เฉินเสียนพยักหน้า แล้วพูดว่า “ข้าเชื่อเจ้า เมื่อครู่ข้าก็แค่พูดเย้าเล่นกับเจ้านิดหน่อยเท่านั้น ที่บ้านมีแขกมากมาย ถ้าเกิดทะเลาะกันขึ้นมาก็จะขายขี้หน้าคนอื่นเขา”
ขณะที่พูดก็รินน้ำชาที่เหลือลงไปในถ้วยด้วย นิ้วมือหมุนถ้วยชานั้น เหลือบมองแล้วพูดว่า “เหมยอู่ เจ้าเคารพน้ำชาข้า ข้ารู้สึกดีใจอย่างยิ่ง”
เบ้าตาของหลิ่วเหมยอู่นั้นแดงกล่ำ มีน้ำตาคลอ เหมือนกับดีใจจนน้ำตาไหลอย่างไรอย่างนั้น แล้วพูดว่า “จะว่าไป ถ้าองค์หญิงยินดีดื่มน้ำชาถ้วยนี้ ก็เหมือนกับว่าองค์หญิงได้ให้อภัยเหมยอู่ที่เคยทำผิดต่อท่านในอดีตแล้วหรือไม่?ต่อไปเหมยอู่จะไม่ทำให้องค์หญิงโกรธเคืองอีกแล้ว”
เฉินเสียนเม้มปาก แล้วยื่นมือไปเช็ดน้ำตาของนาง ทำให้หลิ่วเหมยอู่รู้สึกตกใจเล็กน้อย ฟังคำพูดเอื้ออารีของนาง“ ดูเจ้าสิ พูดอะไรไร้สาระ”
สองคนกำลังยกน้ำชา เพื่อดื่มเคารพซึ่งกันและกัน
เวลานั้นอวี้เยี่ยนที่อยู่ด้านหลัง ก็พูดขึ้นด้วยความตกใจมาประโยคว่า “เอ่อ นางหญิงรอง กระโปรงด้านหลังของท่านเหมือนว่าจะมีรูขาดหนึ่งรู”
แต่ไหนแต่ไรมาหลิ่วเหมยอู่นั้นจะห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองมากที่สุด ในงานแบบนี้จะมีเรื่องน่าขายหน้าได้อย่างไร ดังนั้นจึงวางถ้วยชาลงแล้วก้มลงมองไปที่กระโปรงเพื่อตรวจสอบ
เฉินเสียนขยับเข้าไปใกล้ แล้วพูดว่า “ไหนข้าดูหน่อย”
ด้านข้างของหลิ่วเหมยอู่ จึงทำให้ดึงดูดความสนใจของฉินหรูเหลียงไปด้วย
เฉินเสียนก็ค่อยๆเปลี่ยนตำแหน่งของถ้วยชาสองใบนั้น สายตาก็ยังคงมองอยู่ แล้วพูดว่า “มันเป็นเพียงรูเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อาจจะเป็นเพราะเมื่อครู่ไม่ได้ระวังเลยไปเกี่ยวกับอะไรสักอย่าง อีกสักครู่ท้องฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้ว แสงสลัวๆ คนอื่นคงมองไม่ออกว่ามันคืออะไร”
เมื่อขวัญเสียอยู่ครู่หนึ่ง เฉินเสียนจึงดึงหลิ่วเหมยอู่ให้นั่งลง แล้วพูดว่า “เจ้าเป็นถึงนายหญิงรองของท่านแม่ทัพ เกรงว่าอีกแปบเดียวคนอื่นอาจจะเดาออกได้ว่าคืออะไร อย่างนั้นตอนนั่งกินข้าวก็ระวังหน่อย รอช่วงเวลาหลังอาหารเย็นที่คนไม่ได้สนใจอะไร ค่อยกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวนดอกพุดตานน่าจะดีกว่า”
ในความทรงจำของหลิ่วเหมยอู่ เธอไม่เคยเห็นเฉินเสียนปฏิบัติตัวต่อเธออย่างสนิทสนมแบบนี้
คงเป็นเพราะเฉินเสียนคิดว่าเธออยากจะขออภัยจากเธอจริงๆ
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อต่อหน้าผู้คนมากมาย เฉินเสียนได้แสดงถึงน้ำใจของนายหญิงของบ้านเป็นอย่างดี
ในใจของหลิ่วเหมยอู่คิดว่า เจ้าเสแสร้งต่อไปเถอะ! ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะเสแสร้งไปได้อีกนานสักเท่าไหร!
แต่สีหน้านางนั้นกลับดูอ่อนโยน แล้วพูดว่า “ขอบพระทัยองค์หญิงสำหรับคำชี้แนะเพคะ”
เฉินเสียนเหลือบมองแล้วจ้องไปที่ถ้วยชาในมือ พูดว่า “แล้วชาถ้วยนี้ยังจะดื่มหรือไม่ดื่มกันรึ?”
หลิ่วเหมยอู่รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ต้องดื่มอยู่แล้วเพคะ เหมยอู่เคารพองค์หญิง ไหนเลยจะกล้ายกเลิกกลางคัน”
เฉินเสียนยกขึ้นมาถึงริมฝีปาก แล้วดื่มไปสองอึก หลิ่วเหมยอู่เห็นกับตาว่านางดื่มลงไปจริงๆ แสดงสายตาดีใจ ตัวเองจึงดื่มน้ำชาของตัวเองตามไป
ท่ามกลางความสัมพันธ์บนโต๊ะอาหารที่สามัคคีกลมเกลียวอย่างสนุกสนาน
แม้แต่ฉินหรูเหลียงก็ยังรู้สึกได้ถึงความแปลกว่ามื้ออาหารเย็นวันนี้ ค่อยคล้ายกับเป็นครอบครัวเดียวกันหน่อย
หลิ่วเหมยอู่กับเฉินเสียนไม่ได้สู้รบตบตีกัน พวกนางต่างคนต่างยอมกันด้วยไมตรีจิต
เฉินเสียนไม่ลืมที่จะคีบอาหารให้กับหลิ่วเหมยอู่ แล้วพูดว่า “เหมยอู่ เจ้านี่ช่างเป็นคนที่เข้าใจคนอื่นยิ่งนัก มิหน่าละแม่ทัพถึงได้หลงรักเจ้า”
หลิ่วเหมยอู่เหลือบมองไปทางฉินหรูเหลียง แล้วยิ้มอย่างเขินอาย
เฉินเสียนยังพูดต่อว่า“ข้าได้ยินมาว่า เรื่องงานฉลองวันเกิดของเจ้าน่องน้อยนั้นก็เป็นเพราะเจ้าพูดขอกับท่านแม่ทัพให้ เจ้านี่ช่างละเอียดอ่อนเสียจริง คิดได้อย่างรอบครอบ เจ้าลงมือทำแบบนี้ ทำให้ข้ารู้สึกซาบซึ้งเสียจริง ข้าเชื่อว่าเจ้าจริงใจที่อยากจะใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ดี ”
หลิ่วเหมยอู่ตอบกลับรับคำ “เหมยอู่คิดไว้ตั้งนานแล้ว เพียงแค่กลัวว่าองค์หญิงจะไม่ยินดีคืนดีกับเหมยอู่ ครั้งนี้ต้องขอบพระทัยท่านชายน้อย ที่ทำให้เหมยอู่ได้มีโอกาสทำอะไรแบบนี้”
เธอพูดอย่างภาคภูมิใจ เฉินเสียนถูกกับดักแล้ว!
ใครอยากจะคืนดีกับหญิงสารเลวกัน!
รอดูแล้วกัน!อีกเดี๋ยวหญิงสารเลวคนนี้ชื่อเสียงต้องโกลาหลเป็นแน่!คอยดูกันว่านางจะมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นนายหญิงของจวนท่านแม่ทัพอีกหรือไม่!
หลิ่วเหมยอู่คิดคำนวณเวลาไว้อย่างดีแล้ว รอเวลายานั้นออกฤทธิ์ คงน่าจะอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น เวลาอาหารเย็นเกือบจะเสร็จแล้ว ทุกคนต่างก็จะย้ายไปชมการแสดงละครเพลงในสวนกันหมด
รอเวลาที่เหมาะสม เธอจะต้องพาทุกคนไปหาเฉินเสียนอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นก็จะได้จับการเล่นชู้ได้คาที่!
เมื่อหลังกินอาหารเย็นกันหมดแล้ว เฉินเสียนก็เชิญชวนให้แขกไปเดินชมรอบสวนดอกไม้ ที่นั่นเริ่มมีการบรรเลงเสียงร้องของงิ้วแสดงขึ้นแล้ว
เวลานั้นเฮ่อโยวที่อยากรู้อยากเห็นในที่สุดเขาก็ได้เห็นใบหน้าของจริงๆเฉินเสียน
เฮ่อโยวมองอยู่ไกลๆ มองจนสายตามัวแล้ว
ถึงแม้ภายใต้แสงจากโคมไฟที่สลัวๆ แต่สายตาของเขานั้นดีมาก เธอ เธอ……ทำไมถึงเหมือนกับคนที่ให้เขายืมเงินสมัยตอนที่เขาอยู่ในบ่อนการพนัน?
ตอนนั้นถึงแม้เฉินเสียนจะปลอมตัวเป็นผู้ชาย แต่คิ้ว ดวงตาและอวัยวะบนใบหน้านั้นไม่ได้ปลอมแปลง ดังนั้นจึงไม่ได้เปลี่ยนไปมาก
มิน่าล่ะเฮ่อโยวถึงมองเดี๋ยวเดียวก็เอาคนสองคนมาเทียบกันได้
เธอคือองค์หญิง? หรือว่าเป็นเพียงแม่ของเด็ก? ยังจะมีอะไรอีกหรือไม่?
เฮ่อโยวขยี้ตา สงสัยนึกว่าตัวเองคงจะตาพร่ามัว
หลังจากที่เฉินเสียนจัดแจงงานเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมาหาหลิ่วเหมยอู่ เห็นสีหน้าของเธอดูผิดปกติ
หลิ่วเหมยอู่รู้สึกว่าตัวเองน่าจะเป็นเพราะขณะที่ร่วมงานเลี้ยงกับฉินหรูเหลียงนั้นดื่มเหล้าไปสองแก้ว นางไม่สามารถดื่มเหล้าได้เยอะ ดังนั้นจึงรู้สึกมึนๆหัว และรู้สึกร้อนแห้งๆ
เฉินเสียนพูดกับหลิ่วเหมยอู่ว่า “เหมยอู่ เจ้ามาดูตรงนี้หน่อย ข้ารู้สึกว่าข้าไม่ค่อยสบาย ถือของไม่ค่อยจะมีแรง ข้าจะกลับเข้าเรือนไปพักสักหน่อย”
นั่นเป็นสิ่งที่หลิ่วเหมยอู่ปรารถนา คิดว่าเฉินเสียนนั้นโดนฤทธิ์ยาเข้าแล้ว จึงพูดกลับว่า “ ถ้าอย่างนั้นองค์หญิงก็ควรได้รับการพักผ่อน กลับไปพักผ่อนเถอะเพคะ เหมยอู่จะอยู่ตอนรับตรงนี้เองเพคะ”
หลังจากที่เฉินเสียน รวมถึงอวี้เยี่ยนและแม่นมซุยอุ้มเจ้าน่องน้อยออกไปแล้ว
รอให้ผ่านไปสักครู่ หลิ่วเหมยอู่ก็จะส่งคนไปที่สวนสระวสันตฤดูเพื่อหาข้ออ้างที่จะแยกแม่นมซุยและอวี้เยี่ยนออกมา จากนั้นค่อยจัดการหาช่องว่างแล้วพาคนเข้าไป
เมื่อเฉินเสียนเพิ่งเดินไปข้างหน้า หลิ่วเหมยอู่ที่อยู่ด้านหลังก็พาเซียงหลิงออกมาจากบริเวณสวนดอกไม้ที่จัดงานนั้น
หลิ่วเหมยอู่ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกหมดแรง เดินไปถึงทางเล็กๆจึงพิงกับต้นไม้แล้วหายใจหอบ
เซียงหลิงเห็นอาการจึงรีบเข้าไปพยุงเธอ แล้วพูดว่า“ นายหญิงเป็นอะไรไปรึ? หรือว่าเมื่อกี้อยู่กับท่านแม่ทัพแล้วดีใจจนดื่มเยอะไปหน่อย?”
“อาจจะใช่”
“อย่างนั้นบ่าวจะพานายหญิงไปพักที่สวนพุดตานก่อน”
หลิ่วเหมยอู่จับมือเซียงหลิงแล้วพูดว่า “มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเจ้าพยุงข้ากลับไปพัก ใครจะจัดการเรื่องนี้ต่อ ?สวนพุดตานอยู่ไม่ไกลกับที่นี่มากนัก ข้ากลับไปพักเองได้ ตอนนี้เจ้าจงไปด้านหลังประตูนั่นแล้วพาคนเข้ามา”
หลิ่วเหมยอู่ยังพูดกำชับอีกว่า “พาเข้ามาแล้วอย่าเพิ่งรีบพาเข้าไปที่สวนสระวสันตฤดูหล่ะ เจ้าไปเรียกแม่เฒ่าสองคนให้ไปที่สวนสระวสันตฤดูเพื่อแยกแม่นมซุยกับอวี้เยี่ยนออกมาก่อน จากนั้นค่อยพาคนเข้าไป”
“บ่าว บ่าวเข้าใจแล้ว”
“รีบไป อย่าให้เสียเวลา ต้องทำให้สำเร็จ”
หลิ่วเหมยอู่มองเซียงหลิงที่หันหลังเดินกลับไปอย่างตาลาย เธอจึงค่อยๆพาตัวเองเดินกลับไปที่สวนดอกพุดตาน
เดินได้เพียงแค่ครึ่งทาง เธอไม่ทันได้ระวังตัวแม้แต่น้อย เฉินเสียนที่กลับไปแล้วก็เดินกลับมาใหม่ ออกมาทางด้านหลังของต้นไม้อย่างไม่รีบร้อน
เฉินเสียนใช้มือฟาดไปที่ก้านคอของหลิ่วเหมยอู่ จริงๆแล้วไม่ต้องออกแรงอะไรมาก แขนขาเธอก็ไร้เรี่ยวแรงอยู่แล้ว
เวลานั้นเฉินเสียนจับตัวของนางไว้ หันตัวเธอให้เดินไปอีกทาง
เมื่ออยู่ตรงปากทาง แม้จะอยู่ในที่แสงสว่างสลัวๆแต่สัมผัสของเฉินเสียนนั้นว่องไวและเฉียบแหลม ดังนั้นเธอจึงหยุดเดินอย่างกะทันหัน พร้อมกับหันหน้ามองไปอีกทาง
สายตาที่มองนั้นโหดเหี้ยมราวกับนกเหยี่ยว ทำให้คนกลัวจนตัวสั่น
เฮ่อโยวมองเห็นอย่างชัดเจน ว่านั้นไม่ใช่สายตาที่ผู้หญิงคนหนึ่งควรจะมี