอาแบบนี้ไหม?”
“น้องสาวไปกับพวกเราก่อน”
“แล้วที่เหลือค่อยว่ากันอีกที”
“…”
“คือพูดอะไรสักอย่างได้ไหม?”
“อย่าเงียบแบบนี้สิ” ตอนแรกมันก็ดีอยู่หรอกแต่พอปล่อยให้พูดคนเดียวไปเป็นนาทีแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ
เหมือนคุยกับอากาศคุยกับกำแพง
“…”
“ไปกับพวกพี่เถอะ”
“…” ไอรีนยังคงนิ่งตามเดิมไม่มีหวั่นไหว
แน่นอนว่าทุกสิ่งอย่างทุกสถานการณ์ล้วนอยู่ในสายตาชายหนุ่มสวมแว่นทั้งหมด
หลังจากจ้องมองจนแน่ใจมองจนรับรู้ว่าอีกฝ่ายคือหญิงสาวคนที่เขาไม่ต้องการพบเจอหน้าที่สุดในตอนนี้
หัวสมองก็สั่งงานสั่งการลงไปทันที
…‘หนีดีกว่า’
“…”
…‘ขอร้องละอย่าพึ่งหันมานะ’
“…”
ทราเวียร์ก้าวเท้าถอยหลังขณะสายตายังจับจ้องมองอีกฝ่ายไม่คิดละไปไหนจนหลงเหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
อีกไม่กี่ก้าวเขาก็จะพ้นสายตาหล่อน
…‘อีก 3 ก้าวเท่านั้น’
“…”
“เอาละอีกนิดเดียว—”
“…” ช่วงเวลาอีกเพียงเสี้ยววินาทีเดียวก่อนเขาจะประสบความสำคัญยอดเยี่ยมหญิงสาวเกิดหันหน้าเข้ามาราวกับล่วงรู้ว่าชายหนุ่มคิดจะทำอะไร
แม้แววตาจะราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์แต่สำหรับเขามันคือสัญญาณบอกกล่าวชัดเจนที่สุด
ว่าเกมได้จบลงเรียบร้อยแล้ว
…‘ชิบ?!’
“…”
พอเห็นการเคลื่อนไหวครั้งแรกในรอบหลายต่อหลายนาทีของสาวงามพวกมันต่างดีใจขึ้นทันตาเห็น
คิดกันไปเองว่าในที่สุดกำแพงหนาตรงหน้าได้พังทลายเรียบร้อยแล้วทั้งที่ความเป็นจริงมันช่างแตกต่างเหลือเกิน
แตกต่างราวฟ้ากับเหว
“ในที่สุด!”
“น้องสาวพี่บอกได้เลยว่าน้องจะไม่มีผิดหวังแน่นอนหากน้องได้ตามพี่ไป…” ซุ่มเสียงแผ่วเบาลงไปหลายระดับ
เนื่องจากสายตาของหล่อนมันแปลกประหลาดเกินไปทั้งเหมือนจะไม่ได้มองมาที่ตนด้วย
“น้องสาว?”
“น้อง—”
“ไม่ได้มองมาที่แกวะ”
“แล้วมองหมาตัวไหนวะ?”
“…” คำตอบอยู่ที่สุดปลายสายตาสาวงาม
ทุกสายตาจับจ้องมองไปที่ชายหนุ่มสวมแว่นรอยยิ้มพวกมันแข็งค้างมึนงงไปชั่วขณะ
“เธอมองมัน?”
“…น่าจะใช่”
“…”
“ดีงั้นก็เรียกมันมาด้วยละกัน”
พวกมันไม่รู้ว่าไอรีนจ้องมองเจ้าหนุ่มสวมแว่นด้วยเหตุผลอะไรแต่หนึ่งสิ่งที่รับรู้ได้แน่นอนเลยคือ
ไอ้หนุ่มนั้นไม่มีทางหลีกหนีคราวเคราะห์ครั้งนี้ไปได้แน่นอน
มันกวักมือเรียกทราเวียร์
“ไอหน้าอ่อน”
“มานี่สิ”
“…”
“…ไม่ยอมมาใช่ไหม?”
“ได้งั้นฉันคงต้องไปเชิญด้วยตัวเองละมั้ง”
หนึ่งในพวกหน้าหม้อขยับเท้าเข้าไปใกล้
ทำเอาทราเวียร์กลัวจนหัวหดแต่ไม่ใช่ว่ากลัวพวกอันธพาลตรงหน้าเขาหวาดหวั่นหวาดกลัวอย่างอื่นมากกว่า
ทราเวียร์กล่าวตะกุกตะกัก
“ขะ ขอโทษ”
“จำผิดแล้ว!”
“จำผิดแล้วครับ!”
“นายจะไปไหน?!” เห็นทราเวียร์ก้าวถอยหลังพวกมันเริ่มปลดปล่อยสีหน้าโหดเหี้ยมอำมหิต
ระหว่างพวกมันกำลังสนใจเขาตอนนั่นเองที่หล่อนเผยรอยยิ้มเบาบางมาให้สัญญาณอันตราย
เด้งขึ้นตรงส่งเข้าหัวสมอง
…‘ตายห่าละ’
“…”
“ปะ ไปก่อนนะครับ”
กล่าวจบชายหนุ่มก็หันหลังรีบวิ่งหนีหายไปทันทีปล่อยให้พวกมันมึนงงสับสนไม่เข้าใจ
หนึ่งในนั้นขมวดคิ้วหันมามองหน้ากันเอง
“รู้จักกันจริงรึเปล่า?”
“…ไม่มีทางหรอก”
“ถ้ารู้จักจริงจะเลือกวิ่งหนีแบบนี้เหรอ?”
“ช่างมันเถอะมันจะหนีไปไหนก็เรื่องของมัน”
สายตาหื่นกระหายหันมามองหญิงสาวจังหวะเวลานี้จะใครหน้าไหนก็ไม่สำคัญเท่าหญิงสาวตรงหน้าอีกแล้ว
ฝ่ามือหนาหยาบกร้านจับเข้าที่ข้อมืออีกฝ่าย
“เรามาต่อเรื่องของเรากันเถอะ”
หมับ!
“…”
แต่ก็โดนจับเอาไว้ได้เสียก่อนแน่นอนว่าไม่ใช่ใครคนไหนเป็นหญิงสาวแสนสวยที่ไม่ต้องการให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัว
มันเลิกคิ้วขึ้นหลังจากโดนหล่อนจับข้อมือแทน
“โอ~”
“…”
“ใจร้อนจังนะ”
“คิดจะทำอะไร?” เป็นครั้งแรกที่หล่อนเปิดปากกล่าวกับพวกมันหลังจากนิ่งเงียบเป็นเวลานาน
แววตาเดรัจฉานพุ่งพวยทันที
“ขนาดเสียงยังเพราะเลย”
“…ถอยออกไปค่ะ”
“อย่าพึ่งใจร้อนสิพี่ยังมีเรื่องอยากจะบอกน้องอีกเยอะ”
“อีกอย่างถ้าจะตามไอักุ้งแห้งนั้นไปสู้ไปกับพวกเราดีกว่า”
“ใช่ พี่ว่าน้องตัดสินใจใหม่เถอะ”
“…” พวกมันสองคนเผยรอยยิ้มขึ้นมาพร้อมกัน
แน่นอนว่ารอยยิ้มครั้งนี้ไม่ใช่รอยยิ้มปรกติธรรมดามันคือรอยยิ้มหยาบโลนยิ่งไม่ต้องพูดถึงแววตาน่ารังเกียจกวาดมองดูหล่อนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
ไอรีนเลิกคิ้วกล่าวถาม
“ตัดสินใจใหม่?”
“…”
“เป็นฝ่ายพวกคุณต่างหากที่ต้องตัดสินใจใหม่?”
“หมายความว่าไง—”
ยังไม่ทันได้กล่าวจบประโยคเสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังขึ้นพร้อมร่างหนึ่งทรุดลงกับพื้น
เป็นเจ้าหนุ่มที่โดนจับข้อมือตอนแรก
“อ๊ากกกกกกกก!!!”
“…” หล่อนเพียงจ้องมองมันด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับกำลังจ้องมองมดแมลงตามพื้นดิน
ห่างออกไปไม่ไกลมากนักจากสถานที่เกิดเหตุชายหนุ่มสวมแว่นรีบสับเท้าวิ่งสุดแรงเกิด
…‘ไม่อยู่แล้วโว้ย!!!’
“…” ทราเวียร์ออกวิ่งสุดแรงไม่คิดอยู่ต่อ
แม้จะมองไม่เห็นจุดจบคู่อันธพาลเดนตายด้วยตาตัวเองแต่เขาก็พอคาดเดาได้
ฟังเสียงกรีดร้องเมื่อครู่คงไม่พ้นต้องโดนเล่นงานจนหมดสภาพหรืออาจถึงตายแน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจพวกมันสองตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
เพียงแต่ว่าหากหล่อนจัดการพวกมันหมดสิ้นแล้วเป้าหมายต่อไปคงไม่พ้นต้องเป็นเขา
ริมฝีปากขบแน่น
…‘ต้องหนีก่อน—’
“…”
“อ๊ากกกกกกกก!!!” เสียงกรีดร้องดังติดต่อกันสองครั้งติดหลังจากนั้นซุ่มเสียงทั้งหมดก็จางหายไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ทราเวียร์เร่งความเร็วขั้นสุด
…‘ต่อไปคือเราสินะ’
“…”
“อย่าพึ่งตามมานะ”
“ขอเวลาใหัฉันทำใจก่อน”
ระหว่างกำลังวิ่งหนีสุดกำลังสายตาเขาเหลือบไปเห็นบางสิ่งอย่างเข้ามันคือฝ่ามือขาวเนียนพุ่งเข้ามาในระยะสายตา
ดวงตาเขาเบิกกว้างขั้นสุด
…‘มาแล้ว’
“…”
หมับ!
เพียงแค่วินาทีเดียวที่พบเห็นมือเรียวพุ่งเข้ามาจากด้านหลังภาพเบื้องหน้าทั้งหมดก็แปรเปลี่ยนไปในทันที
เปลี่ยนชนิดที่ว่าจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“เดี๋ยว!—”
เป็นฝีมือหญิงสาวแสนสวยหล่อนกระชากเขาจากมุมอับสายตาพร้อมอัดกระแทกร่างเล็กเข้ากับกำแพงข้างถนน
ทำเอาอวัยวะทั่วทั้งร่างสั่นสะท้านไปหมด
“…อ๊ากกกกกก!” ทราเวียร์ทรุดตัวลงกับพื้น
สายตาพร่ามัวในตอนแรกกลับคืนสู่สภาพปรกติเรียบร้อยเขาเห็นขาเรียวขาวตรงหน้าพอเงยหน้ามองเท่านั่นแหละ
ก็เจอเข้ากับสายตาเย็นชาต้อนรับทันที
“ทำไมถึงหนีละ?”
“…ไง—”
“ฉันถามว่าทำไมถึงหนี?”
…‘บรรลัยละไง’
“…”