นางเลิกคิ้วขึ้นอย่างชั่วร้าย กล่าวว่า “ในตอนที่ข้าถูกโจรป่าจับไปไม่รู้ชะตากรรม ท่านก็คงจะพลอดรักลึกซึ้งกันอยู่ในห้องนี่สินะ จนถึงวันนี้นึกถึงเรื่องพวกนั้นเมื่อไหร่ ข้าก็รู้สึกว่ามันยังปรากฏอยู่ชัดเจน ว่าตัวข้าเองยังคงไม่มีความสุข”
นางชำเลืองไปมองฉินหรูเหลียง กล่าวอย่างยิ้มเยาะด้วยสายตาเย็นชา “ฉินหรูเหลียง ท่านบอกข้าสิ ตามปัจจัยดังกล่าวแล้ว ข้าควรจะใช้เหตุผลอะไรไปช่วยรักษานาง”
ในขณะที่เฉินเสียนกำลังหมุนตัวออกไป ฉินหรูเหลียงก็กล่าวว่า “ข้าขอโทษท่านสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา ท่านบอกข้ามาสิว่าจะต้องทำเช่นไรท่านถึงจะยอมช่วยนาง?”
เฉินเสียนกล่าวอย่างเฉยเมย “ความสามารถในการรักษาของข้าไม่สามารถช่วยเหลือได้ แม้แต่หมอก็ช่วยไม่ได้ ข้ายิ่งไม่มีทาง เพื่อที่จะไม่เสียเวลาในการรักษาอาการป่วยของเหมยอู่ ข้าแนะนำท่านให้รีบไปเชิญหมอที่ชำนาญในการรักษามากกว่านี้มาที่จวนเถอะ”
ในขณะที่เฉินเสียนกำลังเข้าประตูไป จู่ๆฉินหรูเหลียงก็เอ่ยออกมาว่า “ข้าไม่อยากพลาดโอกาสแม้แต่โอกาสเดียวในการช่วยชีวิตนาง ท่านไม่ลองจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้? เฉินเสียนข้ารู้ว่าความสามารถในการรักษาของท่านนั้นดีมาก ท่านสามารถรักษาแผลที่หลังของข้าที่แสนหนักหนานั้นได้ ก็จะต้องรักษานางได้แน่ๆ”
เขามองแผ่นหลังที่เด็ดเดี่ยวของนาง สูดหายใจลึกแล้วกล่าวว่า “ขอเพียงแค่ท่านยอมช่วย ข้ายอมท่านหมดทุกอย่างเลย”
เฉินเสียนหยุดเท้าลง หันกลับไปมองเขา เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม “ที่กล่าวมาท่านพูดจริงนะ?”
“ไม่คืนคำอย่างเด็ดขาด”
เฉินเสียนใช้มือรองคางแล้วกล่าวว่า “ตกลง ข้อตกลงนี้ท่านติดข้าเอาไว้ก่อน รอข้าคิดได้เมื่อไหร่ ค่อยทวงขอท่าน อวี้เยี่ยน เก็บของแล้วตามข้าไปดูเหมยอู่ที่สวนดอกพุดตาน”
ครรภ์ของเฉินเสียนนั้นใกล้จะเก้าเดือนแล้ว
หน้าท้องกลมๆของนาง ถ้าไม่มีอวี้เยี่ยนช่วยพยุง เดินเหินก็จะไม่ค่อยสะดวก มองทางไม่ชัด
เฉินเสียนที่เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ฉินหรูเหลียงอึ้งไปเลย
ทำให้เขารู้สึกเหมือนตกลงไปในหลุมพรางของนางดีๆนี่เอง
แต่เพียงเพราะต้องการช่วยหลิ่วเหมยอู่ฉินหรูเหลียงจึงไม่สามารถโต้เถียงเยอะได้
ยิ่งฉินหรูเหลียงร้อนใจ เฉินเสียนก็ยิ่งมีท่าทางที่สงบนิ่ง ทำให้เขาร้อนใจจะตายอยู่แล้ว
ดังนั้นฉินหรูเหลียงจึงต้องเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ มุ่งหน้าไปสวนดอกพุดตานก่อน ทิ้งเฉินเสียนและอวี้เยี่ยนที่ค่อยๆเดินกันมาไว้ข้างหลัง
อวี้เยี่ยนเบ้ปากกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าองค์หญิงกล่าวอย่างหนักแน่นว่าจะไม่ช่วยนายหญิงหลิ่วหรือเพคะ เหตุใดจู่ๆถึงบอกว่าจะเปลี่ยนความคิดก็เปลี่ยนเลยเพคะ”
“เจ้าไม่ได้ยินที่ฉินหรูเหลียงพูดหรือไง ถ้าช่วยแม่นางหลิ่วได้แล้ว จะขออะไรเขาก็ยอมทุกอย่าง”
อวี้เยี่ยนยู่หน้า “งั้นขอให้นายหญิงหลิ่วตายอีกครั้งได้หรือไม่เพคะ”
เฉินเสียนกล่าวอย่างยิ้มๆ “เจ้าเนี่ยช่างจงเกลียดจงชังแม่นางหลิ่วเสียจริง ช่วยชีวิตนางแล้วก็ให้นางไปตายอีกครั้ง ไม่คิดว่าองค์หญิงจะเปลืองแรงหรอกหรือ”
“แต่บ่าวรู้สึกว่า สิ่งที่นางทำนั้นไม่สมควรมีชีวิตอยู่
เห็นองค์หญิงพูดอย่างเจ็บปวด ทำให้บ่าวนึกถึงขึ้นมาก็อดเจ็บปวดใจไม่ได้ องค์หญิงเพียงพูดว่าไม่สามารถเลิกเจ้าคิดเจ้าแค้นได้ เพียงแค่พริบตาเดียวก็สลัดเรื่องนั้นทิ้งไปได้เลย
บ่าวฟังแล้วก็เกือบจะร้องไห้แล้วเพคะ” อวี้เยี่ยนพูดอย่างน้อยใจ
เฉินเสียนยกริมฝีปากกล่าว “เจ้าก็รู้สึกว่ามันมีสิ่งที่ทำให้คนอื่นคิดแบบเดียวกันใช่หรือไม่ ไม่เช่นนั้นฉินหรูเหลียงจะยอมรับทุกเงื่อนไขที่ข้าขอหรือ”
อวี้เยี่ยนตื่นตะลึงไปครู่หนึ่ง กรอกดวงตาทั้งสองไปมา “ที่แท้องค์หญิงตั้งใจพูดแบบนั้นเพื่อให้ท่านแม่ทัพได้ฟัง หรือว่าองค์หญิงคิดที่จะไปช่วยนายหญิงหลิ่วตั้งแต่แรกแล้วหรือเพคะ?”
เฉินเสียนหรี่ตา สวนดอกพุดตานอยู่ข้างหน้าไม่ไกล นางกล่าว “อย่างไรก็ตามไปดูสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้านางโดนคนจับจนถูกพิษ ช่วยได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็ไม่ฝืนช่วยหรอก”
อวี้เยี่ยนเข้าใจสิ่งที่เฉินเสียนคิด เอ่ยว่า “งั้นถ้านางหลิ่วแกล้งทำล่ะเพคะ?”
“นั่นนางก็รนหาที่ตายเองแล้วล่ะ”
เฉินเสียนคิด ในเมื่อหลิ่วเหมยอู่ช่วยเหลือชายชุดดำ ทั้งยังอาจจะแกล้งถูกจับแล้วปล่อยชายชุดดำไปอีก งั้นนางก็อาจจะแกล้งถูกพิษเช่นกัน
ในคราแรกเฉินเสียนรู้สึกว่ามีสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่ ยิ่งคิดเช่นนี้ก็สมเหตุสมผลทันที
เจตนาของหลิ่วเหมยอู่คืออะไรกัน? อยากจะอาศัยสิ่งนี้ได้รับความรักความห่วงใยจากฉินหรูเหลียงหรือ?
ไม่ว่าจะจริงหรือหลอก ครั้งนี้เฉินเสียนจะไปสวนดอกพุดตานให้เห็นกับตา
หลังจากถึงสวนดอกพุดตาน เฉินเสียนเห็นหลิ่วเหมยอู่นอนอยู่บนเตียงด้วยบรรยากาศอึมครึม ก็ขมวดคิ้ว
เฉินเสียนจับชีพจรหลิ่วเหมยอู่ พบว่าชีพจรของนางเต้นเบามาก ถอนหายใจเบาๆ
ดูท่าทางแล้วว่าถูกพิษจริงๆสินะ
เฉินเสียนตรวจดูอาการป่วยของหลิ่วเหมยอู่ หลังจากนั้นนำเข็มสีเงินเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว มองดูเลือดสีดำที่ไหลออกมา แววตาของเฉินเสียนก็เปลี่ยนไปทันที
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?”
เฉินเสียนกล่าว “ถึงแม้ว่าจะยังไม่แน่ชัดว่าเป็นพิษอะไร แต่ที่แน่ชัดก็คือ พิษนี้เหมือนกับยาพิษบนลูกดอกที่ยิงจากถนนในวันนั้น”
ฉินหรูเหลียงเอ่ยถาม “ท่านสามารถจัดยาแก้พิษได้หรือไม่?”
“ข้าจะต้องเอากลับไปศึกษาสักเล็กน้อย มีเพียงแค่ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าพิษนั่นมาจากไหน ถึงจะสามารถหายาแก้พิษได้”
เมื่อเฉินเสียนกำลังจะจากไป ฉินหรูเหลียงคว้าข้อมือของนางอย่างเย็นชา ดวงตาแดงก่ำ “ต้องใช้เวลานานเท่าใด? นางจะไม่มีเวลาแล้ว”
เฉินเสียนกล่าวอย่างเย็นชา “ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามชะตา หรือไม่ก็ต้องไปเชิญผู้ที่มีความสามารถมากกว่านี้”
เมื่อเฉินเสียนเดินไปครึ่งทาง ใบหน้าของนางก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป จนกระทั่งนางกลับมาถึงสวนสระวสันตฤดู นางก็พูดขึ้นมาอย่างใจจดใจจ่อทันที “ไม่ถูกต้อง”
อวี้เยี่ยนสับสนมึนงง “องค์หญิงคิดว่าอะไรไม่ถูกต้องหรือเพคะ?”
เมื่อกลับมาที่สวนสระวสันตฤดู เฉินเสียนตรวจสอบเลือดที่มีพิษจากหลิ่วเหมยอู่ในถ้วยอย่างละเอียด และกล่าวว่า “พิษที่ลูกดอกในตอนแรกเป็นพิษที่รุนแรง หลังจากถูกวางยาพิษมันก็เพียงพอที่จะทำให้คนตายคาที่ได้ทันที แต่ตอนนี้หลิ่วเหมยอู่ถูกวางยาพิษด้วยพิษเดียวกัน แต่ก็ยังมีลมหายใจอยู่”
เธอดมมันและกล่าวอีกว่า “สารพิษในเลือดของหลิ่วเหมยอู่ไม่เพียงพอที่จะทำให้นางตายทันที พิษนี้ถูกทำให้เจือจางแล้ว”
“แล้วคำถามก็คือคนชุดดำคนนี้จะแก้แค้น ฆ่าเอาชีวิต หรือว่าเป็นหนึ่งในแผนการของหลิ่วเหมยอู่?”
เฉินเสียนหันหน้าไปทางหน้าต่าง หรี่ตามองออกไปนอกหน้าต่างครุ่นคิดอยู่นาน
อวี้เยี่ยนสับสนและกล่าวว่า “งั้นองค์หญิงยังช่วยนางอยู่เหรอเพคะ?”
เฉินเสียนกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งและกล่าวด้วยความหมายที่ลึกซึ้งว่า “อย่าพูดว่าข้าหายาถอนพิษตอนนี้ไม่ได้ แม้ว่าข้าจะหามันเจอข้าก็ไม่อยากช่วย ถ้านางต้องการตายก็ให้นางตาย”
“องค์หญิงเยี่ยมมากเพคะ!” อวี้เยี่ยนก็ยังไม่เข้าใจ “องค์หญิงรู้ได้อย่างไรว่านางเป็นคนทำเองเพคะ?”
เฉินเสียนเข้าใจแล้ว กล่าวว่า “ถ้าชายชุดดำต้องการจะฆ่านางจริงๆ ตอนนั้นมีดก็คงอยู่ที่คอของนางแล้ว เพียงแค่กดลงคอก็สามารถจบชีวิตของนางได้ แล้วทำไมจะต้องไว้ชีวิตนางอีกทั้งยังวางยาพิษนางให้ยุ่งยากเช่นนี้อีก
ชายชุดดำคือคนที่ต้องการฆ่าฉินหรูเหลียงบนถนนในขณะนั้น โดยทั่วไปแล้วนักฆ่าจะเด็ดขาดและว่องไว และเขาจะไม่มีวันเติมเชื้อเพลิงทำให้ยุ่งยาก
ดังนั้นเรื่องนี้ จะต้องเป็นตัวนางเองที่ทำ”
เมื่อพูดเช่นนั้น อวี้เยี่ยนก็ตกตะลึง
แท้จริงแล้วหลิ่วเหมยอู่ก็แสดงจริงๆ แต่คราวนี้นางยังใช้ชีวิตเดิมพันกับการแสดง
แม้ว่าพิษที่ถูกวางยาในตัวหลิ่วเหมยอู่จะไม่สามารถฆ่านางได้ในทันที แต่ก็ยังคงเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากยังคงมีอยู่ต่อไป
เฉินเสียนไม่จำเป็นต้องไปแสดงกับนาง เฉินเสียนแค่อยากจะดูว่านางจะลงเอยอย่างไรในท้ายที่สุด
อวี้เยี่ยนอ่อนไหวกว่าเฉินเสียนและกล่าวอย่างระมัดระวัง “องค์หญิงไม่ควรไปที่สวนดอกพุดตานอีกต่อไปเพคะ จะเกิดอะไรขึ้นถ้า นางหลิ่วกล่าวโทษองค์หญิงอีก องค์หญิงมีเวลาไม่ถึงสองเดือนก็จะให้กำเนิดทารก ช่วงนี้จะต้องระวังให้มากนะเพคะ”