ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 191 ในเมืองหลวงมีข่าวคราวอื่น

ประตูหนาสีแดงเข้มของจวนแม่ทัพค่อยๆปิดมาประกบกัน เรื่องราววันนี้ก็ปิดฉากลงอย่างช้าๆ

หลังจากกลับมาถึงสวนสระวสันตฤดู อากาศหนาวเย็น แม่นมซุยรีบบอกกล่าวให้เฉินเสียนเข้ามาอุ่นร่างกาย

ภายในห้องติดเตาไฟไว้ เฉินเสียนยืนอยู่ด้านข้างแล้วยื่นมือไปผิงไฟนั้น อวี้เยี่ยนก็นำน้ำอุ่นมาให้เฉินเสียนล้างหน้าบ้วนปาก

เรื่องของวันนี้ตอนเย็น แม่นมซุยกับอวี้เยี่ยนรู้สึกว่าสะใจเป็นอย่างมาก

อวี้เยี่ยนกล่าวระบายความโกรธว่า“ดูว่าต่อไปนางยังจะกล้าก่อกรรมทำชั่วหรือไม่ นี่ก็นับว่านางทำกรรมสิ่งใดก็ได้รับสิ่งนั้นตอบแทนแล้วแหละ สมน้ำหน้า!”

อนาคตฉินหรูเหลียงจะลงโทษเช่นไร เฉินเสียนก็ไม่ได้ใส่ใจแล้ว

ถึงอย่างไรเรื่องจริงได้แสดงอยู่ตรงหน้าแล้ว ฉินหรูเหลียงจะทิ้งหลิ่วเหมยอู่ก็ดี เก็บไว้ดูแลรักใคร่ต่อไปก็ช่างเถิด ไม่เชื่อหรอกว่าภายในใจของเขานั้นจะไม่รังเกียจเลย

เพียงแต่ว่าตอนหลิ่วเหมยอู่โวยวายอยากตาย ตั้งแต่ฉินหรูเหลียงเข้าไปในสวนดอกพุดตานก็ยังไม่ออกมาอีกเลย อันนี้ฉินเสียนก็รู้ ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่มีทางออกมาจากที่สวนสระวสันตฤดูเพื่อมาจัดการปัญหาหรอก

เมื่อคืนฉินหรูเหลียงดุร้ายทารุณมาก ครั้งแรกที่หลิ่วเหมยอู่มีความรู้สึกเจ็บปวดที่สุด นางเข้าใจความเจ็บปวดทรมานของเซียงซั่นอย่างลึกซึ้ง

ไม่ว่านางจะขอร้องอ้อนวอนเช่นไร ฉินหรูเหลียงก็ไม่ได้สนใจเลย กลับยิ่งทรมานนางมากขึ้น

จนถึงตอนฟ้าสาง ถึงค่อยลดลง

วันต่อมาหลิ่วเหมยอู่ลงจากเตียงไม่ไหว นอนกลืนน้ำตาบนเตียง

ก่อนที่เซียงหลิงจะเข้ามาปรนนิบัติ มองเห็นบนตัวของหลิ่วเหมยอู่มีร่องรอยน่าหวาดกลัวละลานสายตา นางตาแดงน้ำตาไหลพรากลงมาแล้วกล่าวว่า“ท่านแม่ทัพโหดร้ายจริงๆ รู้อยู่แล้วว่าร่างกายนายหญิงบอบบาง เมื่อก่อนท่านแม่ทัพตัดใจไม่ลงที่จะใช้กำลังกับนายหญิงสักหน่อยเลยนะเจ้าคะ”

หลิ่วเหมยอู่ฝืนยิ้มแล้วกล่าวว่า“เขาเป็นท่านแม่ทัพ ข้าเสมือนว่าเป็นโสเภณี”

ผ่านความทรมานเมื่อคืนนี้แล้ว ต่อให้หลิ่วเหม่ยอู่โง่อีก นางก็น่าจะได้สติสะท้อนความจริงกลับมาแล้ว

เมื่อวานตอนเย็นนางดื่มเหล้านิดหนึ่งแล้วเมาทันทีที่ไหนกัน ชัดเจนว่าเป็นการวางแผนทำร้าย และผู้ที่วางแผนทำร้ายนาง นอกจากเฉินเสียน นางก็คิดเป็นผู้อื่นไม่ได้แล้ว

หลิ่วเหมยอู่จิกเล็บเข้าไปในเนื้อ แรงจนเลือดไหลออกมา นางพยายามดันตัวลุกขึ้น มองเซียงหลิงที่ร้องไห้ตาแดงน้ำตาไหลพราก ทันใดนั้นได้ตบลงที่แก้มของเซียงหลิงอย่างแรง

เซียงหลิงไม่ทันตั้งตัว ถูกตบล้มลงอยู่ที่พื้น กุมหน้าไว้ตกใจเป็นอย่างมาก กล่าวขึ้นว่า“นายหญิง?”

“เซียงหลิง เจ้ากล้าร่วมมือกับเฉินเสียนหญิงต่ำช้านั่น มาหักหลังข้าใช่หรือไม่?!”

เซียงหลิงคลานเข้าหา ร้องห่มร้องไห้กล่าวว่า“นายหญิงโปรดมองให้ทะลุปรุโปร่ง!บ่าวไม่กล้าอย่างเด็ดขาดเจ้าค่ะ !นายหญิงคือเจ้านายของบ่าว ทำเช่นนี้มีประโยช์อันใดกับบ่าวล่ะเจ้าคะ บ่าวก็มีส่วนร่วมด้วย จะกล้าขายนายหญิงได้อย่างไรเจ้าคะ!”

คิดไปคิดมาก็ใช่ ไม่ว่าหลิ่วเหมยอู่จะทำสิ่งใดก็ลากเซียงหลิงมาร่วมด้วยเสมอ นางคิดว่าเซียงหลิงไม่มีความกล้านี้หรอก

ครั้นแล้วหลิ่วเหมยอู่ได้กล่าวขึ้นว่า“เจ้าพูดให้ข้าฟังทีละคำๆอย่างชัดเจน สรุปมันเกิดอะไรขึ้น!”

เซียงหลิงก็เล่าเรื่องราวเมื่อคืนนี้อย่างละเอียดยิบ

นางไปทำตามคำสั่งของหลิ่วเหมยอู่ทั้งหมด วางยาในน้ำชาให้กับเฉินเสียน หลังจากนั้นอาศัยตอนหลิ่วเหมยอู่ยกน้ำชาหลอกล่อให้เธอดื่มมันลงไป

หลังจากนั้นตอนเฉินเสียนกลับสวนสระวสันตฤดูพักผ่อน เซียงหลิงได้ไปประตูหลังแอบเปิดให้คนเข้ามา

เพราะว่าเซียงหลิงกังวลใจหลังจากที่หลิ่วเหมยอู่ดื่มเหล้าเมามายกลับไปที่สวนดอกพุดตานเพียงลำพังไม่มีผู้ดูแล นางก็ได้นำทางชายผู้นั้นมาที่ด้านหลังเรือน แต่ไม่ทันที่จะพาไปถึงสวนสระวสันตฤดู นางเพียงชี้ทิศทางไปสวนสระวสันตฤดูให้ชายผู้นั้น อีกทั้งเรียกให้แม่เฒ่าไปที่สวนสระวสันตฤดูพาอวี้เยี่ยนกับแม่นมซุยออกไป ตัวเองก็รีบโค้งกลับมา

แต่ที่คาดไม่ถึงอย่างมากคือเส้นทางไปที่สวนสระวสันตฤดูนั้นต้องผ่านสวนเซียงเสวี่ยด้วย ชายผู้นั้นกระโจนเข้าไปในสวนเซียงเสวี่ยได้อย่างไรกันนะ

ยิ่งคาดไม่ถึงคือหลิ่วเหมยอู่ไม่ได้กลับสวนดอกพุดตาน กลับกันนางได้ไปนอนอยู่ในสวนเซียงเสวี่ยนั่น

รอเซียงหลิงกลับมาสวนดอกพุดตานหาทั้งด้านนอกด้านในก็หาหลิ่วเหมยอู่ไม่เจอ ตื่นตระหนกตกใจเลยได้ไปขอร้องท่านแม่ทัพให้ช่วยตามหา

คำอธิบายนี้ฟังแล้วสมเหตุสมผล

หลิ่วเหมยอู่โมโหโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมาก อยากจะตำหนิเซียงหลิงก็ตำหนิออกมาไม่ได้

เซียงหลิงกล่าวทั้งน้ำตาอีกว่า“เห็นชัดว่านายหญิงกลับสวนดอกพุดตานแล้ว กลับไปที่สวนเซียงเสวี่ยได้อย่างไรเจ้าคะ?บ่าวก็ไม่ทราบว่าสรุปมันเกิดสิ่งใดขึ้นเจ้าค่ะ ใช่หรือไม่ใช่ว่า…….องค์หญิงทราบอะไร เพราะฉะนั้นเลยได้จัดการกับนายหญิงเช่นนี้?”

หลิ่วเหมยอู่กล่าวด้วยเสียงแหบแห้งว่า“นอกจากองค์หญิงแล้วยังจะมีผู้ใด!เป็นหญิงต่ำช้านั่นแน่นอน!”

คิดอย่างถี่ถ้วนอีก หลิ่วเหมยอู่นึกได้ทันที เมื่อวานช่วงงานเลี้ยงตอนเย็น อวี้เยี่ยนบ่าวข้างกายเฉินเสียนเตือนนางว่ากระโปรงด้านหลังขาดเป็นรูแล้ว

เวลานั้นหลิ่วเหมยอู่ไม่ได้ใส่ใจเลยตั้งอกตั้งใจหันกลับมาดูกระโปรง

พอตอนนี้มาคิดดู ความผิดพลาดเกิดเวลานั้นเป็นแน่!เป็นเฉินเสียนที่แอบเปลี่ยนน้ำชาของนาง เปลี่ยนเป็นแก้วที่มียานั่น!

“เฉินเสียน!สาบานว่า ข้ากับท่านอยู่ร่วมกันไม่ได้หรอก!”หลิ่วเหมยอู่สาบานต่อสวรรค์ “ต้องมีสักวันหนึ่ง ข้าจะให้ท่านได้ลิ้มลองสิ่งที่ข้าได้ประสบมาทั้งหมด!”

เวลาต่อมาฉินหรูเหลียงนั้นก็ไม่ได้มาหานางอีกเลย

ในชั่วพริบตาเดียว อากาศหนาวเย็นของเหมันตฤดู ฟ้าดินเงียบวังเวง

ใบไม้ในสวนสระวสันตฤดูร่วงหล่นลงหมด เหลือไว้เพียงกิ่งก้านแห้งไร้ใบ

แม่นมซุยกวาดใบไม้ที่ร่วงลงมาได้เป็นจำนวนมาก นางนำมาใช้เป็นฟืนก่อไฟ

ปีนี้หิมะตกล่าช้า บางครั้งท้องฟ้าสีครามมีแสงแดดด้วย

เจ้าน่องน้อยไม่ชอบอุ้ดอู้อยู่ในห้อง เขาชอบออกมาเดินเล่นลานหน้าเรือนอยู่บ่อยๆ

เฉินเสียนสวมใส่เสื้อขนเป็ดให้เขา แต่อวี้เยี่ยนกังวลใจว่าสวมใส่ไม่มากพอไม่อุ่น จะทำให้เจ้าน่องน้อยหนาวได้

เฉินเสียนกล่าวว่า“สวมใส่หนาแล้วทำให้เจ้าน่องน้อยเคลื่อนไหวไม่ได้ เจ้าน่องน้อยของพวกเราเป็นเด็กผู้ชาย ไม่ได้บอบบางเช่นนั้นหรอก”

เจ้าน่องน้อยสะบัดร่างกายน้อยๆของตน ตอนชุดสั่นเสียงจี้อายุยืนห้อยไว้ที่หน้าอกของเขาก็ดังขึ้นอย่างไพเราะเสนาะหู

เสียงนั้น ราวกับว่าเป็นลมเย็นสบายโดยฉับพลัน

เฉินเสียนได้ยินมักจะหรี่ตาลงแล้วยิ้มได้อยู่เสมอ

เพราะบางครั้งเธอจะระลึกได้ นี่เป็นจี้อายุยืนที่ซูเจ๋อมอบให้กับลูกชายของเธอ

เธอเห็นซูเจ๋อเป็นสหาย เพราะฉะนั้นจิตใต้สำนึกเธอเลยได้พูดปลอบประโลมตัวเอง บางครั้งความสัมพันธ์ระหว่างสหายพอคิดดูก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

ในเมืองหลวงมีข่าวคราวอื่น

แถวถนนใหญ่ตรอกซอยเล็ก หลักจากดื่มชากินข้าวเสร็จ นอกจากจะพูดคุยเรื่องวุ่นวายขัดแย้งภายในเรือนขุนนาง แล้วยังพูดคุยเรื่องอื่นกัน

ยกตัวอย่างเช่นการค้าทางชายแดนของเย่เหลียงกับต้าฉู่กระทบกระทั่งกันทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ทหารชายแดนของทั้งสองฝั่งเกิดการรบกัน

ครั้งก่อนเย่เหลียงรบแพ้ต้าฉู่ แต่ก็เป็นเรื่องไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เย่เหลียงกระหายการทำสงคราม ไม่ยอมแพ้ต้าฉู่ และการรบแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติของผู้ที่ทำสงครามการรบ ไม่ใช่ว่ารบแพ้หนึ่งครั้งแล้วจะกำหนดการแพ้ชนะตลอดไป

เย่เหลียงฟื้นฟูสภาพจิตใจร่างกายได้ดี มีจิตใจอยากจะสู้รบก่อจลาจลตั้งนานแล้ว

ครั้งหนึ่งตรงชายแดนทั้งสองฝั่งปะทะกัน เย่เหลียงน้อมรับด้วยความยินดีอย่างที่สุด ที่จะทำให้เรื่องวุ่นวายมากขึ้น

แต่หลังจากที่ทำให้เรื่องราววุ่นวายมากขึ้นแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเมืองนั้นต้าฉู่ค่อนข้างเป็นทุกข์มาก

เนื่องจากทางทิศเหนือของต้าฉู่ยังมีเมืองเป่ยเซี่ยหนึ่งเมืองอยู่

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประจวบกับเป่ยเซี่ยเกิดความวุ่นวายภายใน ยาวนานกว่าสิบกว่าปี ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่มีความสามารถที่จะมาดูแลผู้อื่นอีกด้วย เป็นผลให้ตอนที่ต้าฉู่กับเย่เหลียงระดมกำลังนั้น ต้าฉู่ไม่ต้องกังวลเลยว่าเป่ยเซี่ยจะร่วมมือกับเย่เหลียง

แต่ช่วงสองปีนี้ความวุ่นวายภายในของเป่ยเซี่ยได้สงบ เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เมืองค่อยๆมีความมั่งคั่งขึ้น

ตั้งแต่หลังจากที่ต้าฉู่มีอำนาจการเมืองเปลี่ยน ความสัมพันธ์กับเป่ยเซี่ยก็หยุดชะงักอย่างหนัก

เวลานี้ต้าฉู่กับเย่เหลียงระดมกำลังพลอีกครั้ง เลยจำใจจะต้องป้องกันความหายนะทางทิศเหนือด้วย

น่าจะเย่เหลียงมองขาดตรงจุดนี้ ถึงได้กำเริบเสิบสานเช่นนี้

ชายแดนถึงแม้ว่าจะห่างไกลจากเมืองหลวงพันลี้ ชายแดนเกิดความวุ่นวายตอนนี้ยังไม่กระทบมาถึงความเจริญรุ่งเรืองเมืองหลวง เสียงผู้คนคึกคักเจี๊ยวจ๊าว พูดคุยสนุกสนาน แต่ราชสำนักไม่มีทางที่จะไม่มีการเคลื่อนไหว

ไม่อย่างนั้นเย่เหลียงยิ่งจะทำตามอำเภอใจไร้ยางอาย

ตอนที่ผู้คนไม่อาจคาดการณ์ล่วงหน้าได้ มีมือข้างหนึ่ง กำลังแอบทำสิ่งหนึ่งอยู่เงียบๆ

เฉินเสียนรู้ นั่นคือมือข้างหนึ่งที่สวยงามมาก สามารถจับพู่กัน สามารถกุมดาบได้

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset