แม่บ้านจ้าวจึงทำได้แค่เงียบปาก
แม่บ้านจ้าวนึกไม่ถึงเลยว่าเซียงซั่นจะมาหาถึงที่ ไม่ได้มาหาเฉินเสียน แต่กลับมาหานาง
แม่บ้านจ้าวรู้ดี ตั้งแต่เซียงซั่นขึ้นเป็นภรรยาคนที่สามของจวนท่านแม่ทัพ ไม่แก่งแย่งชิงดี ตรงกันข้ามนางกลับได้ใกล้ชิดกับองค์หญิงมากขึ้น ดังนั้นพระองค์จึงระวังเซียงซั่นน้อยลง
เซียงซั่นนัดแม่บ้านจ้าวไปที่หลังสวนดอกไม้ ที่ที่ไม่มีผู้คนมองเห็น
เมื่อแม่บ้านจ้าวเห็นแล้ว ก็ทำความเคารพ เซียงซั่นประคองตัวนางลุกขึ้น พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “แม่บ้านจ้าวเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของจวนท่านแม่ทัพ ข้าคงรับการเคารพแบบนี้ไม่ได้”
“ไม่ทราบว่านายหญิงสามเรียกบ่าวมา มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ?” แม่บ้านจ้าวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “หากว่านายหญิงมีเรื่องจริงๆ สามารถไปเรียนองค์หญิงได้นะเจ้าคะ”
“เรื่องบางเรื่อง ข้าก็ไม่สะดวกจะพูดต่อหน้าองค์หญิง จึงต้องพูดผ่านแม่บ้านจ้าว” เซียงซั่นพูดขึ้นว่า : “แม่บ้านจ้าวรู้หรือไม่ ว่าช่วงนี้ท่านแม่ทัพค้างที่สวนเซียงเสวี่ย?”
“ท่านแม่ทัพโปรดปรานนายหญิงสาม เป็นวาสนาของนายหญิงสามแล้ว”
“คนนอกต่างมองว่ามีวาสนา แต่ข้านั้นรู้ความรู้สึกข้างในใจของท่านแม่ทัพที่เจ็บปวดจนพูดไม่ออก”
แม่บ้านจ้าวพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ : “รู้ได้อย่างไร?”
เซียงซั่นมองแม่บ้านจ้าว แล้วตอบกลับด้วยคำพูดที่กระชับชัดเจน : “แม่บ้านจ้าว ในใจของท่านแม่ทัพ เกรงว่าจะหลงรักองค์หญิงเข้าแล้ว”
คืนก่อนหน้านี้เซียงหลิงเองก็ได้มาที่สวนสระวสันตฤดูเพื่อพูดเรื่องนี้ แต่ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้แม่บ้านจ้าวรับรู้ และเป็นเพราะแม่บ้านจ้าวฉุกคิดไม่ทัน
เซียงซั่นพูดต่อไปว่า : “เรื่องจริงไม่มีเท็จ ท่านแม่ทัพค้างที่สวนเซียงเสวี่ย แต่ในทุกค่ำคืนท่านแม่ทัพกลับเพรียกหาแต่ชื่อขององค์หญิง นี่……ถือเป็นเรื่องที่ดีของท่านแม่ทัพ แม่บ้านจ้าว เจ้าคิดเห็นเป็นอย่างไร?”
แม่บ้านจ้าวพูดขึ้นว่า : “นายหญิงสาม ท่านต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”
“ข้ามีเรื่องขอร้องที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผล องค์หญิงดีกับข้าเสมอ วันนี้ก็ถึงคราวที่ข้าควรจะทดแทนบุญคุณ แม่บ้านจ้าวได้โปรดช่วยให้ข้าสมดังปรารถนาด้วย”
พูดจบเซียงซั่นก็คุกเข่าลง แม่บ้านจ้าวรีบประคองให้นางลุกขึ้น พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “นายหญิงสาม อย่าเจ้าค่ะ!”
เซียงซั่นพูดขึ้นว่า : “องค์หญิงมีคุณธรรม มาวันนี้ก็ได้มีลูกชายให้กับท่านแม่ทัพ เป็นภรรยาเอกแห่งจวนท่านแม่ทัพ คู่ควรตำแหน่งชื่อเสียงเรียงนาม
ก่อนหน้านี้ท่านแม่ทัพโปรดปรานนายหญิงรอง องค์หญิงถูกเมินและละเลย ทำตัวไม่ถูกไร้ซึ่งทางเลือก แต่ตอนนี้นายหญิงรองหมดซึ่งกำลังอำนาจ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะให้ท่านแม่ทัพและองค์หญิงกลับมาสานสัมพันธ์ใหม่อีกครั้ง
หรือแม่บ้านจ้าวไม่อยากจะเห็นท่านแม่ทัพและองค์หญิงเคารพซึ่งกันและกัน มารดาเมตตาบุตรกตัญญูหรือ? หากว่าองค์หญิงเป็นภรรยาเอก ข้ามั่นใจว่าหากนายหญิงรองขึ้นมายืนหนึ่ง จวนท่านแม่ทัพจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่อย่างแน่นอน”
คำพูดของเซียงซั่นตรงใจแม่บ้านจ้าวเป็นอย่างมาก
องค์หญิงคือภรรยาเอกที่ท่านแม่ทัพสู่ขอกลับมาอย่างถูกหลักทำนองคลองธรรม
แม่บ้านจ้าวเองคอยช่วยจับคู่อยู่ตลอดเวลา แต่หลายต่อหลายครั้งกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า จนเกือบจะทำให้เกิดผลที่ไม่สามารถแก้ไขได้ และนางเองก็ไม่กล้าที่จะลองอีกแล้ว
เซียงซั่นจึงพูดหว่านล้อมว่า : “เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน เมื่อก่อนท่านแม่ทัพไม่ได้มีใจให้กับองค์หญิง แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ท่านแม่ทัพเองได้มีใจแล้ว จะทำร้ายองค์หญิงอีกได้อย่างไรกัน? หรือแม่บ้านจ้าวอยากเห็นท่านแม่ทัพและองค์หญิงบาดหมางกันแบบนี้ไปทั้งชีวิตหรือ? สิ่งที่ท่านแม่ทัพไขว่คว้าไม่ได้ มีแต่จะยิ่งผิดหวังก็เท่านั้น”
“สิ่งที่นายหญิงพูดมาบ่าวเข้าใจดี” แม่บ้านจ้าวพูดต่อว่า : “แต่องค์หญิงนิสัยใจคอแน่วแน่ ถึงแม้ท่านแม่ทัพจะเป็นฝ่ายยอมถอยองค์หญิงเองก็คงไม่ยอมรับ พวกเขาทั้งคู่จะกลับมาสานสัมพันธ์ได้อย่างไรกัน?”
เซียงซั่นพูดขึ้นว่า : “แม่บ้านจ้าว เจ้าอย่าลืมว่าพวกเขาทั้งคู่ยังมีลูกชายร่วมกันหนึ่งคน เลือดเนื้อประสานสัมพันธ์ เลือดย่อมข้นกว่าน้ำเสมอ ทุกๆ อย่างมันจะพังง่ายดายขนาดนั้นเชียวหรือ? ข้าคิดว่าหากพวกเราช่วยผลักเรือไปตามน้ำ ถึงตอนนั้นน้ำมาคลองเกิดอย่างแน่นอน”
แม่บ้านจ้าวถามขึ้นว่า : “จะช่วยผลักเรือตามน้ำอย่างไรหรือ”
เซียงซั่นพูดเรียงเป็นขั้นเป็นตอน ในใจของแม่บ้านจ้าวอยากให้องค์หญิงกับท่านแม่ทัพได้ครองคู่กัน นางจึงเชื่ออย่างสนิทใจ และไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่นิด
ก็ในเมื่อที่ผ่านมา นางไม่เคยทำตัวเป็นศัตรูของเฉินเสียนมาก่อน และเซียงซั่นเองก็ได้รับความช่วยเหลือจากเฉินเสียนมาไม่ใช่น้อย
แม่บ้านจ้าวนึกในใจ เซียงซั่นทำแบบนี้ก็คงอยากจะให้องค์หญิงและท่านแม่ทัพคืนดีกัน เพราะถึงอย่างไรก็คงดีกว่านางหลิ่วที่คู่กับท่านแม่ทัพอยู่ดี
มองจากมุมมองในส่วนของการสยบนางหลิ่ว แม่บ้านจ้าวจึงคิดว่าเซียงซั่นคงจะจริงใจอย่างแน่นอน
เซียงซั่นนำขวดขนาดเล็กออกมาจากแขนเสื้อ วางลงบนมือของแม่บ้านจ้าว พูดขึ้นเสียงเบา : “ขวดยาสีฟ้าเป็นยาสลบธรรมดาใช้กับอวี้เยี่ยนและซุยเอ้อร์เหนียงที่อยู่ในเรือน ส่วนขวดสีแดงใช้กับองค์หญิง เป็นยาปลูกกำหนัด”
“นี่……” แม่บ้านจ้าวรู้สึกตกใจขึ้นมา จึงรีบยื่นยาคืนแล้วปฏิเสธทันที
เซียงซั่นจึงกุมมือของนางเอาไว้ แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “แม่บ้านจ้าว เจ้าฟังข้า ข้าไม่ได้จะทำร้ายพวกเขาเสียหน่อย ข้าเพียงแค่อยากช่วยท่านแม่ทัพสักครั้ง เพียงแค่ทำให้อวี้เยี่ยนกับซุยเอ้อร์เหนียงนอนหลับไป แล้วให้องค์หญิงดื่มยาปลุกกำหนัด จากนั้นแม่บ้านจ้าวก็เพียงหลอกให้ท่านแม่ทัพมา
ท่านแม่ทัพกับองค์หญิงเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม และยังมีลูกด้วยกันอีกด้วย จะร่วมหลับนอนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด สุภาษิตกล่าวไว้ไม่มีผิด ทะเลาะกันที่หัวเตียงและคืนดีกันที่ปลายเตียง ถึงตอนที่น้ำมาคลองเกิด แล้วยังจะมีช่องว่างไหนที่แก้ไขไม่ได้เล่า?”
“แต่ว่า……”
“ถ้าไม่ยอมก้าวล้ำออกมา เกรงว่าพวกเขาทั้งคู่จะยังคงอยู่ในทางตันนี้ต่อไป แต่ถ้าองค์หญิงและท่านแม่ทัพได้มีค่ำคืนประสานรักเพียงแค่ค่ำคืนเดียว จะต้องใจอ่อนลงและยอมยกโทษความผิดที่ผ่านมาของท่านแม่ทัพอย่างแน่นอน แม่บ้านจ้าว เจ้าเพียงแค่ต้องระวังหน่อย ทำด้วยความละเอียดรอบคอบ และจะไม่มีผู้อื่นรู้เรื่องนี้เลย”
เซียงซั่นคะยั้นคะยอให้แม่บ้านจ้าวเก็บขวดยาเอาไว้
แม่บ้านจ้าวกำมันไว้ในมือ เป็นเรื่องที่รับมือยากมาก ราวกับว่ากำลังถือเผือกร้อนสองหัวที่ลวกมือก็ไม่ปาน
เซียงซั่นพูดขึ้นต่อว่า : “แม่บ้านจ้าว สิ่งที่ข้าควรจะพูดก็พูดไปหมดแล้ว ที่เหลือก็สุดแล้วแต่เจ้าจะพิจารณาเอง”
เซียงซั่นมองแม่บ้านจ้าวด้วยความจริงใจ : “หากว่าแม่บ้านจ้าวไม่ยินดีที่จะทำ ก็ถือเสียว่าข้าไม่เคยพูดอะไร ส่วนยานี้เจ้าก็เป็นคนจัดการก็แล้วกัน แม่บ้านจ้าว อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาดว่าข้าเป็นคงให้ยานี้กับเจ้า ไม่อย่างนั้นองค์หญิงและท่านแม่ทัพโกรธข้าขึ้นมา คงจะตีข้าจนตายแน่ๆ อย่างไรก็ตาม ข้าก็แค่หวังเพียงว่าให้ทั้งคู่ได้กลับมาคืนดีกัน”
แม่บ้านจ้าว : “เห็นแก่ความจริงใจของท่าน บ่าวจะไม่พูดแน่นอน”
แม่บ้านจ้าวกลับไปที่สวนสระวสันตฤดูด้วยจิตใจที่ไม่สงบ ยังคงสับสนกับยาสองขวดนี้ไม่หาย ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
แต่ว่านางอยากจะให้องค์หญิงและท่านแม่ทัพให้อภัยและปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน นี่เป็นเพียงสิ่งที่เดียวที่ใจของนางวาดหวัง
ในทุกๆ วันนางเห็นสวนสระวสันตฤดูเต็มไปด้วยความครื้นเครงสนุกสนานมีชีวิตชีวา นางคิดเสมอว่าหากท่านแม่ทัพอยู่ในนั้นด้วย ครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา จะมีความสุขขนาดไหนกัน
ถ้าหากเรื่องนี้เป็นไปตามที่เซียงซั่นพูดไว้ หลังจากที่ช่วยผลักเรือตามน้ำแล้ว สามารถช่วยให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกันได้ งั้นนางก็อยากจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง
เด็กโตขึ้นทุกวัน จะทางตันแบบนี้ตลอดไปไม่ได้
แม่บ้านจ้าวคิดเสมอ ว่าหัวใจของอิสตรี ไม่ว่าจะแข็งแค่ไหน ก็ทำขึ้นจากเนื้อเหมือนกัน
ชีวิตนี้ขององค์หญิง หากสามารถรอให้ชายชาตรีอย่างท่านแม่ทัพหันกลับมา ทั้งบ้านสามคน อบอุ่นสมบูรณ์ ถือว่าโชคดีแล้ว
ความรู้สึกนี้ที่ท่านแม่ทัพมี ถึงแม้ว่านางจะวางยาองค์หญิง แต่ท่านแม่ทัพเองคงจะไม่ยอมแตะเนื้อต้องตัวองค์หญิงอย่างแน่นอน
ในทางตรงกันข้าม หากว่าในใจของท่านแม่ทัพมีองค์หญิงอยู่ในใจ งั้นก็เป็นเรื่องน่าดีอกดีใจกันทุกคนไม่ใช่หรือ
เมื่อฉินหรูเหลียงส่งเฮ่อโยวถึงเรือนแล้ว ก็ไม่ได้ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
เฮ่อเซียงรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ไม่อย่างงั้นเรื่องที่ลูกชายไม่เอาไหนของสกุลเฮ่อไปเล่นพนันอยู่ในบ่อนแล้วถูกจับได้ หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไปแล้วละก็ เขาคงจะอับอายขายหน้า จนไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหนแล้ว
ผ่านไปสองวัน เฮ่อเซียงได้เชิญฉินหรูเหลียงมาดื่มสุราที่จวนสกุลเฮ่อ เพื่อจะได้ขอบคุณเป็นการส่วนตัว ถือโอกาสให้เฮ่อโยวได้ยอมรับในความผิดและได้กล่าวขอโทษต่อหน้า
เทียบเชิญโดยอัครมหาเสนาบดี เรียนเชิญฉินหรูเหลียงเดินทางมา ณ เวลาพลบค่ำ
เข้าสู่พลบค่ำ อวี้เยี่ยนและแม่นมซุยปรนนิบัติจัดเตรียมอาหารมื้อค่ำให้กับเฉินเสียน จัดระเบียบหอนอน แม่นมซุยกำลังให้นมเด็กน้อย อวี้เยี่ยนยกจานชามตะเกียบที่ใช้แล้วออกจากหอนอนไป
บังเอิญเจอกับแม่บ้านจ้าวที่กำลังยกชาหวานเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเห็นอวี้เยี่ยนจึงพูดขึ้นว่า : “อวี้เยี่ยนเจ้ามาได้เวลาพอดี นี่เป็นชาหวานที่พึ่งทำออกมาใหม่ ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไงบ้าง เจ้าลองชิมดู ถ้าหากว่ารสชาติดี ค่อยนำเข้าไปให้องค์หญิงดื่ม”