ซูเจ๋อถามว่า “อาเสียน อยากเห็นหน้าลูกชายไหม”
เฉินเสียนพยายามดันตัวขึ้นและเอ่ยว่า “พอดีเลย ท่านมีความชำนาญด้านการแพทย์ ท่านช่วยดูลูกชายของข้าหน่อยได้ไหมว่าทำไมเขาถึงไม่ร้องไห้เลย”
แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาเฉินเสียนจะหลับตลอด แต่เธอก็ยังได้ยินบทสนทนาประจำวันระหว่างแม่นมซุยกับอวี้เยี่ยน
ในเวลานั้นเธอทำได้แค่เป็นห่วง
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเสียนได้มองเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในห่อผ้าอ้อมอย่างจริงๆ จังๆ
ดวงตาของเจ้าตัวน้อยปิดสนิทและไม่ยอมสนใจใครทั้งนั้น
เฉินเสียนมองเขา เธอใช้นิ้วแตะจมูกและดวงตาเล็กๆ ของเขาแล้วหัวเราะโดยไม่รู้ตัว
ขอเพียงแค่เห็นว่าเขาปลอดภัยดี ความทุกข์ตรมทั้งหมดที่เคยได้รับก่อนหน้านี้ก็ถือว่าคุ้มค่า
ซูเจ๋อมองเฉินเสียนอย่างลึกซึ้งขณะที่เธอกำลังมองลูกอย่างทะนุถนอมและอ่อนโยน
ซูเจ๋อกล่าวว่า “เขายังเล็ก ตอนนี้ยังบอกอะไรไม่ได้หรอก ไว้รอไปก่อนแล้วคอยสังเกตเรื่อยๆ ดีกว่า”
“ถ้าเกิดเขามีอะไรผิดปกติหลังคลอดแล้วรักษาไม่ทันท่วงทีจะทำอย่างไรล่ะ”
“…การไม่ร้องไม่ใช่สิ่งผิดปกติเสมอไป เด็กยังเล็กเกินไปที่จะรับการรักษา”
เฉินเสียนจำต้องยอมแพ้ หลังจากเล่นกับมือกับเท้าของลูกน้อยอยู่พักหนึ่ง เธอก็เริ่มดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอเหลือบมองซูเจ๋อแล้วถามว่า “ไม่ใช่ว่าท่านควรกลับได้แล้วหรือ”
ซูเจ๋อยิ้ม “ความจริงข้าอยากจะนั่งต่ออีกสักพัก”
“ตอนนี้ท่านไม่กลัวหรือว่าหากใครมาพบเข้าว่าท่านเทียวเข้าเทียวออกจวนแม่ทัพทุกคืนอย่างนี้ เขาจะคิดว่าเราแอบคบชู้กันหรือ”
ซูเจ๋อตอบว่า “อย่างมากที่สุดข้าก็แค่ต้องรับผิดชอบ”
แม้จะพูดเช่นนั้นแต่ซูเจ๋อก็ยังลุกขึ้นและจากไป ก่อนจะไปเขาบอกว่า “ท่านพักผ่อนให้สบายเถิด”
เฉินเสียนคอยมองจนเขาเดินออกไปจากห้อง
เขาเดินออกไปอย่างสบายอกสบายใจ ไม่รีบไม่ร้อนใดๆ ราวกับกำลังเดินเข้าออกเรือนของตัวเอง ไม่รู้สึกผิดว่าตัวเองทำตัวเหมือนโจรเลยสักนิด
แม่นมซุยออกไปส่งซูเจ๋อ
นางลดเสียงลงเมื่ออยู่ในลานและกล่าวว่า “นายท่าน บ่าวไปสืบและได้ความมาบางอย่าง นายหญิงรองแห่งจวนแม่ทัพป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องใช้รกมนุษย์มาเป็นส่วนผสมของยา ในวันที่องค์หญิงมีพระประสูติการ ท่านแม่ทัพฉินได้นำรกไปและเอาไปใช้รักษานายหญิงรองเจ้าค่ะ”
วันต่อมาอวี้เยี่ยนมาคอยปรนนิบัติแต่เช้า นางเอ่ยว่า “วันนี้องค์หญิงรู้สึกดีขึ้นไหมเพคะ”
เฉินเสียนมองอวี้เยี่ยนและเอ่ยว่า “ทำให้เจ้าลำบากมาตั้งหลายวัน”
อวี้เยี่ยนมองใบหน้าที่ป่วยไข้ของผู้เป็นองค์หญิง นางรู้สึกจุกอยู่ที่ลำคอและพยายามระงับความขมขื่นเอาไว้ ฝืนยิ้มและพูดว่า “ขอเพียงแค่องค์หญิงฟื้นขึ้นมา ให้บ่าวทำอะไรบ่าวก็ยอม”
นางหันหลังให้และเช็ดน้ำตาที่ขอบตา จากนั้นจึงพูดเรื่อยเจื้อยว่า “องค์หญิง อีกครู่หนึ่งบ่าวจะมาช่วยองค์หญิงล้างหน้าล้างตานะเพคะ ส่วนอาหารเช้าบ่าวเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว
ตอนเช้าบ่าวอาจจะยุ่งจนไม่ได้เข้ามาดูแลอยู่ใกล้ๆ องค์หญิงสักพักหนึ่ง ถ้าองค์หญิงจะรับสั่งอะไรทรงเรียกเอ้อร์เหนียงได้เลยนะเพคะ เอ้อร์เหนียงเป็นคนที่คุณชายเหลียนส่งมา”
เฉินเสียนพยักหน้า
ในสารทฤดูนั้นท้องฟ้าแจ่มใสและอากาศสดชื่น แม้จะเพิ่งรุ่งสางดวงอาทิตย์ก็ฉายแสงเต็มท้องฟ้า เป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นอย่างมาก
เพียงแต่ว่าเฉินเสียนอยู่ในช่วงอยู่เดือนหลังคลอด ทั้งยังเพิ่งจะหายจากการป่วยหนัก เธอจึงออกไปข้างนอกไม่ได้ แม้แต่หน้าต่างก็ยังห้ามเปิดกว้างเกินไป
อวี้เยี่ยนนำอาหารเช้ามาให้เฉินเสียน เมื่อกินข้าวและดื่มยาแล้ว นางจึงช่วยประคองเฉินเสียนให้นอนลงบนเตียง
เฉินเสียนกำลังง่วนอยู่กับการหยอกล้อลูกชายที่เพิ่งให้กำเนิด จึงไม่ได้สนใจอวี้เยี่ยนมากนัก
เวลานั้นมีของบางอย่างอยู่ในแขนเสื้อของอวี้เยี่ยน และนางก็รีบออกไปจากสวนสระวสันตฤดูทันที
นางเดินผ่านสวนดอกไม้ด้านหลังและมุ่งหน้าตรงไปยังสวนดอกพุดตาน
ตอนนี้พิษของหลิ่วเหมยอู่รักษาหายแล้ว แต่ร่างกายของนางยังคงอ่อนแอ ส่วนมากจึงใช้เวลาพักฟื้นอยู่บนเตียง
ครั้งก่อนที่รกของเฉินเสียนถูกนำมาใช้ทำยาถอนพิษให้นาง นางกินไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลือใช้นำไปตุ๋นเป็นซุปบำรุงร่างกายให้หลิ่วเหมยอู่ดื่มทุกวัน
หมอผู้นั้นบอกว่านางจำเป็นต้องฟื้นพลังชีวิตด้วยการใช้รกนี้บำรุง
ดังนั้นหลิ่วเหมยอู่จึงกินได้อย่างสบายใจ
เพียงแค่คิดว่าสิ่งที่นางกินคือชิ้นเนื้อที่หลุดออกมาจากร่างกายของเฉินเสียน นางก็ยิ่งมีความอยากอาหารมากเป็นพิเศษ
ความจริงการถอนพิษสั่วเชียนโหวไม่จำเป็นต้องมีสิ่งที่เรียกว่าใบสั่งยาเลย และยิ่งไม่จำเป็นต้องใช้รกมนุษย์มาผสมเป็นตัวยา
แต่นั่นเป็นข้ออ้างที่หลิ่วเหมยอู่กับหมอผู้นั้นเตรียมไว้ตั้งนานแล้ว
ยาพิษนั่นหลิ่วเฉียนเฮ้อเป็นคนมอบให้นาง แน่นอนว่าเขาย่อมต้องมียาถอนพิษด้วยเช่นกัน
หลิ่วเหมยอู่ขอให้หลิ่วเฉียนเฮ้อวางยาพิษนางด้วยปริมาณเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่เพียงพอที่จะทำให้ถึงตายในทันที
นางมียาถอนพิษอยู่ในมือ หลิ่วเฉียนเฮ้อยังทิ้งยาพิษนั้นไว้ให้นางใช้เพื่อป้องกันตัว ซึ่งนางใช้วางยาตัวเองได้ตลอดเวลา ทั้งยังล้างพิษให้ตัวเองได้ตลอดเวลาเช่นกัน
เพียงแค่ทำเช่นนี้ซ้ำๆ นางก็จะรักษาอาการของคนถูกวางยาพิษไว้ได้ บีบบังคับให้ฉินหรูเหลียงต้องออกไปหายาแก้พิษจากทุกที่เพื่อมาช่วยนาง
แค่เพียงกดดันฉินหรูเหลียงไปได้ขั้นหนึ่งและสั่งให้หมอบอกว่าต้องใช้รกมนุษย์มาทำยา ฉินหรูเหลียงจะต้องยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อหามาให้ได้
แต่รกของหญิงมีครรภ์เป็นสิ่งที่ผู้คนถือกันมาก จะมอบให้ผู้อื่นง่ายๆ ได้อย่างไร
แม้ว่าฉินหรูเหลียงจะยอมจ่ายด้วยเงินจำนวนมาก ทว่าของแบบนั้นแม้จะหาเจอแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะขอได้
เมื่อหมดหนทาง ฉินหรูเหลียงจะนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีหญิงมีครรภ์ใกล้คลอดอยู่ในจวนอีกคนหนึ่ง ซึ่งก็คือเฉินเสียน
แค่ทำให้สิ่งที่อยู่ในท้องของเฉินเสียนหลุดออกมา เขาก็ได้จะยาที่ต้องการ
ทำไปทีละขั้นๆ แผนนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้หลิ่วเฉียนเฮ้อหนีไปได้ แต่ยังทำให้นางหลุดจากการเป็นผู้ต้องสงสัย ทั้งยังจะทำให้ได้ชีวิตลูกในท้องของเฉินเสียนไปด้วย ดีขนาดนี้ทำไมนางจะไม่ทำล่ะ?
นี่มันคือการฆ่าอินทรีสามตัวด้วยเกาทัณฑ์แค่ดอกเดียว!
ดังนั้นหลิ่วเหมยอู่จึงยอมเสี่ยงในการเดิมพันครั้งนี้ นางเดิมพันว่าตนเองจะรอดชีวิต และสุดท้ายนางก็ชนะเดิมพัน
เพียงแต่นางไม่คิดเลยว่าผลสุดท้ายเฉินเสียนจะยังปลอดภัยและให้กำเนิดบุตรได้อย่างราบรื่น
เซียงหลิงใช้ช้อนป้อนอาหารให้นางพลางพูดว่า “ทำไมนางถึงโชคดีทุกครั้งไปนะเจ้าคะ ท้องตั้งแปดเดือนกว่าและถูกท่านแม่ทัพบังคับให้คลอดก่อนกำหนด บ่าวคิดว่าครั้งนี้นางคงจะตายและคงรักษาลูกในท้องไว้ไม่ได้แน่นอน แต่ไม่คิดว่าเด็กจะยังรอด และนางก็ยังมีชีวิตอยู่!”
เซียงหลิงหยุดไปนิดหนึ่งและพูดต่อ “บ่าวได้ยินมาว่าช่วงสองสามวันมานี้องค์หญิงป่วยหนัก จนถึงตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลยเจ้าค่ะ”
หลิ่วเหมยอู่กล่าวว่า “ป่วยตายไปได้เสียเลยก็ดี ท่านแม่ทัพจะได้ไม่ต้องพะวงหาทั้งวันทั้งคืน”
นางจะมองไม่ออกได้อย่างไร ทุกวันนี้ฉินหรูเหลียงมาอยู่ที่เรือนของนางตลอด แต่เขามักจะใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและห่วงใยเฉินเสียนยิ่งกว่าที่เคย
เป็นเพราะหนี้บุญคุณหรือ? หรือว่าเป็นเพราะอย่างอื่น
ตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งก็ดังมาจากในลาน เซียงหลิงยังไม่ทันไปเปิดประตู คนที่อยู่ข้างนอกก็ผลักประตูเข้ามาอย่างกะทันหัน
หลิ่วเหมยอู่เงยหน้ามองและเห็นว่าคนที่อยู่ในแสงสะท้อนจากด้านนอกและยืนอยู่ที่กรอบประตูคืออวี้เยี่ยน
สีหน้าของหลิ่วเหมยอู่เปลี่ยนไป นางกล่าวว่า “นังบ่าวชั้นต่ำ เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก!”
แน่นอนว่าการที่อวี้เยี่ยนมาที่นี่คนเดียวลับหลังเฉินเสียน เป็นอะไรที่กล้าหาญมาก
นางเห็นว่าหลิ่วเหมยอู่ดื่มน้ำซุปไปแล้วครึ่งหนึ่งและยังมีบางอย่างอยู่ในน้ำซุป ตลอดหลายวันที่ผ่านมานางวิ่งเข้าวิ่งออกห้องครัวตลอด จะไม่รู้ได้อย่างไรว่านั่นคือรกขององค์หญิงของนาง!
เพียงแค่คิดขึ้นมาหัวใจของอวี้เยี่ยนก็เหมือนถูกกรีดจนได้เลือด
ตอนที่เฉินเสียนยังป่วยอวี้เยี่ยนทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องอดทนอย่างสุดชีวิต
ตอนนี้เฉินเสียนฟื้นแล้วและที่ข้างกายก็มีแม่นมซุยคอยดูแล นางมีอะไรจะต้องกลัวอีก
นางแค่อยากจะมีความกล้ามากพอที่จะมาทวงคืนแทนองค์หญิง!
อวี้เยี่ยนจ้องมองหลิ่วเหมยอู่ด้วยดวงตาที่แดงก่ำและพูดว่า “กินเลือดกินเนื้อผู้อื่นแบบนี้ท่านมีความสุขมากนักหรือ”
หลิ่วเหมยอู่กล่าวว่า “องค์หญิงสั่งให้เจ้ามารึ ข้าได้ยินว่าองค์หญิงประชวร บังเอิญตอนนั้นข้าก็ล้มหมอนนอนเสื่ออยู่บนเตียง เลยไม่มีเวลาไปขอบคุณองค์หญิง หากไม่ใช่เพราะรกของพระองค์ก็คงแก้พิษของข้าไม่ได้”