หลิ่วเหมยอู่ได้ยินเรื่องนี้ทั้งหมด แต่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์อย่างละเอียดเป็นอย่างไร
หลิ่วเหมยอู่มองเซียงหลิง เซียงหลิงก็กล่าวอธิบายอย่างละเอียดว่า“บ่าวไปไถ่ถามมาแล้วเจ้าค่ะ เห็นบอกว่าแม่บ้านจ้าววางยาองค์หญิงโดยเฉพาะเพื่อต้องการให้ท่านแม่ทัพกับองค์หญิงอยู่ด้วยกัน ผลสรุปหลังจากที่องค์หญิงรู้เลยอับอายโมโหมาก ถึงได้ลงโทษแม่บ้านจ้าวเจ้าค่ะ”
อีกด้านเซียงหลิงปิดม่านลง อีกด้านกล่าวว่า“เห็นได้ว่าเรื่องจริงกับที่เซียงซั่นกล่าวมานั้นมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมากเจ้าค่ะ ถ้าหากภายในใจขององค์หญิงมีความอยากล่อลวงอยู่ จะลงโทษแม่บ้านจ้าวได้อย่างไรเจ้าคะ”
“เซียงซั่นเป็นบุคคลเช่นไร นายหญิงรู้ดีกว่าบ่าวนะเจ้าคะ เมื่อก่อนนางก็ทรยศนายหญิงถึงมีวันนี้ ไม่แน่ว่าครั้งนี้กลับมาอีกคงอยากยุยงนายหญิงให้ไปจัดการองค์หญิงนะเจ้าคะ นางจะได้นั่งดูนายหญิงกับองค์หญิงกัดกัน นายหญิงยังไงต้องอย่าให้นางหลอกได้นะเจ้าคะ”
หลิ่วเหมยอู่คิดไปมาอย่างละเอียด รู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง
ตอนแรกเฉินเสียนเกลียดชังฉินหรูเหลียงเกลียดจนใช้กริชกรีดแขนของฉินหรูเหลียง จะมาคิดล่อลวงฉินหรูเหลียงได้อย่างไร?
หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย หลิ่วเหมยอู่ถึงได้นับว่าดูออกอย่างชัดเจนทุกประการ โดยประมาณแล้วเฉินเสียนไม่มีทางกลับมาชอบฉินหรูเหลียงอีกแล้วจริงๆ
หลิ่วเหมยอู่กล่าวว่า “เช่นนั้นแล้วข้าควรจะทำอย่างไร?”
เซียงหลิงคุกเข่าลงบนพื้นทันที แล้วกล่าวว่า“บ่าวยังได้ยินข่าวบางอย่างมาเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่ พวกคนใช้ของจวนแม่ทัพไม่กล้าที่จะพูดโดยพลการเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรก็…..เป็นข่าวฉาวหนึ่งเรื่อง”
“ข่าวอันใดหรือ?”
“เกี่ยวกับเซียงซั่นเจ้าค่ะ”
หลิ่วเหมยอู่มีความตื่นเต้นอยากรู้ กล่าวว่า“ยังไม่รีบพูดอีก”
เซียงหลิงก็นำเรื่องเมื่อก่อนที่เซียงซั่นวางยามั่วโลกีย์กับท่านแม่ทัพและเข้าใกล้ชิดเด็กโรงม้าที่ยังไม่โตนั่นบ่อยครั้งเล่าให้กับหลิ่วเหมยอู่ฟัง
หลังจากเกิดเรื่องนั้นแล้ว ตอนดึกเงียบสงัดไม่มีผู้คน เซียงซั่นก็นัดพบกับเด็กรับใช้ที่ยังไม่โตเป็นการส่วนตัวที่กลางป่าไม้หลายครั้ง บางครั้งร้องจนคนที่ผ่านไปพบเห็น
หลิ่วเหมยอู่ไม่รู้ว่าตื่นเต้นหรือว่าอย่างไร ลุกจากเตียงแล้วนั่ง ความง่วงนอนสลายไปสิ้น
เซียงหลิงเล่าต่อว่า“และหลังจากนั้น ถึงวันที่ท่านแม่ทัพจะไล่เซียงซั่น ก็มีข่าวลือว่าเซียงซั่นนางตั้งครรภ์เจ้าค่ะ นายหญิงคิดอย่างละเอียดนะเจ้าคะ เซียงซั่นตั้งครรภ์ได้ไม่นานก็ใส่ร้ายป้ายสีนายหญิงว่าทำให้นางแท้ง วันนี้คิดขึ้นมารู้สึกว่ามีลับลมคมในมากเจ้าค่ะ”
หลิ่วเหมยอู่กล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “เจ้าหมายความว่า……ทั้งหมดนี้เดิมนางได้วางแผนไว้ดีแล้วอย่างนั้นหรือ?นางจงใจยั่วข้าให้ข้าผลักนางลงไปในน้ำ จงใจทำให้ตัวเองแท้งแล้วบอกว่าข้าเป็นผู้ที่ทำอย่างนั้นหรือ?”
เซียงหลิงกล่าวว่า “บ่าวก็เพียงแต่คาดเดาเจ้าค่ะ นายหญิงคิดดู ถ้าหากว่าเซียงซั่นตั้งครรภ์ลูกของท่านแม่ทัพจริง อนาคตหลังจากคลอดลูกออกมาแล้วมีโอกาสมากที่แม่จะได้ดีเพราะลูก นางก็ควรที่จะระวังตัวอย่างรอบคอบสิเจ้าคะ ต่อให้เวลานั้นนายหญิงเชื้อเชิญ ถ้าหากนางกลัวลูกมีภัย ก็ไม่ควรที่จะไปริมทะเลสาบนั้นอย่างผ่อนคลายไม่ระวังตัวนะเจ้าคะ”
หลิ่วเหมยอู่คิดตามแล้วกล่าวว่า“เพราะฉะนั้นเด็กที่อยู่ในท้องมีความเป็นไปได้ที่จะไม่ใช่ลูกของท่านแม่ทัพ และเป็นนางกับคนใช้โรงม้านั่นมีความสัมพันธ์กันจนตั้งครรภ์ ตอนนั้นนางต้องการยืมลูกมาแล้วทำให้ตัวเองอยู่ในจวน แต่อนาคตหากคลอดเด็กออกมาแล้วถูกท่านแม่ทัพรู้เข้าว่าไม่ใช่ลูกของตน เช่นนั้นนางก็พบความหายนะแล้วสิ นางถึงได้จงใจฆ่าเด็กคนนี้ในท้อง!”
“ดีจริงนะเซียงซั่น คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีความคิดที่โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ”หลิ่วเหมยอู่กล่าวด้วยความโมโห
เซียงหลิงกล่าวว่า“เพราะฉะนั้นบ่าวเลยจำใจต้องบังอาจเกลี้ยกล่อมนายหญิง เซียงซั่นยิ่งมีน้ำใจไมตรี นายหญิงยิ่งต้องระวังนะเจ้าคะ อย่าเข้าไปในแผนการของนาง กลับจะถูกนางหลอกใช้นะเจ้าคะ”
หลิ่วเหมยอู่คิดอยู่สักพักหนึ่ง กล่าวว่า“ใครจะหลอกใครยังไม่แน่นอนเลย! วันนี้พวกเราเรียนรู้จุดอ่อนของเซียงซั่นแล้ว ถ้าหากให้นางไปจัดการกับเฉินเสียนผู้หญิงต่ำช้านั่น มันน่าสะใจเสียจริง!”
“ตามที่บ่าวดู อยากจะเอาเรื่องนี้ไปบีบบังคับเซียงซั่นล่ะก็ ยากที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องราวที่ยึดเยื้อ อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ดีได้นะเจ้าคะ”เซียงหลิงกล่าวอย่างกังวล
“เซียงซั่นเป็นบุคคลที่โหดเหี้ยมอำมหิต ถ้าหากนายหญิงข่มขู่นางเช่นนี้ อาจจะข่มขู่ได้ชั่วขณะ แต่ทว่าทางกลับกันจะทำให้นางมีเวลามาจัดการความหายนะเจ้าคะ”
ไม่ดีเท่ากับนายหญิงตัดสินใจเด็ดขาดในยามวิกฤตนะเจ้าคะ รอเซียงซั่นทำเพื่อปกป้องตัวเองจนจำใจจะต้องกำจัดเด็กรับใช้โรงม้านั่นล่ะก็ คนตายไม่สามารถให้การได้นะเจ้าคะ บนมือของนายหญิงจะไม่เพียงแต่สูญเสียจุดอ่อนอย่างทำอะไรไม่ได้เลย มันไม่เอื้อผลต่อตัวเองเลยนะเจ้าคะ!
นายหญิงอยากมีศัตรูน้อยลงหนึ่งคนหรือว่าอยากเก็บบุคคลที่เป็นหายนะไว้เจ้าคะ?
คำพูดสุดท้ายทำให้หลิ่วเหมยอู่ได้สติทันที
เซียงหลิงพูดถูก นางเสี่ยงอันตรายอย่างนี้ไม่ได้
ครั้งนี้ถ้าไม่กำจัดเซียงซั่นออกไป เกรงว่าครั้งหน้าจะยากขึ้นไปอีก ถ้าผลักเซียงซั่นไปทางด้านของเฉินเสียนจริงๆ นั่นจะเป็นปัญหาในอนาคตอย่างยากจะจบลง
ยิ่งกว่านั้นหลิ่วเหมยอู่โกรธเคืองเสียจริงๆ ในระยะนี้ฉินหรูเหลียงมักไปที่สวนเซียงเสวี่ย
เพียงแค่กำจัดเซียงซั่น ฉินหรูเหลียงไม่มีทางไปที่สวนสระวสันตฤดู ก็มาได้เพียงสวนดอกพุดตานของนางแล้ว
เช่นนี้นางก็ได้คืนดีกับฉินหรูเหลียงอีกครั้ง เป็นเจ้าของเขาอย่างสมบูรณ์
ตอนนี้ที่สำคัญคือ นางต้องเริ่มจับกุมหัวใจของฉินหรูเหลียงใหม่
ต้องให้ฉินหรูเหลียงรู้ว่าเซียงซั่นโหดเหี้ยมเจตนาร้าย ต้องทำให้ฉินหรูเหลียงเข้าใจ เรื่องที่ทำให้ลูกของเซียงซั่นตายนั้นเป็นเขาที่เข้าใจผิดนาง ทำให้ตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม
เมื่อก่อนเซียงซั่นกับเฉินเสียนเป็นพวกเดียวกัน ถ้าหลิ่วเหมยอู่บีบบังคับเซียงซั่นให้ไปทำร้ายเฉินเสียน ถ้าหากทั้งสองคนนั้นร่วมมือกันขึ้นมาอีก แล้วทำลายหลักฐานที่แสดงว่าทำผิด กลับมาจัดการนางอีก นั่นนางก็ได้ไม่คุ้มเสียสิ
ครั้นแล้วสุดท้ายหลิ่วเหมยอู่เลยได้ตัดสินใจ กำจัดคนหนึ่งไปก่อนแล้วศัตรูก็น้อยลงคนหนึ่ง
วันต่อมาประจวบเหมาะกับฉินหรูเหลียงชำระล้างร่างกาย ตอนเช้าตรู่ในจวนแม่ทัพเกิดความวุ่นวายอึกทึกครึกโครม
อวี้เยี่ยนวิ่งอย่างรีบร้อน แล้วกล่าวว่า“เซียงซั่นกับนายหญิงหลิ่วเริ่มไต่สวนกันแล้วนะเพคะ เหตุใดองค์หญิงยังไม่ลุกล่ะเพคะ?ช้ากว่านี้อีกก็จะไม่เห็นความสนุกครึกครื้นแล้วนะเพคะ”
แม่นมซุยนิ่งสงบเป็นอย่างมาก กล่าวว่า“สรุปว่าดูความสนุกคึกครื้นสำคัญหรือว่าการนอนหลับขององค์หญิงสำคัญ?”
อวี้เยี่ยนพิจารณาสักพักหนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นว่า“การนอนหลับขององค์หญิงสำคัญ”
ด้วยเหตุนี้แม่นมซุยกับอวี้เยี่ยนเลยรอให้เฉินเสียนนอนแล้วตื่นเอง
เฉินเสียนนอนหลับสบายมาก
ไม่รู้เนื้อรู้ตัว เจ้าน่องน้อยก็สองเดือนกว่าแล้ว น่ารักผิวขาวนวล หางตาแหลมคม ดวงตาดำบริสุทธิ์สดใส เพียงแค่ตอนที่เขาลืมตา ก็มีกลิ่นอายของความง่วงที่เลือนราง
เจ้าน่องน้อยยิ่งรู้ความมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่เขาตื่นแล้วเฉินเสียนยังไม่ตื่น เขาไม่เปล่งเสียงร้องและไม่ดิ้น ราวกับว่ารอเฉินเสียนตื่น
ตอนที่ทนไม่ไหวจริงๆ เจ้าน่องน้อยจึงค่อยถีบขาและป่ายแขน
รอจนเฉินเสียนตื่นมา แม่นมซุยก็เข้ามาล้างหน้าเช็ดตัวเปลี่ยนชุดให้กับเจ้าน่องน้อย แล้วป้อนนม
เจ้าน่องน้อยดูดนมอย่างแข็งขัน แม่นมชุยกล่าวอย่างจนปัญญาว่า“หิวมากก็ไม่ได้ยินเสียงร้องเลย เมื่อครู่บ่าวเข้ามาเห็นท่านชายนอนนิ่งเฉย หรือว่าจะกลัวส่งเสียงดังทำให้องค์หญิงตื่นเพคะ?”
แม่นมซุยกล่าวอย่างชื่นชมต่อ“อายุยังน้อยก็เป็นผู้ที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นแล้ว เป็นครั้งแรกที่บ่าวเจอเพคะ อนาคตเติบโตแล้วต้องเป็นท่านชายน้อยที่ฉลาดหลักแหลมอย่างแน่นอนเพคะ ”
เฉินเสียนท่าทางสะลึมสะลือลูบผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงนั่งอยู่บนเตียง กระซิบว่า“เพิ่งจะสองเดือนเองเขาจะรู้หรือว่าสิ่งใดคือการเข้าอกเข้าใจผู้อื่น? ขนาดหิวแล้วยังไม่รู้จักร้อง ไม่โง่ก็เบื่อแหละ เห้อ แต่ขอให้เป็นอย่างหลังเถิดนะ”
ประจวบเหมาะกับอวี้เยี่ยนไปตักน้ำมาให้เฉินเสียบอาบชำระล้างร่างกาย ได้ยินแล้วหัวเราะทั้งน้ำตากล่าวว่า“องค์หญิง จะมีผู้ใดพูดกับลูกตัวเองอย่างนี้เหมือนกับองค์หญิงเพคะ”
เฉินเสียนคลึงใบหน้ารูปไข่ของเจ้าน่องน้อย แล้วกล่าวว่า“มานี่สิ บอกแม่ ว่าเจ้าเพียงแค่เบื่อ เจ้าหนุ่มน้อย”
เจ้าน่องน้อยชำเลืองมองเธอแวบหนึ่ง แล้วใจจดใจจ่อดื่มนมของเขาต่อ
เฉินเสียนถูกสายตาของเขาทำให้สะเทือนใจ กล่าวว่า“เอ้อร์เหนียง เจ้าเหลือบมองดูสายตาเมื่อครู่นี้ของเขาสิ เขาดูถูกข้าหรือนั่น?”