“ข้าไม่ดูดวง ข้าจะกู้เงินเท่านั้น” เขาจ้องไปที่เฉินเสียน พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เจ้าให้ข้ายืมสองร้อยตำลึง คืนเจ้าวันนี้ก่อนฟ้ามืด ข้าคืนเจ้าสักสามร้อยตำลึงเป็นไง?”
เฉินเสียนมองสังเกตเขาอย่างละเอียด แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ข้าดูแล้วที่บ้านท่านคงจะไม่ได้ยากจน แค่เครื่องประดับที่เอวท่าน เอาไปวางตามโรงจำนำก็ได้สองร้อยตำลึงอยู่แล้ว ทำไมถึงยังมายืมกับเรา?”
“หากข้าสามารถเอาไปจำนำได้ ข้ายังจะมาหาเจ้าทำไมกัน”คุณชายตอบกลับด้วยความผิดหวัง : “ตาแก่บ้านข้าขี้เหนียวเสียยิ่งกว่าอะไรดี ทั้งธนาคารและโรงจำนำต่างพากันปฏิเสธข้าตั้งแต่นอกประตู ข้าจนปัญญาแล้วจริงๆ”
“ถ้าหากก่อนฟ้ามืดท่านยังไม่สามารถคืนเงินข้าได้ล่ะ จะทำอย่างไร?”
“ข้าบอกว่าคืนได้ก็คือคืนได้!”
เฉินเสียนจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใจเย็น : “นำเครื่องประดับหยกที่เอวของท่านมาให้ข้า วันนี้ก่อนฟ้ามืดหากท่านไม่สามารถนำเงินมาคืนข้าได้ หยกนี้ข้าก็จะไม่คืนให้ท่าน”
สุดท้ายคุณชายก็กัดฟันแน่น นำหยกนั่นมอบให้กับเฉินเสียน เฉินเสียนจึงให้อวี้เยี่ยนนำตั๋วเงินราคาสองร้อยตำลึงให้กับเขา
เอกสารหลักฐานต่างๆ ก็ไม่ต้องแล้ว เพราะยังไงหยกนี่ดูแล้วคงจะราคาสูงกว่าสองร้อยตำลึงอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเฉินเสียนไม่ขาดทุนแน่นอน
เฉินเสียนรู้มาว่าคุณชายท่านนี้ชื่อเฮ่อโยว มองแวบแรกก็รู้ว่าเขาเป็นลูกชายของคนมีฐานะที่ว่างงานและคุ้นเคยกับการเดินเตร่ในตลาด
เฮ่อโยวได้ตั๋วเงินราคาสองร้อยตำลึงแล้ว ก็ตรงไปที่บ่อนพนันเพื่อจะไปถอนทุนคืนทันที
เขาพูดขึ้นว่า : “ข้าเสียพนันไปสองพันตำลึงแล้ว หากถูกตาแก่ที่บ้านรู้เข้า ข้าต้องถูกตีจนเละเป็นเต้าหู้แน่ๆ”
เฉินเสียนพูดขึ้นว่า : “ท่านเสียไปสองพันตำลึงแล้ว ยังจะนำสองร้อยตำลึงเข้าไปอีกหรือ? บ่อนเขามองว่าท่านโง่แต่มีเงินเยอะ คิดว่าเขาจะยอมให้ท่านชนะหรือ?”
เฮ่อโยวไม่เชื่อ ในหัวของเขามีเพียงความคิดที่จะชนะพนันเท่านั้น แล้วก็เดินเข้าบ่อนพนันเชียนจินทันที
เฉินเสียนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ใครให้ความมั่นใจนี้กับเขากัน?”
หลิวอีกว้าและอวี้เยี่ยนพากันส่ายหน้าพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาตั้งร้านแผงลอยอยู่บนถนนสายนี้นานขนาดนี้แล้ว พบเห็นผู้คนที่ถูกบ่อนพนันดูดเลือดมาก็ไม่ใช่น้อยๆ
ยังไงก็ไม่ใช่แค่เฮ่อโยวคนเดียวเสียหน่อย
ผ่านไปตั้งนานแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นเฮ่อโยวออกมาสักที ไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างในตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว
เฉินเสียนลูบหยกของเขาอยู่ครู่หนึ่ง ด้านหลังของหยกมีตัวหนังสือ “เฮ่อ” ที่ไม่ค่อยเด่นมากนักสลักอยู่ เธอเลิกคิ้วแล้วถามหลิวอีกว้าว่า : “ในเมืองหลวงนี้มีบ้านใหญ่ๆ เด่นๆ ที่ไหนบ้างที่เป็นสกุลเฮ่อ?”
หลิวอีกว้าตอบกลับไปว่า : “แซ่เฮ่อมีเยอะพอควร แต่ถ้าจะบอกว่าโดดเด่น งั้นก็คงจะเป็นบ้านของอัครมหาเสนาบดีของปัจจุบัน”
“บ้านเขามีลูกชายที่ไม่เอาไหนขนาดนี้หรือ?”
“บ้านสกุลเฮ่อมีลูกชายสองคน ลูกชายคนโตเป็นข้าราชการในวัง ส่วนลูกชายคนเล็กนี่ก็ไม่รู้แล้ว”
เฉินเสียนนำหยกเก็บเข้าไปไว้ในเสื้อ ลุกขึ้นแล้วตรงไปที่บ่อนพนันทันที พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ข้าจะเข้าไปดูเสียหน่อย”
อวี้เยี่ยนรีบห้ามทันที พร้อมกับพูดขึ้นว่า: ” คุณชายอย่าเข้าไปเลยนะขอรับ คุณชายลืมเรื่องเมื่อครั้งที่แล้วไปแล้วหรือ?”
เฉินเสียนพูดขึ้นว่า : “คนในบ่อนพนันถูกเปลี่ยนใหม่หมดแล้ว มีใครที่ไหนจะจำข้าได้ล่ะ”
เฉินเสียนกะว่าจะให้อวี้เยี่ยนรออยู่ข้างนอกกับหลิวอีกว้า แต่ครั้งนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงอวี้เยี่ยนก็จะตามเฉินเสียนไปลูกเดียว จากนั้นทั้งคู่ก็พากันเดินเข้าไปในบ่อนพนันเชียนจิน
เฮ่อโยวกำลังอยู่หน้าโต๊ะ ลุ้นพนันจนหน้าดำคร่ำเครียด
เมื่อเห็นเฉินเสียนมา เขาเหมือนเจอดวงดาวแห่งการช่วยเหลือ พอมีคนเพิ่มมาคนสองคนก็รู้สึกมีพลังขึ้นมาทันที
ดูเหมือนว่าจะได้พลังมามากพอ เฮ่อโยวเริ่มดวงดีขึ้นมา เขาชนะพนันเรื่อยๆ
เฮ่อโยวดีใจจนดึงตัวของเฉินเสียนเข้ามากอดแล้วจูบไปฟอดหนึ่ง พูดขึ้นอย่างสนิทสนม : “เจ้าเป็นดวงดาวนำโชคของข้าจริงๆ พอเจ้ามาข้าก็ชนะไม่หยุด! เอาแบบนี้แล้วกัน ถ้าหากเจ้ายอมช่วยข้า แล้วข้าชนะได้เงินมาเยอะ ดึงทุนสองพันตำลึงคืนมาได้ ที่เหลือเจ้ากับข้าแบ่งกันคนละครึ่ง”
เฉินเสียนเห็นว่าเขาชนะไปแล้วพันกว่าตำลึง จึงพูดเคล้าหัวเราะ : “ข้าก็คงต้องช่วยท่านแล้วล่ะ”
ทุกครั้งที่เฮ่อโยวเดาไม่แม่น เฉินเสียนก็สังเกตสีหน้าของผู้ดูแลบ่อน แล้วจึงแนะนำวิธีให้กับเฮ่อโยว เฮ่อโยวจึงเสียไปน้อยแต่ได้มาเยอะ
บ่อนพนันที่กำลังครึกครื้น ใครจะไปนึกว่าจู่ๆ ก็มีคนตะโกนเสียงดังจากนอกประตู : “ปิดบ่อนพนันตรวจสอบ!”
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมากกรูเข้ามาในบ่อน ข้างในบ่อนโกลาหลวุ่นวายไปหมด
เจ้าหน้าที่ทหารตะโกนเสียงดัง : “ห้ามใครหนีแม้แต่คนเดียว”
เฉินเสียนพาอวี้เยี่ยนและเฮ่อโยวหมอบลงในมุมที่ไม่มีใครเห็น
เจ้าหน้าที่ทหารคุ้มกันที่ประตูใหญ่ จากนั้นก็เห็นคนผู้หนึ่งเดินผ่านแสงเข้ามา เป็นท่านแม่ทัพที่ดูแล้วทรงพลังอำนาจและน่าเกรงขามยิ่งนัก
แต่เมื่อเฉินเสียนมองเห็นใบหน้านั้นแล้ว ก็ก้มหน้าลงต่ำทันที
***! โลกช่างแคบเสียจริงๆ คนที่มาปิดที่นี่ตรวจสอบจะเป็นใครก็ไม่เป็น ดันมาเป็นฉินหรูเหลียง!
อาการของเฮ่อโยวก็ไม่ได้ดีกว่าเธอเสียเท่าไหร่ ทั้งคู่เหมือนกำลังพากันแข่งขันว่าใครก้มหัวได้ต่ำกว่ากัน เขาก้มต่ำเสียจนจะติดพื้น กระซิบขึ้นว่า : “***! ท่านแม่ทัพใหญ่ไม่ไปปกป้องชายแดนรับใช้ประเทศชาติ โผล่มาร่วมยุ่งวุ่นวายที่นี่ทำไมกัน!”
เฉินเสียนทำหน้าทำตาพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว : “ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้น อับโชคตั้งแต่ก้าวออกจากบ้าน”
เรื่องคงจะประมาณว่าบ่อนพนันสะสางเรื่องเก่ายังไม่ทันจะสะอาด ก็พากันรีบร้อนออกมาหาเงิน แล้วคงจะไปโดนจับจุดอ่อนอะไรขึ้นมาได้อีก
แต่ฉินหรูเหลียงเป็นถึงท่านแม่ทัพใหญ่แล้วดันมาตรวจสอบบ่อนพนัน คงจะว่างเกินไปแล้วละมั้ง
สุดท้ายเงินทุกบาททุกสตางค์ในบ่อนพนันถูกยึดทั้งหมด เฮ่อโยวมองดูเงินที่ตัวเองเพิ่งจะชนะมาเข้ากระเป๋าคนอื่นไป ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา
เวลานี้นักพนันคนอื่นๆ ก็พากันขอร้องวิงวอน ฉินหรูเหลียงสังเกตเห็นสามคนที่เงียบสนิทไม่ส่งเสียงหลบอยู่ในมุม อีกทั้งยังพากันก้มหน้าก้มตามุดพื้น
ฉินหรูเหลียงเดินจนไปถึงด้านหน้าของทั้งสาม ก้มหน้าลงมอง พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เงยหน้าขึ้นมา”
เฮ่อโยว เฉินเสียนและอวี้เยี่ยนจึงค่อยๆ พากันเงยหน้าขึ้นมา ทั้งสามต่างพากันทำหน้าผีหน้าลิงพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย……
คนหนึ่งปากเบี้ยว คนหนึ่งหน้าย่น ส่วนอีกคนหนึ่งกลอกตาขึ้นบนแกล้งโง่
ฉินหรูเหลียงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ขมวดคิ้วแน่น มองทั้งสามคนที่พากันทำหน้าทำตา แล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม : “นึกว่าทำหน้าทำตาแล้วข้าจะจำไม่ได้อย่างงั้นรึ?”
สุดท้ายแล้วฉินหรูเหลียงก็ออกคำสั่งกับลูกน้องใต้บังคับบัญชาว่า : “สามคนนี้ ข้าจะพากลับไปสอบสวนด้วยตัวเอง”
ภายในวันเดียวกัน เฮ่อโยวถูกส่งตัวกลับไปที่จวนสกุลเฮ่อ นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นลูกชายที่ไม่เอาไหนของบ้านสกุลเฮ่อจริงๆ ด้วย
ส่วนเฉินเสียนและอวี้เยี่ยนถูกส่งตัวกลับไปที่จวนท่านแม่ทัพ
รอจนฉินหรูเหลียงเสร็จงานกลับมาแล้ว ก็เชิญเฉินเสียนมาที่โถงบุปผา พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “เก่งกล้าเสียจริงๆ ท่านเป็นองค์หญิงทั้งคน กลับกล้าไปขลุกอยู่ในบ่อนพนัน!”
เฉินเสียนตอบกลับไปว่า : “ก็คงจะดีกว่าท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่าน แข็งแกร่งเกรียงไกรแต่กลับมาทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้”
“ใครสอนให้ท่านไปเล่นพนัน?” ฉินหรูเหลียงถามขึ้น
เฉินเสียนตอบกลับไป : “เพราะคุณชายเฮ่อโยวบอกว่าข้าเป็นดวงดาวนำโชค ให้ข้าไปช่วยเขาเล่นพนัน ข้าเองจึงยากที่จะปฏิเสธคำเชื้อเชิญนี้ได้”
“แต่ดูท่านแล้วคงจะไม่มีความสำนึกเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านรู้หรือเปล่าว่าหากวันนี้ไม่ใช่ข้าพี่เป็นคนเข้าไปตรวจสอบ ท่านยังจะทำหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้อย่างนี้ได้อีกหรือไม่?”
เฉินเสียนนึกในใจ ถ้าหากไม่ใช่เขา เรื่องมันคงจะง่ายกว่านี้
ฉินหรูเหลียงพูดต่อว่า : “เมื่อไม่นานมานี้ ท่านเพิ่งเบิกเงินกับพ่อบ้านใช่หรือเปล่า ไม่ได้เอาไปใช้จับจ่าย ไม่ได้เอาไปซื้อเครื่องประดับและเสื้อผ้า ข้าว่าท่านคงจะเอาไปเล่นพนันหมดแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สวนสระวสันตฤดูจะได้เงินเดือนแค่สิบตำลึงต่อเดือนเท่านั้น ท่านได้ยินชัดเจนแล้วหรือไม่ สิบตำลึงเท่านั้น!”
ฉินหรูเหลียงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถลงโทษเฉินเสียนได้ลงคอ
แม่บ้านจ้าวได้ยินมาว่าเฉินเสียนไปเล่นพนัน ตอนแรกนางรู้สึกว่าสิ่งนี้ขัดต่อคุณธรรมทั้งสี่ที่สตรีพึงมี แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรออกมา
มาวันนี้ในสวนสระวสันตฤดู ไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไร แม่นมซุยและอวี้เยี่ยนทั้งคู่ต่างพากันให้ท้ายเฉินเสียน
แม่บ้านจ้าวเคยพูดกับแม่นมซุยเป็นการส่วนตัว เฉินเสียนเป็นถึงนายหญิงใหญ่ของท่านแม่ทัพ ไม่ควรเที่ยวเตร่อยู่ข้างนอกให้ผู้คนเห็น พร้อมกับให้แม่นมซุยช่วยกันพูดหว่านล้อมเฉินเสียนด้วย ยังไงก็เป็นคนบ้านเดียวกัน
แม่นมซุยจึงตอบกลับไปว่า : “ขอเพียงแค่ท่านแม่ทัพฉินไม่มาหาเรื่ององค์หญิง องค์หญิงจะไม่แข็งข้อกับ ท่านแม่ทัพฉินอย่างแน่นอน”