ยังไม่ทันที่เฉินเสียนจะลงมือ อวี้เยี่ยนถลันตัวไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง ขวางหน้าเฉินเสียนไว้ และพูดกับฉินหรูเหลียงอย่างหาญกล้า “ท่านแม่ทัพฉิน ตอนนี้เวลาก็ค่ำแล้ว องค์หญิงของบ่าวไม่อยากพูดอะไรกับท่านแล้ว เชิญท่านกลับไปก่อนเถอะ”
ฉินหรูเหลียงจ้องมองไปที่เฉินเสียนแวบหนึ่ง และพูดว่า “ต่อไปทางที่ดีอย่าให้เหลียนชิงโจวเข้ามาในจวนนี้อีก เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องยุ่งยาก”
เฉินเสียนยกยิ้มอย่างเย็นชา และกล่าวต่อ “ข้าจะไม่ให้เขามาที่นี่ แต่ต่อไปข้าจะออกไปหาเขาเอง แบบนี้ได้ใช่หรือไม่”
ฉินหรูเหลียงออกจากสวนสวระวสันตฤดูด้วยความขุ่นมัว เขาหงุดหงิดจนไม่สามารถควบคุมฝีเท้าตัวเองได้ จิตใจคิดแต่จะอยากกลับไปหาเฉินเสียน
เขายอมรับว่าเขาทนไม่ได้ที่เห็นชายอื่นส่งของมาให้เฉินเสียน ในยามที่เขาเห็นเฉินเสียนเกลี้ยกล่อมลูก สาวใช้จัดการเสื้อผ้าให้เขา เขารู้สึกขัดหูขัดตามาก
หลังจากนั้นฉินหรูเหลียงก็ตรงไปที่สวนเซียงเสวี่ย
ในช่วงเวลานั้นเซียงซั่นได้หลับไปแล้ว เมื่อได้ยินว่าฉินหรูเหลียงเข้ามา ก็รีบร้อนลุกขึ้นเพื่อออกไปต้อนรับ
ฉินหรูเหลียงสีหน้าเยือกเย็น ไม่ทันพูดอะไรสักคำ ก็ลากเซียงซั่นเข้าห้องไป
เขาฉีกชุดของเซียงซั่นขาดหลุดรุ่ย ไม่มีการประวิงเวลาอะไรทั้งสิ้น เขาจู่โจมเข้าไปโดยตรง
เซียงซั่นสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด แต่ไม่สามารถหยุดฉินหรูเหลียงที่กำลังโกรธจัดอยู่บนร่างของเธอได้ ปลายนิ้วบีบไหล่ของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงแทรกซึมความเศร้า “ท่านแม่ทัพ เบาหน่อย……”
ฉินหรูเหลียงหยาบคายอยู่ทั้งคืน
เขาไม่สนใจว่าเซียงซั่นจะขอร้องอย่างทรมาณเพียงใด ทิ้งเพียงร่องรอยแห่งความโหดเหี้ยมไว้บนตัวนาง เขาเป็นเหมือนเสือ เหมือนหมาป่าผู้หิวกระหาย ที่เล่นกับเหยือที่อยู่ใต้ร่างอย่างอำเภอใจ
เซียงซั่นสลบไปหลายครั้ง ประสบการณ์ครั้งนี้รุนแรงกว่าในครั้งแรกที่เธอวางยาฉินรูเหลียง
คืนราตรีนี้ยังอีกยาวนาน แต่ฝันร้ายนี้กลับเพิ่งเริ่มต้น
ต่อมา เซียงซั่นได้สติ กัดฟันทนจนฉินหรูเหลียงล้มตัวลงบนร่างของนาง
ในช่วงเวลานั้นฉินหรูเหลียงใช้แรงจับไหลของเซียงซั่นไว้ และกระซิบข้าหูเธอด้วยเสียงอันแผ่วเบา:”เฉินเสียน………..”
เซียงซั่นพลันนิ่งไปทันที ร่างทั้งร่างหนาวสะท้านเหมือนอยู่ในห้องน้ำแข็งใต้พสุธา
เป็นเพราะเขาเกลียดเฉินเสียนมาก หรือคิดว่าเธอคือเฉินเสียนจริงๆ
หลังจากเหลียนชิงโจวไปแล้ว เฉินเสียนไม่มีที่ใดให้ไปเที่ยวเล่นเลย มีเพียงการอยู่กับเจ้าน่องน้อยที่สวนสระวสันตฤดู
เหลียนชิงโจวออกไปหาเงินในดินแดนที่แสนไกล งั้นเธอก็ต้องอดทนเฉาตายอยู่ที่นี่หรือ
เพื่ออนาคตที่สดใสของเธอและเจ้าน่องน้อย เธอต้องเตรียมการวางแผนแต่เนิ่นๆ ไม่เช่นนั้นหากรอให้เจ้าน่องน้อยอายุครบสามขวบแล้วต้องถูกราชวังดึงตัวไปจะทำเช่นไร
เฉินเสียนไม่อยากรอความตายอยู่อย่างนี้
เธอขอให้อวี้เยียนนำโถเงินของเธอออกมา
เฉินเสียนทั้งสั่นและเขย่าโถเงิน แต่เงินทั้งหมดกลับมีแค่ตั๋วเงินสองพันตำลึงและเงินเหรียญอีกจำนวนหนึ่ง
อวี้เยี่ยนพูดขึ้นอย่างตระหนี่ว่า “องค์หญิงหากเราไม่มีเงินใช้แล้ว ก็ไปเบิกที่ห้องบัญชีสิเพคะ ที่นี่ล้วนมีเงินที่องค์หญิงฝากไว้ให้เจ้าน่องน้อยซื้อขนม”
มือข้างหนึ่งเฉินเสียนรองคางตัวเองไว้ อีกข้างหนึ่งก็ชั่งน้ำหนักของเหรียญในมือ พูดอย่างเบื่อหน่ายว่า “เงินแค่นี้จะพอที่ไหนกัน ทั้งขนม นมผง เสื้อผ้าของเจ้าน่องน้อย ในอนาคตยังต้องใช้จ่ายอีกมาก ดูท่าแล้ว คงต้องหาเงินเยอะๆไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ”
อวี้เยี่ยนกะพริบตาปริบๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า “องค์หญิงวาดหนังสือภาพอีกดีหรือไม่เพคะ คุณชายเหลียนก็ถามมาหลายครั้งแล้ว”
“ตอนนี้เหลียนชิงโจวไม่อยู่ในเมืองหลวง วาดไปก็ไร้ประโยชน์”เฉินเสียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอาตั๋วเงินเก็บไว้ดังเดิม “ไม่ได้แล้ว ถือโอกาสตอนยังสาวๆ องค์หญิงอย่างข้าต้องออกไปหาเงิน”
“องค์หญิงจะหาเงินยังไงเพคะ”
เฉินเสียนตอบ “หากอยู่เรือนเพื่อหยอกล้อกับเจ้าน่องน้อยอย่างนี้ต่อไป ก็จะไม่ได้อะไรเลย เวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่ข้าจะมาเพลิดเพลินอยู่กับความสุขในครอบครัว”
เฉินเสียนส่งเจ้าน่องน้อยให้แม่นมซุยดูแล ส่วนตนเองปลอมตัวเป็นผู้ชาย ก่อนออกจากประตูก็พูดกับเจ้าน่องน้อยก่อน “ลูกรัก แม่ต้องออกไปหาค่าขนมให้เจ้า เจ้าอยู่เรือนก็จงเป็นเด็กดี อย่างอแงเข้าใจหรือไม่ ถ้าหิวก็เรียกเอ้อร์เหนียง”
ก่อนเฉินเสียนออกจากเรือน ก็หันกลับมาสั่งแม่นมซุย “เอ้อ ถ้ามีใครมาถามถึงข้า เอ้อร์เหนียงรู้ใช่หรือไม่ว่าสิ่งใดควรพูดไม่ควรพูด”
แม่นมซุยรู้ดีว่าคราวนี้คงไม่ราบรื่นเหมือนดังครั้งก่อนเป็นแน่ จึงพูดอย่างกังวลว่า “องค์หญิงออกไปต้องระวังตัวให้มากนะเพคะ อวี้เยี่ยน เจ้าต้องดูแลองค์หญิงให้ดีด้วย”
อวี้เยี่ยนและเฉินเสียนเดินอยู่บนถนนร่วมเวลาสองวัน ยังจับทางอะไรไม่ได้เลย นางจึงถามขึ้น “คุณชาย ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าพวกเราจะหาเงินกันยังไง”
เฉินเสียนตอบ “อย่าเซ่าซี้ ข้ากำลังหาโอกาสทางธุรกิจ”
และในที่สุด เฉินเสียงก็พุ่งเป้าหมายไปที่สถานที่ที่ใหญ่ที่สุดและวุ่นวายที่สุดคือแหล่งมั่วสุ่มอบายมุข——-บ่อนพนันเชียนจิน
เมื่อกลับไปที่จวนเฉินเสียนก็ตรงไปถามพ่อบ้านที่จัดการบัญชี
พ่อบ้านจึงสอบถามอย่างละเอียด “องค์หญิงเดือนนี้ได้จ่ายเงินเดือนไปแล้ว ทำไมถึง……..”
เฉินเสียนเคาะนิ้วลงบทโต๊ะพลางพูดว่า “เงินเดือนเพียงพอแค่ใช้จ่ายสิ่งจำเป็นเท่านั้น ปกติข้าเองก็ยังต้องไปจับจ่ายซื้ออาหารและเครื่องประทินโฉม” เธอเหล่มองพ่อบ้าน “ข้าเป็นองค์หญิงจะน้อยหน้ากว่าผู้อื่นได้รึ?”
พ่อบ้านพูดไม่ออก
จึงถามขึ้นอีกว่า “ครั้งนี้องค์หญิงต้องการเท่าไหร่?ขอรับ”
“ไม่เยอะ สองร้อยตำลึง”
“แต่นี่………….”
“สองร้อยตำลึงจะเยอะแค่ไหนกัน เงินเดือนของลูกชายข้า ข้าก็ยังไม่ได้เบิก ตั้งแต่ข้าท้องจนถึงตอนนี้ก็สิบเดือนกว่าเข้าไปแล้ว เหตุใดสิบเดือนมานี้เงินเดือนไม่ถึงสองร้อยตำลึงรึ?”
“…….”
อวี้เยี่ยนยืนอยู่หลังเฉินเสียนอย่างนอบน้อม และแอบยกนิ้วชื่นชมองค์หญิงของตัวเอง
เพื่อเงิน ต้องมีความชอบธรรม ต้องมีเหตุผล
พ่อบ้านหมดหนทาง สุดท้ายก็ต้องพาเฉินเสียนไปเบิกเงินอย่างจำยอม
ใช้จ่ายแบบนี้ ไม่สะเทือนเงินเดือนท่านแม่ทัพหรอก
แต่หากพ่อบ้านรู้ว่าเงินนี่เฉินเสียนจะนำไปเข้าบ่อนพนัน……….จะต้องขัดขวางไม่ให้องค์หญิงเบิกเงินนี้ไปแน่
ขณะนี้ อวี้เยี่ยนเดินมาอยู่หน้าประตูบ่อนพนันเชียนจินพร้อมกับเฉินเสียนแล้ว
นักพนันเดินเข้าออกอยู่หน้าประตู นอกจากนี้ยังมีชายฉกรรจ์ร่างกำยำสองสามคนยืนเฝ้าประตูอยู่
อวี้เยี่ยนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยหัวใจที่หวั่นๆและถามขึ้น “คุณ คุณชาย……พวกเราจะเข้าไปจริงๆหรือ แต่บ่าว………บ่าวไม่เคยมาที่แบบนี้มาก่อน”
เฉินเสียนพูดตอบด้วยเสียงแผ่วเบายิ่งกว่าลมพัด “ข้าก็ไม่เคยมา”
อวี้เยี่ยนคิดอยากจะถอยทัพกลับไปขึ้นมาในทันที “เป็นเช่นนั้นก็อย่าเข้าไปเลยขอรับ คุณชายพวกเราสามารถนำเงินไปทำการค้าได้นะขอรับ”
อวี้เยี่ยนถอยหลังไปหลายก้าว แต่เมื่อหันกลับมา เฉินเสียนก็ไม่ได้ตามนางไป เธอปัดที่มุมเสื้อผ้าของเธอ แล้วเดินไปที่ประตูอย่างโอ้อวด
อวี้เยี่ยนเห็นว่าไม่ถูกต้อง จึงรีบถลันตัวไปกอดขาเฉินเสียนไว้ “คุณชายโปรดอย่าเข้าไปเลย ด้านในนั้นวุ่นวาย ผู้คนล้วน……. บ่าวขอร้องท่านเถอะ………..”
เฉินเสียนขมวดคิ้ว ” ข้ายึดหลักสามลัทธิเก้ากระแส เมื่อเข้าไปแล้วทุกคนล้วนเป็นนักพนัน อวี้เยี่ยน รีบปล่อยข้า พวกเราเข้าไปเปิดโลกใหม่กันเถอะ”
“บ่าวไม่ปล่อย คุณชายอย่าเข้าไปเลย” ถ้าเข้าไปแล้วโดนทำร้าย หัวของเธอสิบหัวก็ชดใช้ไม่พอ
เฉินเสียนหันมองอวี้เยี่ยนที่ตอนนี้น้ำตาเอ่อนองแล้ว ผู้คนบนถนนที่เดินผ่านไปมาต่างก็หันมองมาทางนี้
“อวี้เยี่ยนปล่อยมือ เจ้าไม่อายแต่ข้าอาย”
####(三教九流) แปลตรงตามตัวอักษรได้ว่า 3 ลัทธิ 9 กระแส