แต่เพราะเขาไม่มีแรง จึงถูกชายผู้สวมเสื้อผ้าราคาแพงตีจนเขาล้มลงกับพื้น ผู้ติดตามทั้งสองของชายผู้สวมเสื้อผ้าราคาแพงเดินเข้าไปลงมือซ้อมเขาอย่างรุนแรง
บนพื้นเต็มไปด้วยคราบเลือด
ขอทานสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ต่างตกใจจนพากันยกถ้วยหนี
คนผู้นั้นถูกผู้ติดตามตีจนไม่สามารถจะสู้ได้อีก เขาโค้งตัวโก่ง มือทั้งคู่กุมหัวตัวเองไว้แน่น
เมื่อชายผู้สวมเสื้อผ้าราคาแพงเห็นสภาพของเขาแล้ว จึงย่อตัวลงตบไหล่ของเขา หัวเราะพร้อมกับพูดอะไรบางอย่างออกมา จากนั้นเขาก็เดินจากไปพร้อมผู้ติดตาม
ผ่านไปครู่ใหญ่ คนผู้นั้นจึงค่อยๆ ลุกขึ้นมา เขาก้มหน้าลูบมุมปากที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วจึงกลับไปนั่งซบหน้ากอดเข่าอยู่ที่เดิม
ถึงแม้ว่าจะลำบากแทบตาย แต่เขากลับไม่เหลียวแลเหรียญทองแดงบนพื้นนั่นแม้แต่นิดเดียว
เฉินเสียนขมวดคิ้วแหวกฝูงผู้คนเดินตรงไปที่เขา พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “หวังว่าข้าจะจำผิดคน ทำไมเขาถึงได้มาลำบากเร่ร่อนอยู่บนถนนนี้กันนะ”
อวี้เยี่ยนที่ไม่เข้าใจจริงๆ จึงพูดขึ้นว่า : “นายหญิงหมายถึงใครหรือเจ้าคะ?”
พริบตาเดียว เฉินเสียนก็เข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา
พออยู่ใกล้ๆ แล้วจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน ชุดสีเข้มที่เขาสวมใส่นอกจากสกปรกมอมแมมยุ่งเหยิงแล้ว ดูออกว่าเป็นเสื้อผ้าเนื้อดีและมีราคาแพง
เฉินเสียนเดาไม่ผิด เขาไม่ใช่ขอทาน
เธอเก็บความสงสัยในใจไว้ เรียกขึ้นเสียงเบา : “เฮ่อโยว?”
เขาสะดุ้งโหยงทั้งตัว แต่ไม่ยอมเงยหน้าและไม่ยอมตอบกลับ
อวี้เยี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ เบิกตากว้าง
คนผู้นี้คือเฮ่อโยว?
เป็นไปได้ยังไงกัน
เฮ่อโยวคือลูกชายของอัครมหาเสนาบดี ฐานะสูงส่ง ทำไมถึงได้ตกต่ำจนอยู่ในสภาพนี้ได้!
เฉินเสียนไม่อยากจะเชื่อ เธอไม่ได้เจอเฮ่อโยวมานานมาก แต่กลับมาเจอกันในฉากแบบนี้
เมื่อครู่นี้แค่มองผ่านๆ เฉินเสียนก็รู้สึกว่ารูปร่างนี้ค่อนข้างคุ้นตา ดูไม่เหมือนกับบรรดาขอทานที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อครู่เธอจึงลงจากรถม้ามาเพื่อดูให้กระจ่าง
เฉินเสียนค่อยๆ ย่อตัวลงข้างๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น : “เฮ่อโยว”
เขาขยับตัวหลบไปข้างๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบและกระด้าง : “ท่านคงจำผิดคนแล้ว”
เขาพยายามจะหลบเฉินเสียน และกำลังจะลุกหนี แต่เมื่อครู่นี้เขาถูกซ้อมจนน่วม แม้แต่แรงจะลุกขึ้นก็ไม่มี
เฉินเสียนขยับไปข้างหน้าเขาอย่างไม่สนใจ ไม่สนใจว่าเขาจะหลบเธอยังไง เธอยื่นมือไปปัดผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของเขาออก
เขาพูดขึ้นอย่างหมดความอดทน : “ข้าบอกว่าท่านจำผิดคนแล้ว!”
เฉินเสียนปัดผมของเขาออก ประคองใบหน้าที่ทั้งบวมและเขียวช้ำ แววตาของเขาสั่นไหว : “เฮ่อโยว”
ตอนนี้อวี้เยี่ยนเองก็จำเขาขึ้นมาได้ นางตกใจยกมือขึ้นปิดปาก
เขาหลบสายตาของเฉินเสียน และพยายามหนี พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านจำผิดคนแล้ว……เฮ่อโยวที่สง่าผ่าเผยนั่น จะมาเป็นสุนัขร่อนเร่พเนจร เป็นสุนัขที่ไร้บ้านกลับอย่างข้าได้ยังไงกัน!”
เฉินเสียนจู่ๆ ก็ดึงเขาเข้ามากอด
เขาพยายามดิ้นรนปฏิเสธว่า : “ข้าไม่ใช่เฮ่อโยว ข้าไม่ใช่เฮ่อโยว……ข้าเองก็ไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร……”
เฉินเสียนกอดผมเผ้าที่รุงรังของเขาไว้แน่น พูดปลอบใจเขาว่า : “ข้าคือเฉินเสียน ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว”
เฮ่อโยวสะดุ้งไปทั้งตัว
เขาที่ดิ้นสู้แทบตาย ในที่สุดก็ค่อยๆ สงบลงในอ้อมแขนของเฉินเสียน
เขาก้มหน้ากอดแขนของเฉินเสียนไว้แน่น ลูกกระเดือกของเขาค่อยๆ ขยับ พูดขึ้นว่า : “ท่านคือเฉินเสียน……เฉินเสียน ทำยังไงดี ข้าเจ็บปวดเหลือเกิน……ท่านย่าของข้าเสียแล้ว……พวกเขาบอกว่า……ท่านย่าของข้าเสียเพราะข้าคนเดียว……”
เฮ่อโยวอายุน้อยกว่าเฉินเสียนเล็กน้อย ที่ผ่านมาเฉินเสียนไม่ได้มองว่าเขาเป็นแค่เพื่อน แต่ยังมองเขาเป็นน้องชายอีกคนด้วย
เขาเองได้จริงใจต่อเฉินเสียน และเฉินเสียนเองจึงจริงใจเขาตอบ
และเฮ่อโยวที่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ สะอึกสะอื้นตัวสั่นเทา อยู่ในอ้อมแขนของเธอ เฉินเสียนเองก็รู้สึกแย่ไม่น้อย
เฉินเสียนประคองเขาลุกขึ้น พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ลุกขึ้น กลับไปกับข้า”
เฮ่อโยวรีบส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ข้าไม่กลับไปแล้ว ข้าถูกไล่ออกจากบ้านแล้ว”
“กลับจวนท่านแม่ทัพ”
โชคดีที่ไม่มีใครจำหน้าของเฮ่อโยวได้ เฉินเสียนเองได้ใช้ผ้าคลุมคลุมหน้าของเธอไว้ แค่นี้ก็ไม่มีใครจำหน้าเธอได้แล้ว
เธอประคองเฮ่อโยวที่บาดเจ็บทั้งตัวขึ้นรถม้า กลับจนถึงจวนท่านแม่ทัพ
เมื่อเข้าประตู เฉินเสียนก็ได้ให้พ่อบ้านไปเตรียมน้ำร้อน และได้สั่งคนให้ไปเชิญหมอมาด้วย
พ่อบ้านเองก็นึกไม่ถึงว่าระหว่างทางกลับ เฉินเสียนเองได้เก็บคนผู้หนึ่งกลับมาด้วย พ่อบ้านเองที่ยังมองไม่ออกว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ได้แต่รีบไปจัดเตรียมตามคำสั่งของเฉินเสียน
เฮ่อโยวอาบน้ำชำระตัวและจัดการบาดแผลในห้องว่างห้องหนึ่งของจวนท่านแม่ทัพ
ในจวนไม่มีเสื้อผ้าที่เขาพอจะใส่ได้
เฉินเสียนจึงพูดกับพ่อบ้านว่า : “ไปเอาเสื้อผ้าของท่านแม่ทัพที่เรือนหลักมาหนึ่งชุดให้เขาสวมใส่ก่อน”
พ่อบ้าน : “เอ่อ……”
“รีบไปสิ อีกเรื่องหนึ่ง ทุกคนห้ามใครแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะโดนลงโทษด้วยกฎเรือนนี้”
เมื่อเฮ่อโยวได้อาบน้ำและสวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดแล้ว พ่อบ้านเพิ่งได้มองเขาชัดๆ จึงพึ่งจะเข้าใจ
คนผู้นี้เขาจำได้ วันงานเลี้ยงครบร้อยวันของเจ้าน่องน้อยเขาเองก็มาด้วย ลูกชายคนรองของสกุลเฮ่อ!
เรื่องนี้ชักช้าไม่ได้ พ่อบ้านจึงรีบพูดกับเฉินเสียนว่า : “บ่าวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คุณชายสกุลเฮ่อมาอยู่ที่จวนท่านแม่ทัพในเวลานี้มันไม่เหมาะควร จะให้บ่าวสั่งคนไปแจ้งที่จวนท่านมหาเสนาบดีส่งคนมารับเขากลับดีหรือไม่ขอรับ?”
เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “ข้าบอกแล้วไง ว่าเรื่องนี้อย่าพึ่งแพร่งพรายออกไป คนที่จวนของมหาเสนาบดียิ่งต้องไม่ให้รู้เข้าไปใหญ่ว่าเฮ่อโยวอยู่ที่นี่ รอให้สถานการณ์กระจ่างก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ขอรับ”
เมื่อหมอได้ตรวจดูอาการของเฮ่อโยวแล้ว จากนั้นก็จัดยาและจัดการทำความสะอาดบาดแผลภายนอกของเขา
นอกจากบาดแผลถลอกภายนอกแล้ว ตามตัวของเฮ่อโยวนั้นก็เขียวช้ำไปทั้งตัว ไม่รู้เลยว่าเขาต้องเจอกับอะไรมาบ้าง
เฉินเสียนนำตัวยาทาเข้าไปในห้อง เฮ่อโยวก้มลงมองดูเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมใส่ แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “เสื้อผ้านี้ไม่เหมาะกับข้าเลย”
“นี่เป็นเสื้อผ้าของท่านแม่ทัพฉิน เวลากระชั้นชิดแบบนี้ข้าหาเสื้อผ้าที่พอดีกับเจ้าไม่ได้ ใส่ไปก่อนเถอะ”
เฉินเสียนนั่งลงตรงหน้าเขา เธอหรี่ตาลงใช้ปลายนิ้วแตะที่ตัวยาทาด้วยความเบามือ จากนั้นยกมือขึ้นมาเพื่อจะทายาที่หน้าให้เขา
แต่เขากลับหันหน้าหลบ
เฉินเสียนยื่นมือไปอีกครั้ง ครั้งนี้เธอพุ่งตรงไปทายาบนบาดแผลที่ใบหน้าของเขาอย่างไม่สนใจ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “จะหลบทำไม ถ้าตอนนี้ไม่รีบทายา วันข้างหน้าจะน่าเกลียดเอาได้”
จากนั้นเฮ่อโยวจึงไม่หลบต่อ
เขาจ้องมองท่าทางที่อ่อนโยนของเฉินเสียน น้ำตาคลอเบ้า พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ข้าถูกขับไล่ออกจากเรือน เป็นสุนัขร่อนเร่พเนจรไม่มีใครอยากสนใจไยดี แล้วทำไมท่านถึงช่วยข้า ท่านไม่กลัวว่าข้าจะนำความเดือดร้อนมาให้หรือ?”
เฉินเสียนแววตาลุ่มลึก เธอพูดขึ้นว่า : “งั้นเจ้าบอกข้าก่อน ว่าคนที่ตีเจ้าเมื่อครู่นี้เป็นใครกัน?”
เฮ่อโยวตอบกลับอย่างกล้ำกลืน : “พี่ชายต่างมารดาของข้า”
เฉินเสียนเห็นเขากำมือแน่น เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธแค้น
เธอจึงพูดขึ้นว่า : “งั้นที่ผ่านมาเขาคงจะต้องเกลียดเจ้ามากแน่ๆ ถึงได้เหยียบย่ำซ้ำเติมเจ้าขนาดนี้”
เฮ่อโยวกัดฟันแน่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ก็เพราะมันและแม่สาระเลวของมัน ร่วมมือกันทำให้ท่านย่าของข้าตาย! ถึงแม้ข้าจะตายไปแล้ว วิญญาณของข้าก็จะไม่มีวันอโหสิกรรมให้พวกมัน!”
เฉินเสียนเห็นเขาน้ำตาไหลออกมา จึงยื่นมือไปช่วยเช็ด พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ถ้าหากเจ้าไม่เห็นว่าข้าเป็นเพื่อนที่เลวแล้วล่ะก็ บอกข้ามา ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“เฉินเสียน ข้ากอดท่านได้หรือไม่? ข้ารู้สึกว่าหากกอดท่านแล้วมันจะเจ็บปวดน้อยลง” เฮ่อโยวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
เฉินเสียนจึงเอนตัวเข้าไปกอดปลอบใจเขา
เขาที่ในตอนแรกยังทนได้ แต่สุดท้ายเขาก็ซบหน้าลงบนไหล่ของเธอร้องไห้ออกมา
ตอนที่เฮ่อโยวอยู่ในจวน ฮูหยินใหญ่ทั้งรักและเอ็นดูเขาที่สุด และเขาเองก็รักท่านย่าของเขามาก
แต่ท่านย่าของเขาได้กระอักเลือดและตายไปต่อหน้าต่อตาเขา ตอนนี้พยานยังชี้ให้เห็นว่าเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้ท่านย่าตายไปเพราะตรอมใจ