หลิ่วเหมยอู่ร้องไห้คร่ำครวญซุกอยู่ที่แผงอกของฉินหรูเหลียง กล่าวขึ้นว่า“ท่านแม่ทัพยังมีเหมยอู่ เหมยอู่ตายก็ไม่มีทางไปจากท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ องค์หญิงโหดเหี้ยมอำมหิตเกินไป คาดไม่ถึงว่าจะอำมหิตกับท่านแม่ทัพเช่นนี้!”
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า“นางอำมหิต ข้าก็อำมหิต วันนั้นเพื่อที่จะถอนพิษให้กับเจ้า ข้าก็บีบบังคับจนนางจนตรอกเช่นกัน”
“ท่านแม่ทัพกำลังสงสารองค์หญิงหรือเจ้าคะ?”ฉินหรูเหลียงไม่เห็นสีหน้าของหลิ่วเหมยอู่ สีหน้าของนางเทียบไม่ได้กับน้ำตาของนาง ไม่มีความโศกเศร้าเสียใจสักครึ่งหนึ่ง มันกลับเป็นความอิจฉาริษยาบ้าคลั่งกับความพยาบาท
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “เพียงแต่มีความรู้สึกโดยสัญชาติญาณของคนเล็กน้อย ก็จะไม่มีทางกลั้นใจไปทำเรื่องโหดเหี้ยมป่าเถื่อนเช่นนั้นหรอก”
แต่ทว่าเขาทำเพื่อหลิ่วเหมยอู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าจนพังทลายเส้นตายของตัวเอง
ตอนนี้มือเขาพิการไปข้างหนึ่ง มันเป็นโทษที่สมควรได้รับแล้ว
“เหมยอู่ ต่อไปไม่ต้องไปก่อกวนนาง ครั้งหน้าเกิดสิ่งใดขึ้นอีก ข้าไม่แน่ใจว่าจะยังมีกำลังวังชากับความสามารถไปตอบโต้”
ฉินหรูเหลียงก็รู้สึกไร้กำลังอยู่ลึกๆ เขาเข้าใจเฉินเสียน กล่าวขึ้นอีกว่า“ต่อไปแค่เจ้าไม่ไปก่อกวนนาง นางก็ไม่มีทางที่จะมายุ่งกับเจ้า”
หลิ่วเหม่ยอู่กล่าวขึ้นว่า“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ”
แต่มือข้างหนึ่งของฉินหรูเหลียง ก็แล้วกันไปเช่นนี้หรือ นางจะยินยอมด้วยความยินดีได้อย่างไรกันเล่า
แต่หลิ่วเหมยอู่ไม่สามารถกระทำโดยสะเพร่าได้อีก สิ่งที่เฉินเสียนพูดในสวนดอกพุดตานแต่ละคำยังก้องอยู่ในหู ถ้าหากสะเพร่าก่อกวนผู้หญิงบ้านั่น ครั้งหน้านางก็ยังจะลงมือกับฉินหรูเหลียง
หมอที่เข้ามารับผิดชอบตรวจรักษาให้กับหลิ่วเหมยอู่ออกจากจวนแม่ทัพก็กลับเรือนเลย เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องวุ่นวาย ช่วงนี้เขาก็ไม่ได้ไปตรวจรักษาที่จวนแม่ทัพอีก
เขาได้ค่าตอบแทนที่ควรจะได้รับ เรื่องกรณีเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา
ตกดึก ทุกครอบครัวปิดประตูนอนพักผ่อนกัน
แสงสียามราตรีเงียบสงบ แสงไฟนวลผ่องสลัวๆอยู่ภายในห้อง
ก๊อกๆๆ
มีเสียงคนเคาะหน้าประตูเรือนของหมอที่อยู่กลางซอย
หมอถือตะเกียงยืนอยู่ในเรือน ไม่รีบเปิดประตู และกล่าวถามก่อนว่า“ผู้ใดกัน?”
เสียงด้านนอกประตูที่ตอบกลับมาเป็นเสียงผู้ชาย เสียงอ่อนโยนไพเราะเป็นอย่างมาก “ได้ยินมาว่าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญรักษาโรคที่ซับซ้อน เพียงแค่มีเงิน ก็ไม่ปฏิเสธผู้ที่มา”
หมอคิดว่าเป็นคนที่จะตรวจโรค ก็กล่าวขึ้นว่า“ท้องฟ้ามืดแล้ว มีโรคอันใดพรุ่งนี้ค่อยไปหาข้าที่ร้านยาสมุนไพรเถิด!”
เสียงบุคคลที่อยู่ด้านนอกไม่รีบร้อน กล่าวอีกอย่างช้าๆว่า“ได้ยินมาว่าท่านเพิ่งจะช่วยนายหญิงรองของจวนแม่ทัพถอนพิษสั่วเชียนโหว”
หมอมีสีหน้าหวาดกลัว กล่าวถามโดยที่ประตูกั้นอยู่ว่า“ท่านคือผู้ใด?”
ฝ่ายตรงข้ามลำพองใจกล่าวขึ้นว่า“พอดีกับที่ข้าปรุงยาถอนพิษสั่วเชียวโหวออกมา เลยอยากจะมาเรียนรู้กับท่านสักหน่อย”
หมอกล่าวขึ้นว่า“ เป็นหมอก็ช่วยชีวิตผู้คนนั่นเป็นหน้าที่ของหมอ ตะเกียกตะกายพูดโป้ปดว่าชำนาญทางการแพทย์เป็นสิ่งต้องห้าม เพราะฉะนั้นท่านอยากจะเรียนรู้ก็ไปหาผู้อื่นเถอะ!”
“เช่นนั้นข้าจำใจต้องไปหาแม่ทัพฉินเพื่อเรียนรู้อย่างละเอียดแล้วล่ะ”
พอหมอได้ยิน ตื่นตกใจรีบกล่าวขึ้นว่า“ช้าก่อน!”
เขาไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วด้านนอกคือผู้ใดกัน และมีจุดมุ่งหมายอะไร เรื่องนี้มีไม่กี่คนที่รู้ ถ้าหากไปเปิดโปงต่อหน้าแม่ทัพฉินจริงๆ ในกรณีที่เรื่องตกต่ำย่ำแย่ เช่นนั้นเขาก็พบพานกับความหายนะแล้ว
ด้วยเหตุนี้หมอเลยไม่ได้คิดอะไรมาก วางตะเกียงลงทันที แล้วเดินไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตู
แสงตะเกียงเบาบางที่มีก็เหมือนไม่มีสะท้อนใส่ร่างชายหนุ่มที่อยู่ด้านนอกประตู สวมชุดสีดำ โฉมหน้าหล่อเหลา เงียบนิ่งราวกับน้ำผสมรวมกับแสงสีในยามราตรี
หมอชะงักงัน เห็นลักษณะท่าทางนิ่งสงบ ไม่มีสีหน้าแปลกใจเลยสักนิดหนึ่ง และก็ไม่ได้หมุนตัวออกไป คล้ายกับคาดเดาได้ว่าหมอจะร้อนรนใจจนเปิดประตู
หมอได้สติกลับมา เห็นได้ชัดว่าชายที่อยู่ตรงหน้านี้โฉมหน้ากิริยาท่าทางดีมาก มองดูราวกับเป็นคนที่ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใคร แต่ทว่าทำไมทำให้เขารู้สึกหวั่นใจ
ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าฟ้ามืดครึ้มที่อยู่ด้านหลังของเขา เป็นปัจจัยที่ทำให้ไม่สามารถรู้สิ่งที่อยู่บนตัวเขามากมายโดยปริยาย
หมอรู้สึกเสียใจภายหลังทันที จิตใต้สำนึกอยากจะปิดประตู
แต่ไม่รอเขาปิดประตู ซูเจ๋อก็ยกมือขึ้น ตวัดแขนเสื้อสีดำ ฝ่ามือขาวสวยงามราวกับแกะสลักค้างไว้ที่ประตู
มองราวกับผ่อนคลายเป็นอย่างมาก เพียงแค่ขวางเล็กน้อย แต่ทว่าหมอก็ตกใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าเขาใช้วิธีการทั้งหมดแล้ว ก็ปิดประตูไม่สำเร็จ
ซูเจ๋อผลักประตูเข้าไปด้านใน หมอก้าวโซเซถอยหลังไม่กี่ก้าว ไม่ระมัดระวังปัดตะเกียงบนพื้นล้ม
ขวางประตูเรือนไว้ไม่ได้ ก็ค่อยๆเปิดทั้งสองข้างออก ส่งเสียงคล้ายกับเชื้อเชิญ ราวกับยินดีให้ซูเจ๋อเข้าไปอย่างนั้นแหละ
ซูเจ๋อยกเท้า เดินเข้ามาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีมารยาทมากอีกทั้งนุ่มนวลยื่นมือปิดประตู
หมอกล่าวถามอย่างร้อนรนว่า“ท่านคือใครกัน?สรุปแล้วคิดจะทำสิ่งใด!”
ซูเจ๋อหลุบตาลงเล็กน้อย มองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย ในดวงตานำแสงมืดมิดในยามราตรีติดมาด้วย หลังจากนั้นเดินผ่านเขา มุ่งตรงไปทางห้องที่มีแสงไฟสลัวๆเปิดอยู่ กล่าวขึ้นว่า“ข้าอยากจะคุยกับท่านเรื่องพิษของสั่วเชียนโหว”
หมอไม่รู้ว่าผู้ที่มาคือใคร และไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเขารู้สิ่งใดมา
หันกลับไปมองประตูที่ปิดแน่นสนิทแวบหนึ่ง ช่วงเวลานั้นคิดว่าอยากวิ่งหนี แต่เขาเพียงลำพัง ไม่ได้นำเงินทองเครื่องประดับเสื้อผ้าไปด้วย ทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดอยู่ในเรือน วิ่งหนีไปเช่นนี้แล้วเขาจะยินยอมได้อย่างไรกันเล่า
ด้านนอกฟ้ามืดอีก เขาวิ่งออกไปลำพัง จะไปพักแรมที่ใดกัน
หมอคิดอีก ที่นี่เป็นเรือนของเขา ต่อให้คนผู้นี้รู้สิ่งใด ก็จำเป็นต้องคิดวิธีให้เขาหุบปาก
มิเช่นนั้นถ้าเปิดโปงไปถึงแม่ทัพจริงๆ ชีวิตก็น่าเป็นห่วงแล้ว
ด้วยเหตุนี้หมอถึงได้ใช้กำลังอย่างสุดความสามารถให้สงบลง หมุนตัวเดินกลับไปยังห้องที่มีแสงไฟสลัวๆทีละก้าว
ซูเจ๋ออยู่ตรงข้ามเขา ภาพด้านหลังสูงชะลูดเป็นพิเศษอยู่ใต้แสงไฟ ราวกับภาพวาดถนอมสายตา
หมอกล่าว“ท่านแวะมาเยี่ยมเยือน เพียงแค่เพื่อที่เรียนรู้การถอนพิษสั่วเชียนโหวหรือ?”
ซูเจ๋อน้ำเสียงละมุนละม่อนกล่าวว่า“ท่านถอนพิษให้นายหญิงรองของจวนแม่ทัพ ใช้ยาชนิดใดถอนพิษหรือ?”
“ท่านโปรดให้อภัยด้วย ให้อภัยที่ข้าบอกไม่ได้ การเป็นหมอหลีกเลี่ยงที่จะทำ ถ้าหากว่าปรุงยาอันใดรักษาโรคอันใดแล้วบอกต่อบุคคลอื่น เช่นนั้นทุกคนก็สามารถจะเป็นหมอแล้วไม่ใช่หรือ”
ซุเจ๋อไม่ปริปากกล่าวว่าใช่หรือไม่ใช่ น้ำเสียงแผ่วเบากล่าวว่า“ได้ยินมาว่าท่านใช้รกมนุษย์ ผู้ใดสอนท่านใช้รกมนุษย์”
หมอรู้สึกคอแห้งปากแห้งทันที แล้วกล่าวขึ้นว่า “ การเป็นหมอช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ หมอแต่ละคนมีวิธีใช้แตกต่างกัน แต่ขอแค่ได้ผลการรักษาที่ดี…….พิษของนายหญิงรองถูกข้าถอนได้ทันท่วงทีเลยรอดชีวิต ก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?ไม่ว่าท่านเป็นใคร ตอนนี้ขอเชิญให้ท่านรีบออกไป ถ้าไม่เช่นนั้น อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
ซูเจ๋อมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “ท่านไม่ยอมพูด เช่นนั้นสามารถที่จะเขียนตำรับให้ข้าดูได้หรือไม่?”
หมอกล่าวปฏิเสธ“ข้าพูดแล้วว่านี่คือเป็นสิ่งต้องห้ามของหมอ ! ท่านมาหาข้าที่นี่ไม่ได้ตำรับอันใดหรอก แทนที่จะมาใช้ทางลัดเหล่านี้ ถ้าหากว่าท่านต้องการที่จะเรียนหมอจริงๆ ท่านก็พยายามทุ่มเทศึกษาค้นคว้าอย่างแท้จริงไม่ดีกว่าหรือ!ท่านไปเถอะ ที่นี่ไม่ต้อนรับท่าน! ”
ซูเจ๋อเดินเข้ามาทีละก้าว ยืนอยู่ตรงหน้าหมอ
เขาหรี่ตามอง กล่าวขึ้นว่า“ข้าจะถามอีกครั้ง ใครสอนท่านใช้รกมนุษย์?”
หมอเหงื่อเย็นทั้งตัว บีบบังคับให้ตัวเองสงบกล่าวขึ้นว่า“ใช้รกมนุษย์ไม่ผิด ถึงแม้จะไม่ใช่รสยาที่ใช้บ่อย แต่ก็มีผลในการบำรุงอย่างมาก ข้าก็ใช้รักษานายหญิงรองหายแล้ว…….”
กล่าวยังไม่ทันจบ ซูเจ๋อยื่นมือบีบใต้คางของหมอทันที กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหมอสั่นอย่างเด่นชัดเย็นชื้นอยู่ที่มือของเขา
เขาเหมือนไม่ได้ออกแรง ความจริงไม่ว่าหมอจะต่อสู้ดิ้นรนเช่นไร ก็ดิ้นไม่หลุด
ซูเจ๋อบีบที่จุดมิ่งเหมินของเขาเบาเหมือนลมพัดผ่าน เพียงแค่อีกแรงอีก ก็สามารถที่จะหักคอของเขาตายคาที่
หมอเบิกตากว้าง ในแววตาค่อยๆมีความหวาดกลัวคืบคลานขึ้นมา