หลิ่วเหมยอู่เคยเห็นลูกดอกในมือของเฉินเสียนจริง ดังนั้นนางจึงไม่คิดให้มาก ใจหนึ่งก็อยากให้เฉินเสียนและนักฆ่าพัวพันกัน เมื่อถึงเวลานั้นนางจะได้ไม่ต้องลงมือ ให้องค์จักรพรรดิทรงจัดการกับเฉินเสียนด้วยตนเอง
ตอนนี้เฉินเสียนไม่เพียงแต่เสนอตนเอง ฉินหรูเหลียงก็ถูกดึงเข้ามาเอี่ยวด้วยเช่นกัน เพียงแค่ต้อนฉินหรูเหลียงให้จนมุม ก็จะรู้ว่าสิ่งที่เฉินเสียนกล่าวมานั้นจริงหรือเท็จ
หากฉินหรูเหลียงกล่าวว่าเป็นเรื่องเท็จ เฉินเสียนจะไม่อาจแก้ต่างได้
แต่ถ้าฉินหรูเหลียงกล่าวว่าเป็นเรื่องจริง หลิ่วเหมยอู่จะกลายเป็นคนที่จงใจใส่ความองค์หญิง นางจะตกเป็นเป้าหมายของธารกำนัลทั้งหลาย ผลที่ตามมานั้นมิอาจคาดเดาได้
ในเวลานี้เสียงขององค์จักรพรรดิดังก้องอยู่เหนือศีรษะของหลิ่วเหมยอู่ราวกับฝันร้าย “ไปเรียกฉินหรูเหลียงมา กงกง ให้พระที่นั่งแก่องค์หญิงจิ้งเสียน”
ฉะนั้นข้ารับใช้ในวังหลวงจึงออกไปเพื่อเรียกให้ฉินหรูเหลียงกลับมาจากการไปออกค้นหามือสังหาร และให้พระที่นั่งฝั่งหนึ่งแก่เฉินเสียน
เฉินเสียนที่ยืนจนเจ็บเอวเจ็บเท้าไปหมด จึงค่อยๆ นั่งลง
หลิ่วเหมยอู่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นเช่นเดิม องค์จักรพรรดิยังไม่ให้นางลุก ฉะนั้นนางจึงทำได้เพียงคุกเข่าอยู่เช่นนั้น
ไม่นานฉินหรูเหลียงผู้เด็ดขาด ก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นหลิ่วเหม่ยอู่คุกเข่าอยู่บนพื้น ส่วนเฉินเสียนนั่งอยู่ที่นั่งข้างๆ เขาหยุดชะงัก แล้วคุกเข่าลง ทำการคารวะ “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดฝ่าบาททรงลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนมองไปที่หลิ่วเหมยอู่อย่างนิ่งสงบ กล่าวขึ้นอย่างปลอบโยน “เหมยอู่อย่ากลัวไปเลย เพียงแค่คนในครอบครัวเข้าใจผิดกันเท่านั้น แค่ต้องแก้ไขให้ทันท่วงที ตอนนี้ท่านแม่ทัพก็อยู่ที่นี่แล้ว ความจริงจะปรากฏในไม่ช้า
ชี้แจงไม่ชัดเจนก็ไม่เป็นไร ถนนสายนั้นและแผงลอยอันนั้น ท่านแม่ทัพยังทรงจำได้แม่นว่าวันนั้นถูกโจมตีอย่างไร หากกลับไปที่ถนนสายนั้นอีกครายังตรวจสอบค้นหาได้”
หลิ่วเหมยอู่ตัวสั่นอีกครั้ง
น้ำเสียงขององค์จักรพรรดิเย็นชา หยิบลูกดอกในถาดขึ้นมา โยนมันลงบนพื้นข้างๆ เท้าของฉินหรูเหลียง แล้วตรัสว่า “อนุของเจ้าบอกว่านางเคยเห็นลูกดอกที่คล้ายกับของมือสังหารในจวนแม่ทัพ เห็นในมือของจิ้งเสียน จริงหรือไม่? ”
ฉินหรูเหลียงไม่ได้เขลา จากคำพูดของเฉินเสียนเมื่อครู่ และเมื่อได้ยินคำถามของจักรพรรดิอีก จึงเข้าใจได้คร่าวๆ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
เหมยอู่เปิดเผยว่าเฉินเสียนมีลูกดอกที่คล้ายคลึงกันอยู่กับนาง เฉินเสียนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง จึงต้องบอกที่มาของลูกดอกนั้น
แต่เช่นนี้ เกี่ยวกับเขาเสียที่ไหน?
เขาไม่เพียงแค่จับตัวมือสังหารที่ลอบโจมตีตนเองก่อนหน้านี้ไม่ได้ เวลานี้ยังปล่อยมือสังหารลอยนวลไปอีก ศักดิ์ศรีและหน้าตาของการเป็นแม่ทัพทั้งหมดพลันอันตรธานหายไป สูญสิ้นทุกอย่าง
คำกล่าวหาของเฉินเสียนไม่ใช่พูดให้หลิ่วเหมยอู่ฟัง แต่กล่าวให้ฉินหรูเหลียงได้ยิน
หากเขากลับผิดเป็นถูกพูดเพื่อเข้าข้างหลิ่วเหมยอู่ มีพยานมากมายตามท้องถนนในวันนั้น เจ้าของแผงลอยตั้งแผงลอยอยู่ที่ตรงนั้นมาช้านาน หากเขายืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธ เจ้าของแผงลอยและผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์บนถนนก็มาเป็นพยานได้
ฉินหรูเหลียงรักหลิ่วเหมยอู่มากยิ่งนัก ตอนนี้เขาอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เมื่อเห็นฉินหรูเหลียงเอาแต่เงียบ องค์จักรพรรดิทรงตรัสอย่างไม่พอพระทัย “แม่ทัพฉิน พูดมา!”
ฉินหรูเหลียงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ”
หลิ่วเหมยอู่เงยหน้ามองฉินหรูเหลียงอย่างเศร้าสร้อย
จักรพรรดิตรัสอีกครา “แต่องค์หญิงจิ้งเสียนกล่าวว่า ลูกดอกนั้นถูกนักฆ่าลอบโจมตีตอนที่เจ้าพานางไปเดินซื้อของ ใช่หรือไม่? ”
ฉินหรูเหลียงมองไปที่หลิ่วเหมยอู่ด้วยสายตาหดหู่ มีความผิดหวังอยู่ในแววตาของเขาลึกๆ
เขารู้ว่าหลิ่วเหมยอู่ไม่ชอบเฉินเสียน แต่ไม่คาดคิดว่านางจะเปิดโปงเฉินเสียนต่อหน้าธารกำนัล เหมยอู่อ่อนโยนและขี้ขลาดมาตลอด เหตุใดวันนี้กลับมีความกล้าเช่นนี้
เช่นนี้ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการใส่ความ แต่ยังอยากฆ่าเฉินเสียนให้ตาย
คำวิงวอนฉายอยู่ในสายตาของหลิ่วเหมยอู่ นางกำลังอ้อนวอนสิ่งใด อ้อนวอนขอให้ช่วยพูดปดเพื่อนาง ให้ใส่ความเฉินเสียนงั้นหรือ?
แม้ว่าฉินหรูเหลียงจะเกลียดเฉินเสียนมากเพียงใด ก็ไม่อาจใช้วิธีการนี้เพื่อฆ่านางได้
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ความประทับใจที่เฉินเสียนมอบให้เขาไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยรังเกียจอีกต่อไป
เขาจำได้เสมอว่า นางกำลังนอนเอนกายสงบจิตใจอยู่บนเก้าอี้ภายในสวนสระวสันตฤดู นางเต้นระบำอยู่ใต้ร่มไม้ด้วยท่าทางมั่นใจ แม้จะโอหังอวดดีไปบ้าง แต่เหตุการณ์ในอดีตยังคงเด่นชัดในความทรงจำ
เขาไม่อาจใส่ความเฉินเสียนได้ แต่เหมยอู่เล่า เขาจะทำเช่นไร?
แววตาของฉินหรูเหลียงดูสับสน ทำให้หัวใจของหลิ่วเหมยอู่ค่อยๆ จมลงดิ่งเหวไปทีละน้อย
ท้ายที่สุดฉินหรูเหลียงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “กราบทูลฝ่าบาท เป็นอย่างที่องค์หญิงได้กล่าวไป กระหม่อมล้มเหลวในการจับมือสังหารในครานั้น กระหม่อมสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ!”
หลิ่วเหมยอู่ทรุดตัวลงกับพื้นทันที ตัวสั่นเทาน้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย
ฉินหรูเหลียงช่วยพูดให้เฉินเสียนและเพิกเฉยต่อนาง
จักรพรรดิทรงกริ้ว “เจ้ารู้แต่ไม่รายงาน เจ้าสมควรตาย!”
ฉินหรูเหลียงรีบคุกเข่าแล้วก้มศีรษะลง รอการลงโทษจากองค์จักรพรรดิ
จักรพรรดิสะบัดชายฉลองพระองค์และลุกขึ้นยืน ทอดพระเนตรไปที่ฉินหรูเหลียง แล้วตรัสว่า “ข้ามีรับสั่งให้เจ้าตามหาตัวมือสังหารให้ได้ภายในสามวัน มิเช่นนั้น แม้เป็นแม่ทัพใหญ่เจ้าก็อย่าหวัง!”
สายตาทอดพระเนตรไปที่หลิ่วเหมยอู่อย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าประตูวังของข้าเป็นตลาดผักหรืออย่างไร อนุนางใดจึงสามารถไปมาได้ตามอำเภอใจ! ตั้งแต่บัดนี้ไป ไม่ว่าผู้ใด ห้ามพานางอนุในเรือนเข้ามาภายในพระราชวังเป็นอันขาด!”
ขุนนางและเหล่าภรรยาในเรือนต่างไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยเสียงดัง
องค์จักรพรรดิทรงพระพิโรธ ทั้งหมดเป็นเพราะนางอนุในเรือนของจวนแม่ทัพ ยิ่งทำให้พวกเขาหวาดกลัว
หลิ่วเหมยอู่ตัวสั่นเทา จากนั้นเสียงขององค์จักรพรรดิก็ดังขึ้นอีกครา “นางอนุผู้นี้กล้าใส่ความองค์หญิง ลากมันออกไปเฆี่ยนให้ตายก็หาว่าทารุณเกินไปไม่”
แม้คุกเข่าหลิ่วเหมยอู่ก็ไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ นางทรุดตัวลงกับพื้นอย่างแรง
ฉินหรูเหลียงยกมือขึ้นถวายบังคม ขอร้องอ้อนวอน “ขอฝ่าบาททรงโปรดเมตตา กรรมที่นางก่อ กระหม่อมยินดีรับโทษแทนพ่ะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิทรงขมวดคิ้ว “เจ้ากำลังอ้อนวอนแทนนางงั้นรึ?”
ฉินหรูเหลียงก้มลงหน้าผากจรดพื้น คุกเข่าลงบนพื้นในท่าที่ต่ำต้อยที่สุด รอรับบทลงโทษจากองค์จักรพรรดิ
แต่เฉินเสียนมองพิจารณาเขาในแง่มุมที่ต่างออกไป เขาทำเพื่อหลิ่วเหมยอู่ได้เช่นนี้ คงไม่ต้องสงสัยถึงความจริงใจที่เขามีให้นาง
หากเฉินเสียนผู้โง่เขลาไม่ได้แต่งงานกับเขาตั้งแต่แรก บางทีชีวิตพวกเขาทั้งหมดคงดีกว่าในขณะนี้ ฉินหรูเหลียงตกหลุมรักสตรีเช่นนั้นได้อย่างไร เฉินเสียนกลับหาได้สนใจไม่
แต่น่าเสียดาย ที่สตรีผู้นั้นไม่ได้ช่วยพยุงเขาขึ้น กลับยิ่งฉุดเขาให้ตกต่ำลงมาแทน
องค์จักรพรรดิทรงทราบดี ระหว่างข้าราชบริพารทั้งหลาย จักยิ่งวุ่นวายและไม่เป็นที่พอใจไปกันใหญ่ หากจักรพรรดิประหารหลิ่วเหมยอู่จริงๆ เกรงว่าฉินหรูเหลียงคงไม่พอใจเป็นแน่ แต่หากปล่อยนางไป ฉินหรูเหลียงคงซาบซึ้งในพระคุณ
จักรพรรดิทรงถามขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ “จิ้งเสียน เจ้าคิดว่าอย่างไร? ”
เฉินเสียนก้มศีรษะลง แล้วจ้องมองไปที่ฉินหรูเหลียง “กราบทูลฝ่าบาท หม่อมฉันคิดว่าท่านแม่ทัพฉินเป็นเสาหลักของเมืองต้าฉู่อยู่แล้ว หาได้ยากยิ่ง และท่านแม่ทัพยังเป็นพระสวามีของหม่อมฉัน หม่อมฉันจึงขอความเมตตาแทนท่านแม่ทัพ ขอฝ่าบาททรงพระกรุณาด้วยเพคะ”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นเฉินเสียนก็คุกเข่าลง จักรพรรดิยกพระหัตถ์ขึ้นเป็นสัญญาณให้คนรับใช้ที่อยู่ข้างกายขวางนางเอาไว้
ฉินหรูเหลียงตกตะลึง เวลานั้นเขาอ้อนวอนแทนหลิ่วเหมยอู่ ส่วนเฉินเสียนกลับกล่าวอยู่ตลอดเวลาว่าเขาเป็นสามีและวอนขอความเมตตาแทนเขา
บางทีนางอาจเพียงแค่มีโอกาสได้เล่นสนุกบ้างเป็นบางคราว แต่อย่างไร ก็ยังมีความคละคนแปลกใจอยู่ภายในใจเขา
หลิ่วเหมยอู่กำลังรนหาที่ตาย และเฉินเสียนไม่ได้ขัดขวาง แต่เวลานี้จักรพรรดิได้ถามคำถามนี้กับเฉินเสียน หมายความว่าองค์จักรพรรดิได้ทรงตัดสินพระทัยแล้ว เพียงแค่ต้องการผ่านนางให้เป็นขั้นเป็นตอนเพียงเท่านั้น
แน่นอนว่าเฉินเสียนย่อมพายเรือตามน้ำไป